บทที่ 1886 หอพิพากษาปีศาจ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1886 หอพิพากษาปีศาจ

 

จางหยินเป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆจึงต้องถอย

 

ไม่เพียงพวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด กระทั่งพวกเขาจะทําได้ แต่พวกเจ้าก็จะสร้างความขุ่นเคืองต่อผู้อมตะระดับแปด

 

แม้จางหยินจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่บางครั้งผู้บ่มเพาะสันโดษยังน่ากลัวกว่าผู้อมตะฝ่ายธรรมะ เนื่องจากพวกเขาไม่ถูกผูกมัดโดยกฎเกณฑ์ใดๆ

 

เหตุผลที่จางหยินสนใจวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต คนอื่นๆไม่สามารถสอบถาม

 

ในฐานะตัวแทนของวังสวรรค์ จวินเฉินกงเฝ้ามองเรื่องนี้ด้วยความกังวล

 

บรรพชนทะเลปราณเป็นเจ้าภาพของงานเลี้ยงครั้งนี้ซึ่งมีการทําธุรกรรมแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะและทรัพยากรอมตะในที่สาธารณะ มันเป็นการตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออก

 

หลังจากงานเลี้ยงครั้งนี้จบลง พลังการต่อสู้โดยรวมของผู้อมตะทะเลตะวันออกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

นี่เป็นข่าวดีสําหรับทะเลตะวันออกแต่เป็นข่าวร้ายสําหรับวังสวรรค์

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรพชนทะเลปราณประกาศว่าจะจัดงานเลี้ยงทะเลปราณขึ้นทุกปี นี่ทําให้จวินเฉินกวงอดคิดไม่ได้ว่าบรรพชนทะลปราณผู้นี้ว่างมากเกินไปหรือไม่ เขาต้องการจัดงานเลี้ยงทุกปี เขาไม่เหนื่อยงั้น หรือ นอกจากนั้นเขายังไม่เก็บค่าธรรมเนียม แล้วหลังจากนี้เขาต้องการทําสิ่งใดต่อไป?

 

ดูเหมือนบรรพชนทะเลปราณจะไม่ได้ไร้ความทะเยอทะยาน เขาพยายามยกระดับชื่อเสียงของตนโดยใช้งานเลี้ยงทะเลปราณเพื่อรักษาอิทธิพลและชื่อเสียงของเขา ในอนาคตไม่ว่าเขาจะเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรืออยู่ในทะเลตะวันออก เขาก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

 

‘ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนทะเลปราณมีลูกหลานมากมายอยู่ในมิติช่องว่างของเขา ในอนาคตเมื่อคนเหล่านี้ท่องเที่ยวไปในทะเลตะวันออกภายใต้ชื่อของบรรพชนทะเลปราณ พวกเขาจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากทุกกองกําลัง’

 

ในฐานะผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ จวินเฉินกวงสามารถมองเห็นแผนการที่ซ่อนอยู่

 

ข้อมูลนี้ถูกส่งกลับไปยังวังสวรรค์ทันที

 

เทพธิดาจื่อเว่ยบอกให้จวินเฉินกวงประมูลวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต

 

จวินเฉินกวงขมวดคิ้วแต่เขาไม่สงสัยว่าเหตุใดวังสวรรค์จึงต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดความจริงก็คือวังสวรรค์ลอบค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดมาตลอดและมีความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

จวินเฉินกวงรู้สึกลําบากใจขณะลอบตอบกลับเทพธิดาจื่อเว่ย “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้จางหยินเข้าสู่การประมูลและเสนอราคาค่อนข้างสูง”

 

วังสวรรค์ให้ความสําคัญอย่างมากกับงานเลี้ยงทะเลปราณ พวกเขาส่งจวินเฉินกวงมาร่วมงานอย่างเปิดเผยขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังมีสายลับแฝงตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกเช่นกัน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างบังเอิญนัก ข้าสนใจวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตเช่นกัน” หยางจุนกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน

 

หยางจุนเป็นผู้อมตะระดับแปด นี่ทําให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป

 

การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ทุกคนตกตะลึง กระทั้งฟางหยวนยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

