อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2015 เว้นเสียแต่อะไร?
เป็นอย่างที่คิดไว้ เทคนิควรยุทธที่ประมวลได้มีข้อบกพร่องมากมายอย่างเหลือเชื่อ มากถึง 7 ข้อเลยทีเดียว ไม่มีทางที่เขาจะยอมฝึกฝนอะไรที่น่าขยะแขยงแบบนี้!
ดูเหมือนเราต้องหาทางรวบรวมหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงให้ได้มากกว่าเดิม
จางเซวียนกุมขมับอย่างปวดใจ
เขาน่าจะต้องการหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงอีกอย่างน้อย 400 เล่ม เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้น แต่รวมแล้วก็คงจะมีราคาสูงมาก อย่างน้อยๆ เหรียญสำนักดาบที่เขามีอยู่ในเวลานี้ก็คงไม่พอ
จางเซวียนเดินวนรอบหอสมุดเพื่อให้แน่ใจว่าถ่ายโอนหนังสือทุกเล่มเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้าแล้ว ก่อนจะออกจากตรงนั้นมาพร้อมกับถอนหายใจอย่างจนปัญญา
หลังจากกลับถึงที่พัก จางเซวียนครุ่นคิดหนัก
แม้แต่ในสถานที่อย่างสำนักดาบเมฆเหิน การสำเร็จวรยุทธได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูงก็เพียงพอจะทำให้ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสฝ่ายในแล้ว ในบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด มีไม่กี่คนที่เข้าถึงระดับนี้ คงไม่เป็นการพูดเกินเลยหากจะบอกว่านักรบอมตะตัวจริงนั้นแข็งแกร่งพอที่จะกลายเป็นผู้ทรงอำนาจในดินแดนส่วนใหญ่ของทวีปที่ถูกลืม!
หากเปรียบเทียบกับทวีปแห่งปรมาจารย์ วรยุทธระดับนี้ก็พอจะเทียบได้กับวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
เป็นธรรมดาที่หนังสือเทคนิควรยุทธขั้นนี้จะมีจำนวนน้อยมาก แต่ด้วยอิทธิพลสูงส่งของสำนักดาบเมฆเหิน จึงสามารถรวบรวมได้ถึง 600 เล่มอย่างที่เห็น
แต่หากเขาไม่สามารถประมวลเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์ได้ ก็ไม่มีทางได้ฝึกฝนวรยุทธต่อ เขายอมตายเสียดีกว่าที่จะต้องฝึกฝนเทคนิควรยุทธที่มีข้อบกพร่องอยู่ในนั้นถึง 7 ข้อ!
ปรมาจารย์ขงมอบตราสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้เราใช้ทุกสิ่งจากหอนิรันดร์ได้เราน่าจะใช้มันซื้อหาหนังสือเทคนิควรยุทธได้นี่ใช่ไหม*?* จางเซวียนคิด
จากที่หานเจี้ยนชิวบอก ตราสัญลักษณ์ที่เขาเพิ่งได้รับจากปรมาจารย์ขงนั้นมีมูลค่าไม่จำกัด ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาจะใช้มันซื้อหนังสือเทคนิควรยุทธทั้งหมดที่เขาต้องการได้หรือเปล่า?
ก่อนหน้านี้จางเซวียนเคยทดลองมาแล้ว แต่ในตอนนั้นค่าใช้จ่ายก็สูงเกินไป ในเมื่อตอนนี้เขามีตราสัญลักษณ์อยู่ในมือ เงินก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอีก
จางเซวียนตาโตเมื่อคิดได้ แต่ครู่ต่อมา เขาก็หน้าเจื่อนขณะพึมพำ “แต่เราต้องออกจากสำนักดาบเมฆเหินเสียก่อน…”
เป็นที่รู้กันว่าเขาไม่อาจใช้ตราสัญลักษณ์อันนี้กับพื้นที่ด้านในของหอนิรันดร์ที่สำนักดาบเมฆเหินควบคุมดูแลอยู่ เขาจะต้องไปที่บริเวณด้านนอกของหอนิรันดร์เพื่อใช้สิทธิพิเศษนี้
เราต้องหาข้อมูลสักหน่อยก่อนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป จางเซวียนคิดขณะที่กลับถึงบ้านพักพอดี
เห็นไป๋เหรินชิงยังอยู่ จางเซวียนเดินเข้าไปถาม “ไม่ทราบว่าเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้สำนักดาบเมฆเหินที่สุดอยู่ที่ไหน? แล้วที่นั่นมีหอนิรันดร์หรือเปล่า?”
