ภาคที่ 37 บนเส้นทาง ตอนที่ 8 อีกฟากหนึ่งของหุบเขาเขี้ยวหัก

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

แม้จักรพรรดิเป่ยเหอจะเข้าไปในสถานที่ต้องห้าม ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ กว่าสองแสนล้านปีแล้ว แต่ก็มีสถานที่หลายแห่งภายในทางเดินเขี้ยวอสรพิษที่ปลอดภัยอย่างยิ่ง เช่น ‘จุดเชื่อมต่อ’ ของทางเดินแห่งต่างๆ ซึ่งพายุคลั่งแผ่ไปไม่ถึง หรืออย่างภายในกลุ่มแสงมิติ หากตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เข้าไปภายในเศษเสี้ยวโลกเอง ก็จะไม่ถูกโจมตีแต่อย่างใด เมื่ออยู่ในสถานที่ปลอดภัยเช่นนี้ ก็ย่อมไม่สูญเสียพลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษหรือหยาดน้ำพันเนตร อยากจะบำเพ็ญนานเท่าใดก็ย่อมได้!

**“**ยอดเคารพเฮ่ากู่กับจ้าวหิมะเหินหรือ เหตุใดจึงบังเอิญถึงเพียงนี้ได้ มาพบพวกท่านทั้งสองเข้า” จักรพรรดิเป่ยเหอรู้สึกสั่นสะท้านใจ ถึงขั้นคิดไปว่าจ้าวหิมะเหินมาแก้แค้น! เพราะถึงอย่างไรการช่วงชิงสมบัติชั้นยอดระดับอย่างหยาดน้ำพันเนตรไป ก็เพียงพอให้เหล่าผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิใช้ชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อมันได้แล้ว

แต่จากนั้นเขาก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป

ยอดเคารพเฮ่ากู่เข้ามาพร้อมกับจ้าวหิมะเหินสองคน ก็ต้องใช้สมบัติชั้นยอดถึงสองชิ้น คงไม่ใช่เพราะความแค้นเพียงเล็กน้อยหรอก!

**“**คิดไม่ถึงว่ายอดเคารพและจ้าวหิมะเหินจะมายังหุบเขาเขี้ยวหักด้วย ได้พบเข้า ช่างบังเอิญเสียจริง” จักรพรรดิเป่ยเหอเผยรอยยิ้มออกมาพลางพูดว่า “จ้าวหิมะเหิน ครั้งก่อนช่างน่าละอายนัก ข้ามีแต่จิตคิดอยากได้สมบัติล้วนๆ นอกจากนี้ท่านก็ยังเคยรับปากว่า ท้ายที่สุดแล้วก็จะมอบหยาดน้ำพันเนตรนั่นให้ข้า ข้าก็แค่เอามาไว้ในมือล่วงหน้าเท่านั้น แม้จะทำลายร่างแยกของท่านไปร่างหนึ่ง แต่ท่านมีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน สำหรับท่านแล้วก็คงมิได้เสียหายอะไรหรอกกระมัง…”

**“**เฮอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าเข้มขึ้น พลางมองดูจักรพรรดิเป่ยเหอซึ่งยืนอยู่บนทางเดินเส้นเลือดที่เปล่งแสงรำไรอยู่ไกลออกไป

จักรพรรดิเป่ยเหอเห็นเข้าก็พูดว่า “ข้ารู้ว่าข้าผิดสัญญา จ้าวหิมะเหินโมโหมาก ข้าก็มีสิ่งชดใช้ให้! ขอเพียงจ้าวท่านไม่เก็บมาใส่ใจ ข้ามีสมบัติลับอันสูงส่งอยู่ชิ้นหนึ่ง ยินดีมอบให้จ้าวท่าน ขอจ้าวท่านโปรดคลายความโกรธด้วย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีความรู้สึกดีต่อจักรพรรดิเป่ยเหอผู้นี้แม้แต่น้อย

ตอนนั้น รับปากว่าจะช่วยเหลือ ก็เพราะไม่อยากเห็นโลกชนพื้นเมืองดั้งเดิมจำนวนมากต้องประสบกับหายนะ ตนช่วยให้เขาได้ ‘น้ำค้างบุปผาสีดำ’ มา จักรพรรดิเป่ยเหอเคยรับปากว่าจะให้ผลประโยชน์แก่เขาตั้งมากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มิได้ให้อะไรเลย ก็ทำลายร่างแยกของตนก่อนเสียแล้ว

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองอีกฝ่ายจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว

เป่ยเหอผู้นี้…โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! เพื่อเส้นทางของตน ก็ไม่สนใจวิธีการมดๆ

