ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 668 น้ำลดตอผุด ชื่อเสียงย่อยยับ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จุดมุ่งหมายของเยี่ยนจ้าวเกอ หากทำเรื่องใหญ่ มีคนดูต้องทำ ไม่มีคนดูก็ต้องสร้างขึ้นมาเอง

เป็นไปตามคำพูดของชายชราจากเกาะมนุษย์สำริด สถานการณ์ในตอนนั้นกระชั้นชิดและวุ่นวาย จะมีเวลามาหาพยานบุคคลหรือ?

เยว่เป่าฉีรับหน้าที่ทำให้คังจิ่นหยวนติดเบ็ด เป็นการคิดอย่างรอบคอบ ต่อจากนั้นนางก็ผละไปได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดิม

ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอมีไข่มุกมองฟ้าอยู่ในมือ ย่อมบันทึกเรื่องที่ตนทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีพิภพเงียบๆ

ตอนที่เขาเผยไข่มุกมองฟ้า คนในสำนักแสงสว่างต่างรู้สึกไม่ถูกต้อง คิดจะลงมือห้ามปราม

จอมยุทธ์สำนักความมืดกลับเข้าไปขวาง อุดทางของอีกฝ่าย

จอมยุทธ์เกาะมนุษย์สำริดขมวดคิ้ว มีความคิดจะเข้าใกล้ แต่เห็นพวกผู้อาวุโสชีแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือเข้ามาห้ามเหมือนตั้งใจเหมือนไม่ตั้งใจ

ทั้งสองฝ่ายยื้อยันกันอยู่ที่นั่น ครั้งนี้ไข่มุกมองฟ้าสาดประกายแสงออกมา สะท้อนกลายเป็นภาพ

ขณะมองภาพเงาแสง พร้อมกับที่ทุกคนตกใจในฝีมืออันน่าทึ่งซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็มองหนงอวี่ซวนโดยสัญชาตญาณ

คนที่อยู่บริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนไหนต่างไม่ใช่คนที่ไร้ประสบการณ์

ไข่มุกมองฟ้า แม้จะหายาก แต่พวกเขาก็รู้จักดี

ประโยชน์และจุดเด่นของของชิ้นนี้ ทุกคนต่างรู้ดีเช่นกัน

ของวิเศษชิ้นนี้มีประโยชน์ยิ่งกว่าพยานบุคคลเสียอีก ถึงอย่างไรพยานบุคคลก็อาจจะสมรู้ร่วมคิดได้

ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นหัวเราะฮ่าๆ “ราชาแสงดาราหนงอวี่ซวนอย่างนั้นหรือ? อัจฉริยะแห่งยุคซึ่งเป็นผู้ที่อาจจะเดินบนเส้นทางขององค์ราชาในอดีตที่ร้อยปียากพบพานหรือ?”

“ในความทรงจำของข้า องค์ราชาไม่ได้หน้าด้านเช่นนี้!”

คนของหอกระบี่ทะเลเหนือในตอนนี้มองคนของสำนักแสงสว่าง แม้จะไม่ได้พูด แต่สีหน้าไม่ได้ดีเท่าใดนัก

ถึงทุกคนจะอยู่ในข่ายกระบี่บนเกาะโม๋หลู ร่วมมือกันต่อต้านราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง แต่การทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดย่อมเป็นหอกระบี่ทะเลเหนือที่เป็นผู้ปกครองดินแดน

ดังนั้นเมื่อหนงอวี่ซวนปประกาศว่าตนเองทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ทั่วทั้งหอกระบี่ทะเลเหนือจึงนอบน้อมยิ่ง

ตอนนี้ความจริงปรากฏ พวกผู้อาวุโสชีพลันมีความรู้สึกว่าก่อนหน้าถูกหลอกลวง

หนงอวี่ซวนสีหน้าไร้อารมณ์ สายตาจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึก

เยี่ยนจ้าวเกอแค่นหัวเราะ “ที่บอกว่าภาพที่ไข่มุกมองฟ้าบันทึกไว้ไม่อาจปลอมแปลงไม่อาจปรับเปลี่ยน ความจริงไม่ถูกเสียทีเดียว

“จะพูดให้ถูกต้องคือ จอมยุทธ์ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปสามารถทำได้”

ชายหนุ่มยิ้มพลางแบมือ

ครั้นทุกคนได้ยินแล้ว พวกเขาก็มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความไม่พอใจแวบหนึ่ง