“คุณอยากไปหรือ?” ไป๋เหรินชิงชะงักไปเล็กน้อย
“ผมมีจุดประสงค์บางอย่าง” จางเซวียนตอบตามตรง
“เมืองที่อยู่ใกล้กับสำนักของเราที่สุดคือเมืองอู๋ไห่ ห่างจากที่นี่ไปราว 3,000 ลี้ ชื่อของมันมีต้นกำเนิดจากทะเลอู๋ที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ในระดับขั้น 1 จึงมีหอนิรันดร์อยู่ที่นั่นด้วย” ไป๋เหรินชิงตอบ
“อือ ก็ไม่ไกลเท่าไหร่…” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
ด้วยระยะทางสามพันลี้ เขาน่าจะขี่อสูรเพื่อเดินทางไปถึงที่นั่นได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง
“มันอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ก็จริง แต่สำนักดาบเมฆเหินไม่อนุญาตให้ศิษย์สายตรงคนไหนออกจากพื้นที่ได้ตามใจ จะต้องผ่านกระบวนการมากมายกว่าจะได้รับอนุญาตให้ออกไปได้ อันที่จริง อาจต้องผ่านการอนุมัติจากสภาผู้อาวุโสด้วยซ้ำ กระบวนการทั้งหมดจะกินเวลาหลายวัน” ไป๋เหรินชิงอธิบาย
“หลายวัน?” จางเซวียนขมวดคิ้ว ระบบบ้าบออะไร*!*
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และถามต่อ “แล้วผู้อาวุโสล่ะ? พวกเขาได้รับอนุญาตให้ออกจากพื้นที่อย่างอิสระไหม?”
“พวกเขาไม่มีสิทธิ์พิเศษแบบนั้นหรอก เว้นเสียแต่จะมีกิจธุระสำคัญบางอย่าง เหล่าผู้อาวุโสไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากสำนักได้ตามใจเช่นกัน” ไป๋เหรินชิงตอบ “เว้นเสียแต่…”
รู้ดีว่าเธอเป็นตัวเจ้าปัญหา ผู้อาวุโสไป๋เย่ผู้เป็นท่านปู่จึงกำชับกำชาไป๋เหรินชิงอย่างดีไม่ให้ก่อเรื่องยุ่งยาก
“เว้นเสียแต่อะไร?”
“เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะมีภารกิจ โดยปกติ เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์สายตรงที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจจะสามารถเข้านอกออกในสำนักได้โดยไม่มีปัญหา” ไป๋เหรินชิงตอบ
“ภารกิจ?”
“เมื่อบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในและศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดเกิดร้อนเงินขึ้นมา พวกเขาก็จะตรงไปที่หอภารกิจ ขอแค่มีตราสัญลักษณ์การปฏิบัติภารกิจอยู่กับตัว ก็จะออกจากสำนักได้โดยไม่มีข้อห้ามใดๆ” ไป๋เหรินชิงอธิบาย
จางเซวียนตาโตเมื่อเข้าใจ
ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ยินว่าการจะได้เหรียญสำนักดาบมาผ่านการปฏิบัติภารกิจนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ก็รู้สึกว่าใช้เวลานานไปหน่อย
“อาจารย์ลุง ถ้าคุณอยากไปจริงๆ ฉันหาภารกิจแล้วพาคุณไปเมืองอู๋ไห่ได้นะ” ไป๋เหรินชิงพูด
เธออยากออกจากสันเขาแห่งนี้เพื่อไปท่องโลกมานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ท่านปู่ไม่เคยอนุญาต แม้เธอจะเคยปฏิบัติภารกิจมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ไปไกลจากสำนักดาบเมฆเหินเลย แต่คราวนี้ ในเมื่อมีอาจารย์ลุงอยู่ด้วย ท่านปู่คงยับยั้งเธอไม่ได้แน่
เมืองอู๋ไห่เป็นเมืองใหญ่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง อยู่ใกล้กับสำนักดาบเมฆเหิน เธอได้ยินชื่อของมันมานานแล้ว และอยากไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นไปที่หอภารกิจกันเถอะ” จางเซวียนพยักหน้า
ด้วยสถานภาพของเขาในตอนนี้ คงไม่เหมาะสมนักที่ตัวเขาจะปฏิบัติภารกิจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไป๋เหรินชิงจะดีกว่า
“ไปกัน!”