**“**จ้าวหิมะเหิน” ยอดเคารพเฮ่ากู่ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งกลับพูดยิ้มๆ “เป่ยเหอผู้นี้รังแกเจ้าเช่นนี้ วันนี้เจ้ากับข้ามาพบเขาที่นี่ ก็เป็นลิขิตมาแล้วว่าควรสังหารเขาเสีย! หากเจ้าไม่คัดค้าน พวกเรามาลงมือจัดการเขากันดีหรือไม่”

**“**ยอดเคารพ!” สีหน้าของจักรพรรดิเป่ยเหอเปลี่ยนแปรครั้งใหญ่ เขาร้องเสียงหลงว่า “เหตุใดยอดเคารพจึงต้องบีบบังคับข้าเช่นนี้ด้วยเล่า”

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สะดุ้งเฮือก

สังหารจักรพรรดิเป่ยเหอทิ้งอย่างนั้นหรือ

พวกเขาทั้งสามต่างก็มีพลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษและหยาดน้ำพันเนตรคุ้มกาย แต่นี่ก็มิได้แปลว่าไร้ศัตรู! เนื่องจากพละกำลังคุ้มกายนี้ได้รับผลกระทบจากสถานที่ต้องห้ามจึงถูกกระตุ้นขึ้นมา และทำได้เพียงคุ้มกายเท่านั้น มิอาจใช้รุกโจมตีได้! หากสามารถรุกโจมตีได้ เกรงว่าตนก็คงจะได้ ‘กริชสีดำ’ ในกลุ่มแสงมิติก่อนหน้านี้มาไว้ในมืออย่างง่ายดายไปแล้ว

เนื่องจากมิอาจรุกโจมตีได้ พลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษและหยาดน้ำพันเนตรเมื่ออยู่บนผิวกายก็เหมือนกับเกราะซึ่งมีการป้องกันอันไร้เทียมทานชั้นหนึ่ง

แต่ต่อให้เกราะป้องกันไร้เทียมทานยิ่งกว่านี้

เมื่อถูกกระแทก ก็ยังต้องถูกกระแทกจนกระเด็นไปอยู่ดี!

ดังนั้นขณะที่พวกตงป๋อเสวี่ยอิงถูกน้ำวนอันดำมืดดูดเข้ามานั้น จึงมิอาจคงร่างกายเอาไว้ให้นิ่งได้ จนถูกหอบม้วนเข้ามาในทางเดินเขี้ยวอสรพิษ! หรือกล่าวได้ว่าหากพวกตงป๋อเสวี่ยอิง ยอดเคารพเฮ่ากู่และจักรพรรดิเป่ยเหอประมือกันขึ้นมา ก็จะต้องถูกกระแทกจนกระเด็นลอยไป หากยอดเคารพเฮ่ากู่สู้กับจักรพรรดิเป่ยเหอแบบตัวต่อตัว แม้จักรพรรดิเป่ยเหอจะตกเป็นรอง แต่ก็พอจะรักษาสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างพอถูไถ

แต่กระบวนท่าทางด้านวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงออกไป แสงสีดำคุ้มกายนั้นก็มิอาจคุ้มกันวิญญาณได้ พลังการห้ำหั่นของจักรพรรดิเป่ยเหอลดลงเป็นอย่างมาก ความแตกต่างก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนี่ก็คือความแตกต่างของ ‘ระดับแม่ทัพเทพ’ และยอดเคารพ

ความแตกต่างมากมายขนาดนี้ ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบเสียจนน่าอนาถเลยทีเดียว!

เกรงว่าเพียงหนึ่งหรือสองกระบวนท่าก็คงจะถูกกระแทกจนไปถึงความว่างเปล่าด้านข้างแล้ว

ต้องรู้ไว้ว่าพวกเขาบินเลียบทางเดินไป เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะหลายบริเวณนอกทางเดินมีพายุคลั่งพัดโหม จึงเผาผลาญพลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษและไข่มุกไขกระดูกพันเนตรมากยิ่งกว่า นอกจากนี้พลังแตกต่างกันมากเกินไป ยอดเคารพเฮ่ากู่ก็อาจจะจับจักรพรรดิเป่ยเหอ ‘ทั้งเป็น’ ได้ จากนั้นก็จะส่งเขาไปยังสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่งยวด และทำลายพลังของหยาดน้ำพันเนตรในกายเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

เมื่อพลังถูกเผาผลาญจนสิ้น ก็ถึงคราวตายของจักรพรรดิเป่ยเหอแล้ว

**“**ยอดเคารพ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงในใจ เมื่อครู่ยอดเคารพเฮ่ากู่เพิ่งจะเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษโดยไม่ยอมเสียพลังแม้สักนิด แต่ตอนนี้กลับยินดีสูญเสียพลังเพื่อจัดการกับเป่ยเหออย่างนั้นหรือ

เขาจะเข้าใจเสียที่ไหนกัน

ข้อแรก จักรพรรดิเป่ยเหอออกจะแข็งกร้าวต่อยอดเคารพเฮ่ากู่อยู่ก่อนแล้ว เขารวบรวมแม่ทัพเทพทั้งสามสิบหกนายขึ้นมาก็เพื่อช่วงชิงทรัพยากรกับเหล่ายอดเคารพ ยอดเคารพเฮ่ากู่จึงไม่ค่อยชมชอบอยู่บ้างแล้ว ทว่าแม้จะสามารถกดดันได้ แต่กลับมิอาจจัดการได้ก็เท่านั้นเอง ครั้งนี้มีตงป๋อเสวี่ยอิงคอยช่วยเหลือ จึงสามารถจัดการได้ค่อนข้างง่าย ข้อสองก็คือเขาได้ขนนกสีแดงเพลิงนั้นมาแล้ว ผลประโยชน์ที่ได้จากการเข้ามาในทางเดินเขี้ยวอสรพิษครั้งนี้ใหญ่พอแล้ว จะเผาผลาญพลังไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษสักเล็กน้อย ยอดเคารพเฮ่ากู่ก็ไม่ค่อยสนใจสักเท่าใดแล้ว นอกจากนี้ยอดเคารพเฮ่ากู่ก็อยากใช้โอกาสนี้สร้างบุญคุณให้ตงป๋อเสวี่ยอิง ทำให้ในภายหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงตั้งใจช่วยเขาจัดการเรื่องต่างๆ มากขึ้น

**“**จ้าวหิมะเหิน ลงมือหรือไม่” ยอดเคารพเฮ่ากู่หัวเราะ

ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็มิได้ลังเลอีกต่อไป “ประเสริฐ ยอดเคารพ ขอบคุณท่านด้วย!”

สวบๆ

ยอดเคารพเฮ่ากู่และตงป๋อเสวี่ยอิงกลายเป็นลำแสงพุ่งไปสังหารจักรพรรดิเป่ยเหอที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกัน

**“**โหดร้ายนัก เฮ่ากู่ เจ้าจะยืมมือจ้าวหิมะเหินมากำจัดข้ากระมัง” จักรพรรดิเป่ยเหอขบกรามกรอดพลางทะยานหนีไปอีกทิศหนึ่งของทางเดินเส้นเลือดอย่างรวดเร็ว

ความเร็วในการบินของยอดเคารพเฮ่ากู่เพิ่มสูงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดแม้จะพาตงป๋อเสวี่ยอิงไปด้วยก็ตาม

สวบ**,,,**

คนหนึ่งรุก คนหนึ่งหนี!

แม้เดิมทีจะห่างกันค่อนข้างมาก แต่ระยะทางก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

**“**ช่างมันแล้ว” จักรพรรดิเป่ยเหอมองไปด้านหลังแวบหนึ่ง เขาผ่านจุดเชื่อมต่อของทางเดินเส้นเลือดอย่างรวดเร็ว เข้าไปในทางแยกสายแล้วสายเล่า ทะยานไปทางกลุ่มแสงมิติสายหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป

**“**หนีเข้าไปในกลุ่มแสงมิติหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง

หนีเข้าไป ก็มีแต่ทางตันเท่านั้น!

**“**เอ๊ะ หรือว่า…” นัยน์ตาของยอดเคารพเฮ่ากู่หรี่ลงเล็กน้อย

สวบๆๆ!

จักรพรรดิเป่ยเหอพุ่งเข้าไปภายในมิติกลุ่มแสงนั้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตงป๋อเสวี่ยอิงและยอดเคารพเฮ่ากู่แทบจะทะยานเข้าไปติดๆ ชั่วขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงทะยานเข้าไปก็ต้องตกใจขึ้นมา “กลุ่มแสงนี้ใหญ่โตนัก ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในทะเลแห่งการรับรู้เลยทีเดียว แต่กลับไม่มีอานุภาพกดดันเลยแม้แต่น้อยหรือนี่”

ฟิ้ว

หลังจากทะลุผ่านผนังเยื่อของกลุ่มแสงมาจนถึงมิติภายในแล้ว

หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงเข้ามาแล้วมองดูแวบหนึ่ง ก็อดเบิกตาโพลงมิได้ เขาอ้้าปากค้างอย่างมิอาจควบคุม ด้วยสายตาของเขาในตอนนี้ ก็ทำเอาตะลึงงันไปหมด นี่แทบจะเป็นภาพที่น่าตกตะลึงที่สุดที่เขาได้เห็นด้วยตาตนเองนับตั้งแต่เขาเกิดมาแล้ว

**“**นี่ นี่ นี่มัน…” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูด้วยความตะลึงงัน

เขายืนอยู่กลางอากาศภายในมิติ เมื่อทอดสายตามองไป ผนังเยื่อรอบด้านล้วนขยับเป็นจังหวะอย่างแปลกประหลาด

