ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 667 ทำเรื่องประเสริฐไม่เอ่ยนามไว้ เป็นไปได้หรือ?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

คำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้คนที่อยู่รอบๆ กังขาอยู่บ้าง แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดก็ตาม

ทุกคนเพียงแค่สนใจเฉพาะเรื่องตรงหน้าของเขาเท่านั้น

ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างคนหนึ่งไม่พอใจ “พูดจาส่งเดช”

ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นกลับตีฝีปากเยาะเย้ย “ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ตนเองก็อย่ากระทำ พวกท่านรีบร้อนฆ่าคนขนาดนี้ คงจะไม่ได้จะฆ่าปิดปากใช่หรือไม่?”

สำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดมีความแค้นกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะศัตรูร่วมกันอย่างราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ทั้งสองฝ่ายย่อมสู้กันไม่เลิกรา

ปัจจุบันถึงแม้จะอยู่ในกองทัพต่อต้านต้าเสวียนเหมือนกัน แต่ในยามปกติยังคงไม่ปรองดองกัน

แม้จะไม่ได้ขัดกันถึงขั้นอะไรที่เจ้าเห็นด้วยข้าไม่เห็นด้วย แต่สามารถทำให้หนงอวี่ซวนซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสำนักแสงสว่างเสียหายได้ สำนักความมืดย่อมยินดีทำ

ถึงผลลัพธ์ของพิธีกรรมอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือกจะตกไปอยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอ จะทำให้คนสำนักความมืดคับข้องเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพราะการบุกของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทำให้พิธีกรรมล้มเหลว เยี่ยนจ้าวเกอเพียงแค่มีโชควาสนาพานพบเท่านั้น

พลังหลงเหลือของพิธีกรรมหากไม่ตกไปอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็น่าจะตกไปอยู่ในมือของหนงอวี่ซวนแห่งสำนักแสงสว่าง

เทียบกับฝ่ายหลังแล้ว ฝ่ายแรกย่อมทำให้สำนักความมืดรับได้มากกว่า

ในตอนนี้มีโอกาสเล่นงานสำนักแสงสว่างแล้ว สำนักความมืดย่อมยินดียืนอยู่ข้างเยี่ยนจ้าวเกอ

ในกองทัพแสงสว่างมีคนแค่นเสียง “เหมือนปลิงที่ได้กลิ่นคาวเลือด สำนักเราเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย พวกท่านก็มาเกาะแล้ว”

“คิดจะเอาเปรียบ ต้องดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากล่าว ใครก็รู้ว่า เมื่อพูดถึงค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ผู้อาวุโสหนงของสำนักเราได้ศึกษาอย่างลึกซึ้งยิ่ง แม้จะเป็นราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็มีไม่กี่คนที่สู้ได้”

เขากวาดสายตามองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “เรื่องใหญ่เช่นนี้ จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์เพียงคนเดียวจะทำได้หรือ? เป็นเรื่องตลกของใต้หล้าแท้ๆ”

ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นยังคงเยือกเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ไยพวกท่านต้องรีบร้อน?”

ชายชราผู้นี้ไม่รู้ว่าคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นจริงหรือปลอม แต่เขาคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

ขณะที่พิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือกดำเนินอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับเดินทางจากหอสักการะย่อยไปยังหอสักการะหลักตามพลังของพิธีกรรมโดยไร้รอยขีดข่วน

ไม่เอ่ยถึงว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อย่างน้อยความสามารถนี้ก็อธิบายได้แล้วว่า เยี่ยนจ้าวเกอมีระดับในด้านวิชาค่ายกลไม่ธรรมดา

เรื่องนี้ทำให้ผู้คนในสำนักความมืดมีความมั่นใจในใจอยู่บ้าง

ผู้อาวุโสชีแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือยามนี้เอ่ยถามช้าๆ “วิธีการทำลายของหนงแสงดารา ปัจจุบันไม่ใช่ความลับ หลังจากเหล่าผู้อาวุโสของแต่ละสำนักไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็แน่ใจว่าวิธีการไม่มีปัญหา ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติเกาะเฉวียนหลิง ถูกทำลายด้วยการรบกวนไฟใต้พิภพแบบเก้าดาวต่อเนื่อง”

“คุณชายเยี่ยนกลับออกมาพูดว่าตนเป็นคนทำลายค่ายกลในตอนนั้น มีคนอื่นพิสูจน์ได้หรือไม่?”