ในชีวิตก่อนหน้า หยางจุนเข้าร่วมในการต่อสู้เพื่อวังมังกร

 

เขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่เรียกว่ารถมาสมบัติ ในช่วงเวลาที่เขาไล่ล่าวังมังกร เขาพบร่องรอยของฟางหยวน

 

หลังจากนั้นหยางจุนยังช่วยราชันมังกรปราบปรามวังมังกรก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ระหว่างการต่อสู้เพื่อกอบกู้วิญญาณชะตากรรม หยางจุนไม่ได้ปรากฏตัวเพื่อช่วยวังสวรรค์

 

ในการต่อสู้ที่ดุเดือด วังสวรรค์ต้องใช้กําลังรบทั้งหมด แต่หยางจุนไม่ปรากฏตัว นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่สมาชิกของวังสวรรค์ เขาน่าจะมีข้อตกลงบางอย่างกับวังสวรรค์และต้องทําเพื่อพวกเขาหนึ่งครั้ง

 

“ตอนนี้เขากําลังทํางานให้กับวังสวรรค์หรือไม่?” ฟางหยวนคิด

 

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอนุมาน

 

แม้ฟางหยวนจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาขาดเบาะแสและหลักฐาน เขาไม่แน่ใจ

 

แต่ฟางหยวนยังออกค่าสั่งให้จางหยินเพิ่มข้อเสนอในการประมูลวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต

 

จางหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หยางจุน ข้าต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้จริงๆ หากเจ้ายืนยันเช่นนั้น เราคงต้องต่อสู้ตัดสิน”

 

หยางจุนขมวดคิ้วและคิด จางหยินต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้แม้จะต้องต่อสู้งั้นหรือ? บรรพชนทะเลปราณ สามารถเอาชนะเขาได้ในการเคลื่อนไหวเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจางหยินอ่อนแอ!

 

“เห้อ…ข้าควรทําเพื่อวังสวรรค์ต่อไปหรือไม่?”

 

หยางจุนลังเล

 

เขาเคยติดหนี้บุญคุณวังสวรรค์และต้องตอบแทนพวกเขาหนึ่งครั้ง แต่เรื่องนี้ทําให้หยางจุนรู้สึกกังวล

 

หยางจุนครุ่นคิดเกี่ยวกับมันก่อนจะตัดสินใจช่าระหนี้ให้แก่วังสวรรค์

 

“นี่เป็นโอกาสที่ดี หากข้าไม่ทํามันที่นี่ ในสงครามห้าภูมิภาค วังสวรรค์จะขอให้ข้าจัดการผู้อมตะของทะเลตะวันออก เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไม่สามารถปฏิเสธพวกเขา”

 

โชคดีที่ข้ารู้สถานการณ์ของนักประดาน้ํา

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางจุนก็เผยรอยยิ้ม “จางหยิน อย่าใจร้อน ไม่จําเป็นต้องทะเลาะวิวาท วิญญาณอมตะ หัวใจโลหิตเป็นของนักประดาน้ํา ข้ามั่นใจว่าวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีของข้าจะตอบสนองความพึงพอใจของเขา”

 

หลังกล่าวจบคํา หยางจุนก็น่าวิญญาณอมตะออกมา

 

นักประดาน้ําเห็นและมีความสุขมาก เขารีบตะโกน “ตกลง ข้าจะแลกเปลี่ยนกับมัน”

 

จางหยินตกตะลึง

 

เขาไม่สามารถทําสิ่งใดในสถานการณ์นี้ กระทั่งบรรพชนทะเลปราณก็ไม่สามารถหยุดมัน

 

พวกเขาต้องเล่นไปตามบทบาทของตนเอง

 

หยางจุนลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ ณ จุดนั้น

 

กลุ่มผู้อมตะมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน

 

หยางจุนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ เหตุใดเขาต้องทําเช่นนี้? เขาจริงจังเกินไปหรือไม่?