คำพูดนี้เท่ากับว่า ถ้าไม่ใช่หลักฐานที่ข้ามอบให้เป็นของจริง แสดงว่าเบื้องหลังของข้ายืนไว้ด้วยบุคคลระดับสุดยอด ที่เพียงแค่เป่าลมก็ทำให้ทะเลหวงเจียเปลี่ยนฟ้าเปลี่ยนดินได้

พวกท่านเลือกเอาว่าจะเชื่อความเป็นไปได้ใด

คนของสำนักแสงสว่างสีหน้าถมึงทึง คิดจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าก็อับจนถ้อยคำ

พวกเขาในตอนนี้เพิ่งเข้าใจสาเหตุที่เยี่ยนจ้าวเกอพูดว่า ‘การเคลื่อนไหวอย่างเป็นความลับ เป็นดาบสองคม ในขณะที่ปิดบังศัตรู ก็อาจจะปิดบังพวกตัวเองไปด้วย’ ในตอนแรก

คำพูดนี้ความจริงไม่ได้หมายถึงสำนักแสงสว่างของพวกเขา แต่หมายถึงหวงเจี๋ย

พวกเขาไม่รู้จริงๆ ว่าในโลกแปดพิภพมีไข่มุกมองฟ้าเม็ดหนึ่ง และไม่รู้ว่าไข่มุกมองฟ้าเม็ดนี้ตกมาอยู่ในมือหวงเจี๋ย

พวกเติ้งเซินแห่งสำนักแสงสว่างที่ไปยังโลกแปดพิภพต่างตายหมดสิ้น ไม่มีใครกลับมาสักคน

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงจางเชา เมิ่งหวาน และถังหย่งฮ่าวที่ขึ้นมาจากโลกแปดพิภพ กลับไม่รู้ว่าหวงเจี๋ยมีไข่มุกมองฟ้าอยู่

เมื่อเข้าใจถึงข้อนี้ จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่อยู่รอบๆ ต่างรู้สึกปวดศีรษะอย่างอดไม่ได้

คนหนุ่มที่ผู้อาวุโสภายในสำนักแสงสว่างเคยให้ความสำคัญ หลังจากเขาตายไปแล้ว กลับถูกอีกฝ่ายใช้ต่างดาบ แทงสำนักแสงสว่างอย่างดุดัน

ผู้อาวุโสเกาะมนุษย์สำริดกระอักกระอ่วนกว่าเดิม จมลงสู่ห้วงความคิด สายตาสลับไปมาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับหนงอวี่ซวน

ความจริงก็คือ เขาคิดจะเข้าข้างสำนักแสงสว่าง แต่กลับไม่มั่นใจมากพอ

แน่นอนว่า ในใจของพวกเขาก็ชื่นชมอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดดเด่น มีความสามารถเกินคนเช่นเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกัน

แต่สถานะของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ยังสู้สำนักแสงสว่างไม่ได้

คนหนึ่งคือคนหนุ่มที่อนาคตกว้างไกล แต่ยังรอให้ระดับเพิ่มขึ้น อีกคนคือสำนักแสงสว่างที่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงคอยคุ้มครองสำนัก มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเทวะสำแดงมากมาย

หากต้องเลือกระหว่างสำนักแสงสว่างกับเยี่ยนจ้าวเกอ เกาะมนุษย์สำริดยังคงเลือกฝ่ายแรกอย่างไม่ต้องสงสัย

พลังกับระดับแตกต่างกันเกินไป ความแข็งแกร่งสามารถบดขยี้ความเที่ยงธรรมได้ ไร้เหตุผลก็เปลี่ยนเป็นมีเหตุผลได้ เพียงแค่ฆ่าคนปิดปาก ทำลายพยานหลักฐานก็พอ

ทว่าสำนักความมืดกับหอกระบี่ทะเลเหนือไม่มีความคิดนี้ โดยเฉพาะสำนักความมืด ยิ่งไม่ยอมปล่อยไปโดยง่าย

มีสองสำนักนี้คอยคุ้มครอง เขาคิดจะช่วยสำนักแสงสว่างต่อ กลับไม่เกิดผลอะไร

ผู้อาวุโสชียามนี้พูดช้าๆ ว่า “คุณชายเยี่ยนทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ทำให้ข่ายอาคมบนเกาะโม๋หลูของพรรคเราไม่ได้รับความเสียหาย ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก”

คำพูดของเขาเท่ากับเป็นการตัดสินแล้ว ว่าคนที่ทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติคือเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ใช่หนงอวี่ซวน

ทุกคนต่างถอนใจ ‘คำพูดของหอกระบี่ทะเลเหนือเด็ดขาดถึงเพียงนี้…’