เมื่อมองผ่านผนังเยื่อเหล่านี้ไป ก็จะสามารถมองเห็นภาพหุบเขาเขี้ยวหักนอก ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ ได้! นอกจากนี้เมื่ออยู่ภายในกลุ่มแสงมิตินี้ หุบเขาเขี้ยวหักที่ได้เห็น ก็แตกต่างกับที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง

อสรพิษตัวเขื่องอันคดเคี้ยวหาใดเปรียบตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตา

สถานที่ต้องห้ามทางเดินเขี้ยวอสรพิษแห่งนี้ ก็คือหัวอสรพิษ! ร่างกายของอสรพิษกลับคล้ายมีคล้ายไม่มี มันทะลุทะลวงไปทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก อันที่จริงแล้ว ‘โลกชนพื้นเมืองดั้งเดิม’ แห่งต่างๆ ล้วนแต่เป็นมิติที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนร่างกายที่คล้ายมีคล้ายไม่มีของอสรพิษขนาดมหึมาตัวนี้ โลกมิติแห่งต่างๆ ล้วนแต่ดำรงอยู่ตามซากของอสรพิษตัวเขื่องนี้

ที่อีกฟากหนึ่ง

สิ่งมีชีวิตพันเนตรก็ใหญ่โตตระหง่านง้ำเช่นกัน มันมีกรงเล็บหลายสิบอัน บนร่างมีดวงตาแน่นขนัดนับพันดวง ทั้งร่างคล้ายมีคล้ายไม่มีแต่กลับแทบจะสมบูรณ์ดี ‘เกาะลอยคว้าง’ แห่งต่างๆ ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของร่างอันใหญ่โตมโหฬารนี้ อย่าง ‘ดวงตาสีเทา’ และ ‘ดวงตาสีทอง’ ต่างๆ นั้น ก็ตรงกับตำแหน่งต่างๆ ของซากศพพอดิบพอดี

ดวงตาอันเร้นลับบนยอดต้นไม้ประหลาดแต่ละต้น อันที่จริงแล้วต้นไม้ประหลาดแต่ละต้นก็คือเส้นเลือดเล็กจิ๋วภายในซากอันใหญ่โตนั่นเอง

การจะเด็ดเอาดวงตาอันเร้นลับจากศพที่แทบจะสมบูรณ์ดี ก็เท่ากับดึงเอาดวงตาไปจากซากศพ ซากของสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นระดับนี้ จะทำลายก็ยากยิ่งนัก ไม่ว่าดวงตาดวงไหนก็มิอาจเอาไปได้! บนเกาะลอยคว้างแห่งนี้มีสิ่งประหลาดอยู่หลายสิ่งที่แค่สัมผัสโดนก็จะถูกอานุภาพกดดันอันน่าหวาดหวั่นโจมตี

**“**ทั้ง..ทั้ง…ทั้งหุบเขาเขี้ยวหักแปรมาจากซากของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นสองร่างอย่างนั้นหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงเหลือแสน

เกาะลอยคว้างทั้งหลายล้วนอยู่บนซากของสิ่งมีชีวิตพันเนตร

โลกชนพื้นเมืองดั้งเดิมทั้งหลายล้วนอยู่บนร่างของอสรพิษขนาดมหึมา

มิน่าเล่า เมื่อเหยียบย่างลงบนเกาะลอยคว้างจึงเผชิญกับแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบ แม้แต่ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา’ ก็ยังไร้ประโยชน์ ต้องรู้ไว้ว่าสามารถสำแดงในมิติคละถิ่นได้ แต่เมื่ออยู่ในเกาะลอยคว้างกลับมิอาจสำแดงได้! เห็นได้ชัดว่าถูกอานุภาพที่หลงเหลือจากซากของสิ่งมีชีวิตพันเนตรกดดันเอาไว้

**“**ผู้แกร่งกล้าจากหลายเผ่าพันธุ์ล้วนพากันตามหาซากศพของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งสองที่แข็งแกร่งที่สุดในตำนาน พวกเจ้าผู้บำเพ็ญก็คงกำลังตามหาอยู่กระมัง แต่แทบจะไม่รู้กันเลยว่า ทั้งหุบเขาเขี้ยวหักแปรมาจากซากศพสองร่างนี้ พวกเราอยู่บนซากนี้กันตลอดเวลา” แม้ยอดเคารพเฮ่ากู่จะเห็นภาพตรงหน้ามามิใช่แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังคงตะลึงงันอยู่ดี

ส่วนจักรพรรดิเป่ยเหอที่อยู่ไกลออกไปกลับมิได้สนใจมองภาพอันงดงาม เขาเคยเห็นมาก่อนแล้ว หากแต่เตรียมพร้อมจะมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงและยอดเคารพเฮ่ากู่ก็เท่านั้นเอง

…………………………………