 

หยางจุนสูดหายใจลึกและผ่อนคลายลง เขาส่งวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตไปยังสวรรค์สีเหลืองทันที

 

การซื้อขายวิญญาณอมตะในสวรรค์สีเหลืองมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่วังสวรรค์ไม่สนใจ พวกเขาร่ํารวยมาก

 

เทพธิดาจื่อเว่ยได้รับวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตและมอบให้บางคนอย่างรวดเร็ว

 

คนผู้นี้บ่มเพาะอยู่ในหอพิพากษาปีศาจตลอดเวลา หลังจากได้รับวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต เขาดีใจมาก “ความสําเร็จมาเยือนแล้ว!”

 

เขาออกจากหอพิพากษาปีศาจและปลดปล่อยกลีบดอกไม่โลหิตออกไปรอบๆ

 

เขาเป็นชายร่างสูงที่มีหน้าตาหล่อเหลาและมีผ้าคาดหน้าผากสีแดงเลือด

 

บันไดโปร่งแสงก่อตั้งขึ้นกลางอากาศขณะที่เขาเดินลงมาอย่างช้าๆ

 

ฟางเจิ้งกําลังฝึกฝนอยู่ด้านหน้าหอพิพากษาปีศาจ เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาเร่งคุกเข่าลง “ฟางเลิ้งคารวะท่านอาจารย์!”

 

“ลุกขึ้น ศิษย์ของข้า ข้าได้รับวิญญาณอมตะที่สําคัญมาแล้ว มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะที่ข้าพยายามคิดค้นมาตลอดชีวิต หลังจากอยู่ในหอพิพากษาปีศาจมานานหลายร้อยปี ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่ข้าจะจากไป”

 

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้กล่าวด้วยน้ําเสียงที่อบอุ่น เขาผายมือและส่งพลังงานอันไร้รูปลักษณ์ออกไปช่วยประคองฟางเจิ้งให้ลุกขึ้นยืน

 

ฟางเจิ้งป้องหมัดอีกครั้ง “ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์”

 

หลังจากราชันมังกรนําฟางเพิ่งกลับมาจากทะเลตะวันออก ฉันติงหลิงสังเกตโชคของเขาและแนะนําเทพธิดาจื่อเว่ยว่าฟางเจิ้งควรเป็นผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนต่อไป

 

เทพธิดาจื่อเว่ยและราชันมังกรยอมรับข้อเสนอนี้

 

ดังนั้นฟางเจิ้งจึงถูกส่งมาฝึกฝนที่หอพิพากษาปีศาจและกลายเป็นศิษย์ของผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนปัจจุบัน

 

หอพิพากษาปีศาจเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เมื่อบรรพชนบ่อเลือดสร้างความโกลาหลขึ้นในห้าภูมิภาค วังสวรรค์ตระหนักถึงอันตราย ขณะที่เจตจํานงสวรรค์ช่วยให้พวกเขาได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งเลือดที่เหมาะสมและสามารถสร้างหอพิพากษาปีศาจ คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้สามารถค้นหาทุกคนที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้า

 

วังสวรรค์ใช้ข้อมูลที่ได้รับจากหอพิพากษาปีศาจเพื่อจัดการกับผู้คนที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด พวกเขายังส่งมันไปยังอีกสี่ภูมิภาคและทําให้กองกําาลังฝ่ายธรรมะของภูมิภาคอื่นสามารถจัดการผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

กล่าวได้ว่าเส้นทางแห่งเลือดถูกหยุดโดยหอพิพากษาปีศาจหลังนี้

 

ตั้งแต่บรรพชนบ่อเลือดสร้างเส้นทางแห่งเลือดขึ้นมา วังสวรรค์ก็เริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับมันแล้ว พวกเขาเป็นกองกําลังที่มีความสําเร็จมากที่สุดเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือด

 

ผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนปัจจุบันคือนักพเนจรหัวใจสีชาติ เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด เขาร่วมมือกับวังสวรรค์ค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดมานานหลายปี

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เทพธิดาเก้าวิญญาณปรากฏตัวขึ้น “นักพเนจรหัวใจสชาติ ข้าถูกสั่งให้มาที่นี่และรวมกลุ่มกับเจ้าเพื่อไปสร้างปัญหาให้กับตระกูลฟางของทะเลทรายตะวันตก”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติพยักหน้าก่อนจะออกคําสั่งฟางเจิ้ง “หอพิพากษาปีศาจต้องมีผู้ดูแล ศิษย์ของข้า เจ้าจะรับช่วงต่อจากข้าและเป็นผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนต่อไป มรดกของข้ารวมถึงประสบการณ์การบ่มเพาะของผู้ดูแลรุ่นก่อนถูกเก็บไว้ภายใน จากนี้ไปเจ้าสามารถฝึกฝนอยู่ในหอพิพากษาปีศาจ นี่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะทํางานอย่างหนัก อย่าทําให้โชคลาภครั้งนี้สูญเปล่า”

 

“ทราบแล้ว ข้าจะจดจําค่าสอนของท่านอาจารย์เอาไว้” ฟางเจิ้งเร่งตอบรับ

 

“อืม” นักพเนจรหัวใจสีชาติพยักหน้าก่อนจะจากไป

 

เขากับฟางเพิ่งมีความสัมพันธ์ที่ตื้นเขินมาก หากไม่ใช่เพราะคําสั่งของเทพธิดาจอเว่ย เขาจะไม่รับฟางเจิ้งเป็นศิษย์

 

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์นี้ช่วยนักพเนตรหัวใจสีชาติได้มาก

 

“โชคเป็นสิ่งลึกลับอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสฉินติงหลิงบอกให้ข้ารับฟางเจิ้งเป็นศิษย์ เมื่อเรากลายเป็นอาจารย์กับศิษย์ แม้เพียงในนาม ข้าก็ยังจะได้รับโชคจากเขา”

 

“ผู้ใดจะคิดว่าในช่วงเวลาสั้นๆข้าจะได้รับโชคลาภครั้งใหญ่ ก่อนจากไปข้าควรไปเยี่ยมผู้อาวุโสฉินติงหลิง” นักพเนจรหัวใจสีชาติกล่าว

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณพยักหน้า

 

พวกเขาไม่รีบร้อน

 

ทั้งสองไปพบฉินติงหลิงที่วังสวรรค์ ฉินติงหลิงยังตรวจสอบโชคของพวกเขาและบอกพวกเขาว่าตราบเท่าที่ พวกเขาทําตามแผน มันจะเป็นการเดินทางที่ราบรื่น

 

หลังจากทั้งสองบอกลาฉินติงหลิง พวกเขาก็บินขึ้นสู่บนท้องฟ้าและเห็นผู้อมตะผู้หนึ่งขึ้นอยู่ที่หอเย็บปักถักร้อย

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณถอนหายใจ “เขาคือฟงจิวเก้อ หลังจากพ่ายแพ้ในสายธารแห่งกาลเวลา เขากลายเป็นคนสิ้นหวัง”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติสายศีรษะและแสดงออกอย่างจริงจัง “ตอนนี้เขาก่าลังทําความเข้าใจเตของตนเอง เขาเหมือนขาก่อนหน้านี้ เราไม่ควรขัดจังหวะเขา”

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณประหลาดใจ “โอ้ ไม่แปลกใจเลยที่เทพธิดาจื่อเว่ยปล่อยให้เขาทําสิ่งที่เขาต้องการ ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าได้รับมรดกเก้าวิญญาณและฝึกฝนมันโดยไม่เคยดัดแปลง ข้าไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติปลอบโยน “มรดกเก้าวิญญาณของเจ้าเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงสวรรค์ มันอยู่ในจุดที่เกือบสมบูรณ์แบบและไม่สามารถพัฒนาได้อีก”

 

แม้เขาจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดแต่เขายังมีความอบอุ่นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณยิ้ม “ย้อนกลับไปเมื่ออาจารย์มอบมรดกนี้ให้ข้า เขาบอกว่าพรสวรรค์ของข้าไม่เพียงพอ เมื่อพบอัจฉริยะเช่นเจ้า ข้าทําได้เพียงชื่นชมและอิจฉาเท่านั้น”

 

ผู้อมตะทั้งสองพูดคุยและหัวเราะขณะเดินทางออกจากประตูสวรรค์กลาง