หนงอวี่ซวนเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุคของสำนักแสงสว่าง ตอนยังเด็กก็เป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนทะเลหวงเจียแล้ว ปัจจุบันค่อยๆ เติบโตเป็นแกนหลักของสำนักแสงสว่าง

เขาคือหนึ่งในคนที่มีหน้ามีตาในสำนักแสงสว่าง ขนาดทางราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องยังหมายหัว เบื้องหลังย่อมได้รับการสนับสนุนจากสำนักแสงสว่าง

ตรงกันข้าม ภายใต้ความตั้งใจของสำนักแสงสว่าง ความเป็นมาและเบื้องหลังของเยี่ยนจ้าวเกอแม้จะยังรางเลือน แต่ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

สำนักแสงสว่างพูดกันว่า เยี่ยนจ้าวเกอมาจากโลกเบื้องล่าง แต่ไม่มีผู้ช่วยเหลือที่สุดยอดอะไร

แน่นอนว่าทุกคนไม่ได้เชื่อคำพูดของสำนักแสงสว่างทั้งหมด เพียงแต่จะมากจะน้อยก็มีข้อกังขาอยู่บ้าง

ในสถานการณ์เช่นนี้ การตัดสินใจของหอกระบี่กระบี่ทะเลเหนือ แทบจะเท่ากับไม่กลัวล่วงเกินสำนักแสงสว่าง หรือสนับสนุนเยี่ยนจ้าวเกอที่เบื้องหลังไม่มีใคร เปิดโปงเรื่องที่หนงอวี่ซวนสวมรอยอย่างยุติธรรม

หอกระบี่ทะเลเหนือไม่ได้มีความขัดแข้งกับสำนักแสงสว่างในตอนนี้เหมือนกับสำนักความมืด

นี่แทบไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มี เพราะก่อนหน้าทั้งสองฝ่ายก็มีไปมาหาสู่กันน้อยอยู่แล้ว

เป็นเพราะบุญคุณทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติของเยี่ยนจ้าวเกอโดยสิ้นเชิง

ผู้อาวุโสชีมองไปยังคนของสำนักแสงสว่าง ก่อนจะพูดต่อ “ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อผู้คุมหอของข้าและเจ้าสำนักหลัวของสำนักท่านตามจริง ทุกอย่างให้พวกเขาเป็นคนจัดการ”

จอมยุทธ์เกาะมนุษย์สำริดได้ยินดังนั้น ต่างมองหน้ากันเอง

ความหมายของผู้อาวุโสชี เห็นได้ชัดว่าคิดจะแยกสำนักแสงสว่างกับหนงอวี่ซวน

ไม่ได้เจาะจงสำนักแสงสว่าง แต่เจาะจงหนงอวี่ซวนเพียงคนเดียว อย่างน้อยก็เหลือบันไดให้สำนักแสงสว่างได้ลง เพียงแต่ชื่อเสียงของหนงอวี่ซวนยังคงเสียหายอยู่ดี

แม้ต้องดูอีกว่าจะแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกันอย่างไร เพราะหนงอวี่ซวนเป็นคนมีหน้ามีตาในสำนักแสงสว่าง แต่เมื่อเทียบกับหอกระบี่ทะเลเหนือที่ตรงไปตรงมาโดยตลอด การกระทำนี้ของผู้อาวุโสชีออกจะเจ้าเล่ห์ไปบ้าง

คนของเกาะมนุษย์สำริดมองหน้ากัน ไม่กล่าวอะไรอีก

คนในสำนักความมืดได้ยิน พยักหน้าช้าๆ

การต่อต้านต้าเสวียนเป็นนโยบายหลัก พวกเขายินดีหักหน้าสำนักแสงสว่าง แต่ว่าก่อนที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจะล่มสลาย พวกเขายังไม่อยากฉีกหน้าสำนักแสงสว่างโดยสิ้นเชิง

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ยินดีไม่โกรธเคือง เพียงแค่พยักหน้าให้ผู้อาวุโสชีเล็กน้อย “ความรุนแรงของค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีพิภพอาจจะทำให้ทุกสรรพสิ่งในทะเลเหนือสูญสิ้น ต้าเสวียนโหดเหี้ยมไร้ปราณี ข้าทำไปด้วยความโกรธ ผู้อาวุโสชีเกรงใจแล้ว”

เขาไม่ได้พูดมาก เพียงมองพวกหนงอวี่ซวนอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

เห็นหนงอวี่ซวนเพียงมองตนเงียบๆ อย่างที่คิดไว้ สายตาของเขาไม่ได้มองพวกผู้อาวุโสชี ปฏิบัติต่อคำกล่าวของผู้อาวุโสชียิ่งเหมือนไม่สนใจ