ไป๋เหรินชิงกระโจนขึ้นหลังอสูรอย่างตื่นเต้น ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังหอภารกิจโดยเร็ว
หอภารกิจคือสถานที่ที่สำนักดาบเมฆเหินจะมอบหมายภารกิจให้กับบรรดาศิษย์สายตรง ความยากง่ายของภารกิจจะขึ้นอยู่กับรายละเอียดของปฏิบัติการ โดยปริมาณของค่าตอบแทนก็จะต่างกันไป
ทั้งคู่กวาดสายตาดูประกาศมากมายที่ปักอยู่บนกระดาน ไม่ช้าก็พบภารกิจ 2-3 อย่างที่เกี่ยวข้องกับเมืองอู๋ไห่
ภารกิจของเมืองอู๋ไห่ดูจะยากกว่า แต่ค่าตอบแทนก็เย้ายวนใจมาก
“ภารกิจตรวจสอบสมบัติจากตลาดอู๋ไห่ ค่าตอบแทน 30 เหรียญสำนักดาบ เรารับงานนี้กันเถอะ” จางเซวียนพูดยิ้มๆ
ภารกิจอื่นดูจะต้องลงทุนลงแรงมากกว่านี้ ขณะที่ภารกิจนี้ต้องการให้เขาตรวจสอบข้าวของเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ซึ่งหลังจากปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็จะมีเวลาอีกมากที่จะสำรวจหอนิรันดร์ในดินแดนนั้น
“อาจารย์ลุง ฉันเกรงว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่เห็นนะ” ไป๋เหรินชิงขมวดคิ้ว
“ภารกิจจากเมืองอู๋ไห่มีทั้งหมด 17 ภารกิจ ส่วนใหญ่มีค่าตอบแทนราว 20 เหรียญสำนักดาบ แม้แต่ภารกิจนี้…การช่วยชีวิตลูกสาวท่านเจ้าเมือง ก็มีค่าตอบแทนเพียง 25 เหรียญสำนักดาบเท่านั้น คุณไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรือที่ภารกิจการตรวจสอบสมบัติมีค่าตอบแทนมากขนาดนี้?”
ขนาดตัวเธอ ซึ่งน้อยครั้งที่จะคิดอะไรละเอียดลออ ก็ยังรู้สึกได้ว่าภารกิจการตรวจสอบสมบัติครั้งนี้มีบางอย่างแปลกๆ เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์ลุงจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ
แน่นอนว่าเขาดูออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตรวจสอบสมบัติ ขอแค่เขามีหอสมุดเทียบฟ้า ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
“ถ้าคุณมั่นใจ ฉันจะนำภารกิจนั้นมาให้คุณ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการตรวจสอบสมบัติ” ไป๋เหรินชิงตรงเข้าประเด็น
เธอบูชาอาจารย์ลุงของเธอคนนี้จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีข้อขัดข้อง ก็แปลว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
หลังจากแน่ใจแล้วว่าทั้งคู่จะรับภารกิจนี้ ไป๋เหรินชิงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่
ไม่ช้าเธอก็ได้ตราสัญลักษณ์การปฏิบัติภารกิจมา ทันทีที่ภารกิจสำเร็จลุล่วง ก็จะปรากฏบนตราสัญลักษณ์นี้โดยอัตโนมัติ จากนั้นค่าตอบแทนก็จะถูกโอนเข้าสู่บัตรนิรันดร์ของผู้ปฏิบัติภารกิจ
สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ไว้ก็คือมันมีระยะเวลาจำกัด เพราะเมืองอู๋ไห่อยู่ใกล้ และภารกิจนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสำรวจหรือผจญภัย ดังนั้น หากภารกิจไม่สำเร็จลุล่วงภายใน 3 วัน ผู้รับภารกิจก็จะต้องจ่ายค่าชดเชยสำหรับการเสียเวลาเป็นเงินจำนวน 3 เหรียญสำนักดาบ
ทั้งคู่รับตราสัญลักษณ์การปฏิบัติภารกิจมา จากนั้นก็ขึ้นขี่หลังอสูรมุ่งหน้าไปเมืองอู๋ไห่ ทิ้งสำนักดาบเมฆเหินไว้เบื้องหลัง
…..