ขณะที่พูด เขากวาดมองเยว่เป่าฉีแวบหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าเยว่เป่าฉีเคยพูดถึงข้อสงสัยของตนเองกับผู้อาวุโสคนนี้ไปแล้ว

เยว่เป่าฉีได้บอกไว้แล้ว ผู้อาวุโสชีในตอนนี้จึงไม่ได้ตกตะลึงมากนัก

อย่างน้อย ก็ไม่ได้ตำหนิว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นแค่มหาปรมาจารย์กำลังคุยโวโอ้อวด

ชายหนุ่มพูดเหมือนไม่มีอะไรสลักสำคัญ “ถ้าเป็นพยานบุคคล กลับไม่มีจริงๆ”

คนในสำนักแสงสว่างแค่นเสียงเอ่ย “เป็นเจ้าใส่ความแต่ต้น นอกจากผู้สมรู้ร่วมคิดที่ร่วมมือกับเจ้า ย่อมไม่มีพยานบุคคลจริงๆ”

เยว่เป่าฉีขมวดคิ้ว ด้วยเพราะคำพูดของอีกฝ่ายมีความนัย

เยี่ยนจ้าวเกอพอมาถึงเกาะเทียนอิ้น ก็ตามหานางกับหอกระบี่ทะเลเหนือก่อน สำนักแสงสว่างรู้เข้า ย่อมต้องระวังตัว

แต่นางไม่ได้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอทำลายค่ายกลด้วยตาตัวเองจริงๆ ยามนี้จึงไม่กล้าเอ่ยวาจา

ผู้อาวุโสสำนักความมืดคนนั้นหลุดหัวเราะ “จะว่าไป การทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติของหนงอวี่ซวน ก็เป็นพวกท่านประกาศกันเอง มีพยานบุคคลหรือไม่?”

ผู้อาวุโสเกาะมนุษย์สำริดที่ไม่ส่งเสียงมาโดยตลอด ขณะนี้ค่อยๆ พูดขึ้น “ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติไม่อาจดูถูกได้ ในตอนนั้นราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องวางไว้อย่างเหมาะสม ทั้งยังสะสมสภาวะรอการทำงาน”

“มีวิธีทำลายค่ายกล ย่อมต้องคว้าโอกาสให้รวดเร็วที่สุด ผู้ใดจะมีความคิดและเวลาไปหาคนเป็นพยานบุคคลให้ตัวเองกัน?”

ผู้อาวุโสเกาะมนุษย์สำริดผู้นี้มองรอบๆ “หนงแสงดาราสามารถเล่าวิธีการทำลายค่ายกลได้ ปรมาจารย์ค่ายกลของแต่ละพรรคต่างยืนยันว่าไม่ผิดพลาด ยามนี้อาศัยคำพูดของคนเพียงคนเดียว ก็บอกว่าเขาแย่งความดีความชอบ นี่ไร้ความยุติธรรมเกินไปหรือไม่? มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่มีแค้นส่วนตัวด้วย?”

เขาค่อยๆ กวาดสายตามองเยี่ยนจ้าวเกอกับผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้น “ข้าคิดว่าควรจะรอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำลายสถานการณ์ใหญ่ของฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนเสียเปล่า”

“ทุกท่าน พวกเราในตอนนี้ไม่ได้ได้เปรียบ อำนาจหลักยังอยู่ที่ฝั่งโจรเสวียน หากไม่ระวังแม้เพียงนิดเดียว ย่อมมีภัยพิบัติครอบลงบนศีรษะ”

ผู้อาวุโสชีแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือเงียบงันลงเล็กน้อย

แต่ผุ้อาวุโสสำนักความมืดกลับนิ่วหน้า

ความนัยในคำพูดของอีกฝ่าย คือเข้าข้างสำนักแสงสว่างอย่างชัดเจน

ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างพูด ไม่มีใครมีพยานหลักฐานที่มีประโยชน์ นี่เป็นเรื่องที่คาดคิดได้จริงๆ

ใช้เพียงปากเปล่าชี้ว่าอีกฝ่ายสวมรอยแย่งความดีความชอบ กลับไม่มีหลักฐาน ยากจะทำให้คนยอมเชื่อ

ไม่เช่นนั้นใครต่างก็กระโดดออกมาปรักปรำคนทุกคนในเรื่องใดก็ได้แล้ว

อีกทั้งยังไม่อาจพิสูจน์ได้โดยการการวางค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติไว้ แล้วให้ทั้งสองฝ่ายมาประลองกันสักยก เพราะไม่มีวัตถุดิบวางค่ายกลมากพอ

ในสถานการณ์เช่นนี้ จะเข้าข้างสำนักแสงสว่างก็ถือว่าปกติ

ไม่เอ่ยถึงว่าหนงอวี่ซวนมีชื่อเสียงมากกว่า พูดถึงแค่การต่อสู้กับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องในตอนนี้ เมื่อไปถึงนาทีสำคัญ ด้านในกองทัพต่อต้านต้าเสวียนดันเกิดข้อขัดแย้ง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ดีต่อฝ่ายตน

ผู้อาวุโสีชีแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือยังลังเลอยู่บ้าง แต่สำหรับคนของเกาะมนุษย์สำริดแล้ว เพื่อรักษาความมั่นคงของสถานการณ์ใหญ่ ต่อให้หนงอวี่ซวนจะสวมรอยจริงๆ ขอแค่ไม่มีหลักฐานที่มัดตัวเขาได้ เกาะมนุษย์สำริดก็จะแสร้งทำตัวเลอะเลือน

ผู้อาวุโสเกาะมนุษย์สำริดผู้นั้นกวาดมองผู้อาวุโสชีกับผู้อาวุโสสำนักความมืดที่เป็นผู้นำกลุ่ม

ถึงจะไม่ได้พูด แต่พวกผู้อาวุโสชีเห็นคำพูดสี่คำในดวงตาของอีกฝ่าย

สถานการณ์ใหญ่สำคัญที่สุด

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นพวกเขาแลกสายตากันอย่างต่อเนื่อง มองดูทุกคนในสำนักแสงสว่างที่คันไม้คันมือ อดยิ้มกว้างขึ้นไม่ได้

“ไม่มีพยานบุคคล แต่มีพยานหลักฐาน”

ทุกคนต่างงงันงัน

ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏไข่มุกเม็ดหนึ่ง

เขาพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “หวงเจี๋ยเป็นคนคนหนึ่ง แต่ดูออกว่าเขาเป็นคนชอบทำอะไรอย่างเป็นความลับ ปากแข็ง ไม่เผยความคิดของตัวเองง่ายๆ

“ดังนั้นหากเขามีแผนการอะไร ส่วนใหญ่จะไม่บอกกับศิษย์ในสำนัก บางทีอาจจะบอกหวงซวี่บิดาของเขา หรือหวงกวงเลี่ยผู้เป็นซึ่งเป็นปู่ แต่ไม่มีทางบอกเมิ่งหวาน ไม่มีทางบอกถังหย่งฮ่าว”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ดังนั้นพวกท่านสำนักแสงสว่างอาจจะไม่รู้ว่า เขายังมีของเช่นนี้อยู่ในมือ และหลังจากข้าสังหารเขาทิ้ง ของก็ตกมาอยู่ในมือข้า

“ถ้าหากพวกท่านรู้ บางทีคงไม่ทำเรื่องเช่นนี้”

ชายหนุ่มหยิบไข่มุกเม็ดหนึ่งออกมา เมื่อมันลอยอยู่กลางอากาศ เขาใช้นิ้วแตะเบาๆ “ของชิ้นนี้ชื่อไข่มุกมองฟ้า ภาพที่ถูกบันทึกไว้ไม่อาจปลอมแปลง ไม่อาจปรับเปลี่ยน”

ไข่มุกสาดแสงออกมา ปรากฏกระจกมายาเงาแสงแผ่นหนึ่ง

เนื้อหาที่บันทึกอยู่ข้างใน ก็คือเยี่ยนจ้าวเกอแทงหินโสครกที่ก้นทะเลถึงเก้ากระบี่ ทำให้ไฟใต้พิภพพุ่งขึ้นมา ทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติที่น่านน้ำทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิง

คนของหอกระบี่ทะเลเหนือ เกาะมนุษย์สำริด สำนักความมืด เมื่อเห็นแล้วต่างตกตะลึง จากนั้นสายตาก็รวมกันบนร่างของหนงอวี่ซวนอย่างพร้อมเพรียง!

หนงอวี่ซวนจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง

ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอสบตากับอีกฝ่ายอย่างเรียบเฉย

คนที่ชอบทำตัวเด่นและชอบโอ้อวดอย่างข้าทำเรื่องประเสริฐโดยไม่ทิ้งชื่อไว้ เป็นไปได้หรือ?