อันที่จริงแล้วเหตุผลที่หลิงตู้ฉิงรับคำท้าของเล้งหวงแบบง่าย ๆ นั้นมีอยู่ 2 ประการ
ประการแรกก็คือ เขาต้องการที่จะทดสอบวิชาพเนจรไร้จำกัดว่ามันจะใช้งานได้ดีขนาดไหน ส่วนประการที่สองก็คือเขาต้องการให้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ช่วยงานของเขาบางอย่างในอนาคต ดังนั้นเขาจึงเป็นต้องทำให้เย่ชางคงสามารถยืนหยัดในตำแหน่งเจ้าสำนักได้อย่างมั่นคง
ทางด้านของเย่ชางคงและมู่หลงหยานต่างก็มองหน้ากันด้วยความสับสน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงยอมตอบรับคำท้าเอาง่าย ๆ แบบนี้
เนื่องจากภาพของเหตุการณ์ที่เกิดในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนยังคงติดตาอยู่ มู่หลงหยานจึงไม่ค่อยจะกังวลเท่าไหร่เกี่ยวกับการประลองนี้ แต่ในทางกลับกันเย่ชางคงกลับรู้สึกว่าเขาไม่มั่นใจเท่าไหร่
ส่วนทางด้านของหยูหงเว่ย เมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงตอบรับคำท้าแบบง่าย ๆ เขาก็ขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไร
หากเล้งหวงสามารถเอาชนะหลิงตู้ฉิงได้มันก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากเล้งหวงทำไม่ได้ตระกูลหยูก็คงจะต้องล้มเลิกแผนการสนับสนุนเล้งหวง และทำได้แต่ทวงคนและสมบัติเท่านั้น
“ข้าแนะนำว่าให้เจ้าลงมือก่อนจะดีกว่า!” เล้งหวงพูดขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ “ไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าถ้าให้ข้าลงมือก่อน เจ้าคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “มันควรจะเป็นข้ามากกว่าที่พูดคำนี้! ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นยังมีไม่ถึง 1 ใน 100 ส่วนของพ่อเจ้าด้วยซ้ำ แต่ฝีปากของเจ้ากลับดุดันกว่าพ่อของเจ้านับหมื่นเท่าเห็นจะได้ แต่ก็อย่างว่าแหละ พ่อของเจ้าเป็นทาสรับใช้ของข้า ดังนั้นเขาจะกล้าพูดกับข้าแบบนี้ได้ยังไงจริงไหม?”
อันที่จริงหากเล้งเจี้ยนชิวมาอยูที่นี่ตอนนี้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งของหลิงตู้ฉิง เขาคงจะจับลูกชายของเขามาหวดก้นจนเดินไม่ได้แน่นอน
แต่น่าเสียดายที่เล้งเจี้ยนชิวไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
เมื่อเล้งหวงได้ยินเช่นนี้ เขาก็เดือดดาลขึ้นมาทันที
ในวันนี้หลิงตู้ฉิงจงใจย้ำคำว่าพ่อของเขาเป็นทาสรับใช้ไปแล้วหลายต่อหลายรอบ ซึ่งมันทำให้เขาโมโหจนแทบคลั่ง
“ได้! ถ้างั้นเจ้าจงระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน และก็อย่ามาโทษข้าทีหลังว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า!” เล้งหวงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล
เมื่อพูดจบ เล้งหวงก็ยกมือข้างซ้ายขึ้นและพูดว่า “ในมือซ้ายของข้าคือพลังเพลิงแห่งเทพสุริยะที่สามารถแผดเผาไปได้ถึงสวรรค์ชั้นเก้า!”
จากนั้นเล้งหวงยกมือขวาขึ้นและพูดต่อ “ส่วนในมือขวาของข้าคือกฎแห่งแสงอาทิตย์ ซึ่งมีอำนาจในการโจมตีดวงวิญญาณโดยตรง!”
การที่เล้งหวงสามารถใช้ทั้ง 2 กระบวนท่านี้ได้พร้อม ๆ กันมันหมายความว่าในตอนนี้ร่างกายเทพสุริยะของเขาจัดว่าอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบ
และถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะลดระดับการบ่มเพาะของตัวเองให้ลงมาเท่ากับหลิงตู้ฉิง ซึ่งอยู่ในขอบเขตนภาระดับ 7 แต่อำนาจของ 2 กระบวนท่าที่เขาแสดงออกมามันเพียงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญได้แบบสบาย ๆ
และด้วยความมั่นใจของเขา เขาถึงขนาดจงใจบอกกระบวนท่าทั้ง 2 ว่ามันมีผลอย่างไรบ้างให้กับหลิงตู้ฉิงได้ยิน ราวกับว่าเขาดูถูกกลัวว่าหลิงตู้ฉิงจะรับมือกับพวกมันไม่ไหว
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นทั้ง 2 กระบวนท่าที่เล้งหวงแสดงออกมา เขาก็ส่ายหัวด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“พลังแห่งกฎของเจ้ามันล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งหมด!” หลังจากที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ ทั้งเปลวเพลิงในมือซ้ายและแสงที่ส่องสว่างในมือขวาของเล้งหวง จู่ ๆ ก็ดับวูบลงราวกับว่าพวกมันเป็นเทียนไขที่ถูกลมพัดอย่างกะทันหัน
บรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึง
แค่เจ้าบอกว่ามันเป็นของปลอม มันก็เป็นของปลอมงั้นเหรอ?
ว่าแต่แสงและเพลิงเหล่านั้นจู่ ๆ มันดับไปได้ยังไง?
จะมีก็แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้นที่รู้ว่าการที่จะทำแบบนี้ได้ หลิงตู้ฉิงจะต้องมีระดับความเข้าใจในพลังแห่งกฎอยู่ในระดับที่สูงมาก ๆ จนน่าตื่นตะลึง
ในสายตาของพวกเขา พวกเขาได้เห็นว่าหลิงตู้ฉิงบังคับให้พลังงานในกฎที่เล้งหวงเรียกออกมาสูญสลายไป ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลให้ทั้ง 2 กระบวนท่าที่เล้งหวงเรียกใช้ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่เล้งหวงเองก็รู้สึกตกตะลึง
เมื่อกี้มันคือวิชาอะไรกัน?
จากนั้นเพียงชั่วพริบตา เขาก็คืนสติได้และตะโกนว่า “ก็แค่วิชานอกรีต! ลองเจอกับลูกศรเทพสุริยะของข้าหน่อยเป็นไง!”
เล้งหวงไม่ละความพยายาม เขาออกกระบวนท่าอีกครั้งควบแน่นพลังแห่งกฎของเพลิงสุริยะและแสงอาทิตย์เข้าด้วยกัน และขึ้นรูปให้มันเป็นลูกศร จากนั้นเขาเขวี้ยงไปที่หลิงตู้ฉิงในทันที
“ลูกศง ลูกศรอะไรกัน ทุกอย่างที่เจ้าใช้มันปลอมทั้งหมดชัด ๆ” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นต่อ
แน่นอนว่าหลังจากที่พูดจบ ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิมคือลูกศรที่เล้งหวงเขวี้ยงออกมาจู่ ๆ สลายหายไปภายในพริบตา
หยูปิงที่ทนเห็นภาพนี้ไม่ไหวก็โทรจิตไปหาเล้งหวง “หลานหวง อย่าใช้พลังแห่งกฎสู้กับเขา เขาคือตัวตนที่กลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นความเข้าใจในพลังแห่งกฎของเขานั้นน่าจะไม่ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ หากเจ้ายังคงใช้พลังแห่งกฎอยู่แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัว”
ทางด้านของเย่ชางคงก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาประหลาดใจ เพราะว่าต่อให้เป็นเขา เขาก็ไม่สามารถบังควบคุมพลังแห่งกฎได้เหมือนกับหลิงตู้ฉิง!
หลังจากที่เล้งหวงได้รับการเตือนจากหยูปิง เขาก็จ้องเขม็งไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาไม่ยินยอม
ถ้าหากใช้พลังแห่งกฎไม่ได้ผล ถ้าอย่างนั้นข้าจะใช้พลังวิญญาณในการจัดการกับเจ้าแทน!
“นี่คือหมัดที่ข้าคิดค้นขึ้นเอง หมัดเทพสุริยะ!” เล้งหวงตะโกนขึ้นพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปหาหลิงตู้ฉิง
แต่เมื่อในวินาทีที่หมัดของเล้งหวงกำลังจะได้สัมผัสร่างของหลิงตู้ฉิง จู่ ๆ ระยะห่างระหว่างหมัดของเล้งหวงและร่างของหลิงตู้ฉิงก็เคลื่อนออกห่างกัน 3 เมตรอย่างน่าอัศจรรย์
โดยไม่รีรออะไร เล้งหวงก็พุ่งตัวเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงอีกรอบ ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นเหมือนเดิมคือเขาไม่สามารถปิดระยะเข้าไปใกล้ตัวหลิงตู้ฉิงได้เลย
จากนั้นเล้งหวงก็ไล่ตามหลิงตู้ฉิงอย่างไม่ลดละ แต่ไม่ว่าเขาจะไล่ตามหลิงตู้ฉิงสักเท่าไหร่ เขาก็ไม่เคยที่จะไล่ตามหลิงตู้ฉิงได้ทันเลยสักครั้ง
อย่าว่าแต่จะออกหมัดให้โดนหลิงตู้ฉิงเลย เอาแค่การเข้าใกล้หลิงตู้ฉิงในตอนนี้เล้งหวงก็ยังทำไม่ได้
ความเร็วขนาดนี้มันคืออะไรกัน?
แต่ในทางกลับกันทั้ง จ้าวเหมิงลู่ หลิวเฟ่ยเฟ่ย หลิงเทียนหยุน และหลงเฉิน กลับมองตามการเคลื่อนไหวของหลิงตู้ฉิงแบบตาไม่กระพริบ เพื่อเอาสิ่งที่พวกเขาเห็นมาประกอบความเข้าใจในวิชาพนเจรไร้จำกัด
“หากเจ้ารู้สึกไม่ยินยอม เจ้าสามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเจ้าได้นะ” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อเช่นนี้ เล้งหวงก็ยิ่งโมโหมากเข้าไปใหญ่ เขากู่ร้องอย่างบ้าคลั่งและเพิ่มระดับการบ่มเพาะของตัวเองจนขึ้นไปถึงขอบเขตนภาระดับ 13
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่มระดับการบ่มเพาะแล้ว ระยะห่างระหว่างตัวเขากับหลิงตู้ฉิงในขณะที่เขาวิ่งไล่ตามก็ยังคงอยู่ที่ 3 เมตรเหมือนเดิม ไม่ย่นลงเลยแม้แต่น้อย
“หากเจ้ายังรู้สึกไม่ยินยอม เจ้าสามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเจ้าอีกได้นะ” หลิงตู้ฉิงหัวเราะอีกครั้ง
รอบนี้เล้งหวงไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว มันจะยิ่งเป็นเรื่องน่าอายมากกว่าหากเขายังคงไม่สามารถไล่จับฝั่งตรงข้ามได้แบบนี้ ดังนั้นโดยไม่พูดพร่ำอะไรต่อ เขาเปิดใช้ทักษะอาณาเขตสวรรค์จำกัดพื้นที่หนีของหลิงตู้ฉิงทันที
“เอาล่ะ ทีนี้ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะยังหนีข้าได้อีกไหม!” เล้งหวงหัวเราะด้วยสีหน้าสะใจ