ได้ฟังรายงานจากผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้า หานเจี้ยนชิวกุมขมับ
ว่าที่เจ้าสำนักของพวกเขาคนนี้ช่างหาเรื่องมาให้วิตกกังวลเสียจริงๆ เมื่อครู่นี้เองที่เขาเพิ่งบอกอีกฝ่ายไปอ้อมๆว่าอย่าสร้างปัญหาภายในสำนัก แต่ในชั่วพริบตา เจ้าหนุ่มนั่นก็โบยบินไปเมืองอู๋ไห่เสียแล้ว
ทำไมถึงไม่อยู่ในสำนักอย่างว่าง่ายและฝึกฝนวรยุทธของตัวเองไป?
การที่อีกฝ่ายทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จก็หมายความว่าความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของเขาเข้าถึงขั้นสุดยอดแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือยกระดับวรยุทธ ขอแค่ได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูง ต่อให้หานเจี้ยนชิวเองก็ไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้ เมื่อถึงเวลานั้น จางเซวียนจะกลายเป็นนักรบผู้ไร้เทียมทานอย่างไม่มีใครเทียบในทวีปที่ถูกลืม
แต่เจ้าหนุ่มนั่นก็ไม่พักไม่ผ่อนเลย หลังจากรังแกบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในได้สำเร็จ ก็รังแกศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดต่อ ตามด้วยเหล่าผู้อาวุโส และสุดท้ายก็เป็นตัวเจ้าสำนักเอง ซึ่งเมื่อได้ทุกอย่างสมใจแล้ว ก็บินฉิวไปเมืองอู๋ไห่!
เขาจะตายไหมหากหยุดทำตัวอวดเก่งสักวันหนึ่ง?
อีกอย่าง ต่อให้เขาไม่อยากฝึกฝนวรยุทธแค่ไหน แต่ก็เพิ่งได้รับดาบที่มีวรยุทธขั้นอมตะขั้นสูงไป แน่นอนว่าเขาจำเป็นจะต้องทำความคุ้นเคยกับดาบบ้าง เพื่อปูพื้นฐานของการทำให้มันยอมจำนนในอนาคต ไม่ใช่หรือ?
“เราควรไปจับตัวเขาและบีบบังคับให้เขาฝึกฝนวรยุทธไหม?” ผู้อาวุโสเหอหน้าดำคร่ำเครียด
“จะดีที่สุดหากเรานำตัวเขากลับมาได้…” หานเจี้ยนชิวพยักหน้าก่อนจะหยุดกึก เขาครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตั้งคำถาม “ความเร็วในการยกระดับวรยุทธของเขาเป็นอย่างไร? หากเขาได้เป็นนักรบเสมือนอมตะระดับล่างตั้งแต่อายุ 20 ปี นั่นก็หมายความว่าเขามีวิถีทางในการยกระดับวรยุทธของตัวเอง ถูกไหม? ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายแผนการของเขา มันอาจช้าหน่อย แต่อย่างน้อยก็จะช่วยบ่มเพาะเจตจำนงของเขาได้”
การทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบนั้นขึ้นอยู่กับโชคและความปราดเปรื่องของนักรบแต่ละคน แต่การฝึกฝนวรยุทธนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่ความพากเพียรอย่างไม่ลดละ นักรบทุกคนจะต้องก้าวไปทีละขั้น และเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง