บทที่ 1175 ศึกอาวุธมหสวรรค์

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1175 ศึกอาวุธมหสวรรค์

เมื่อป้ายหินสีดำปรากฏในมือจาโหลหลัว

คลื่นสาดซัดก็สะท้อนออกมาพร้อมกับน้ำสีดำที่กวาดออกไปไม่สิ้นสุด เปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นมหาสมุทรสีดำ

จาโหลหลัวยืนอยู่เหนือมหาสมุทรมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา

“ไม่คิดว่าต้องนำป้ายขวางสมุทรออกมาเพื่อจัดการแก มู่เฉิน… แกนี่สุดยอดจริงๆ!” จาโหลหลัวพูดขึ้นด้วยเสียงน่ากลัว ป้ายขวางสมุทรเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำที่ประมุขตำหนักเทพปีศาจจ่ายราคาไปมากกว่าจะได้มาและที่มอบให้เขาก็เพื่อสนับสนุนการทำภารกิจให้สำเร็จ

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของจาโหลหลัวบวกกับความช่วยเหลือจากป้ายขวางสมุทร แม้ว่าจะยังไม่สามารถต่อกรกับระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ แต่ก็ทำให้เขาสามารถฆ่าจอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับตี้จื้อจุนได้ อย่างง่ายดาย

เพราะพลังของอาวุธมหสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่อาวุธพบสวรรค์และเสมือนมหสวรรค์จะสามารถเทียบเคียงได้

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นบางคนยังไม่มีอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำแบบนี้ครอบครอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหายากเพียงใด

“อาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำเรอะ”

มู่เฉินยกสายตามองไปที่มหาสมุทรสีดำด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากพลังนั่นทำให้แม้แต่เขายังกริ่งเกรงอยู่เล็กน้อย

ดูเหมือนครั้งนี้จาโหลหลัวจะเตรียมตัวมาพร้อม แต่น่าเสียดายที่อาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำไม่เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ปัจจุบัน

เนื่องจากมู่เฉินก็มีด้วยเหมือนกัน!

มู่เฉินยิ้ม จากนั้นก็ถือพัดขนนกสีเขียวพร้อมกับจุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือ ดันคลื่นยกสูงขึ้นหมื่นจั้ง คลื่นหลิงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องพุ่งเข้าใส่พัด

ฮึ่ม ฮึ่ม

ขณะที่พลังงานพุ่งเข้ามา พัดขนนกก็ส่งเสียงครางกระหึ่ง เริ่มขยายตัวและกลายเป็นพัดใบลาน

บนตัวพัดปกคลุมไปด้วยลวดลายโบราณลึกซึ้ง ทุกเส้นสายบรรจุด้วยคลื่นหลิงทรงพลัง

“พัดเทพสายลม!”

ทันใดนั้นมู่เฉินก็โบกพัด พายุสีฟ้าอมเขียวกวนตัวขึ้นมาในบริเวณนี้ก่อนที่จะแยกออกเป็นทอร์นาโดนับไม่ถ้วนล้อมรัศมีหมื่นจั้งรอบมู่เฉินไว้

พายุทอร์นาโดทำให้มิติบิดเบี้ยวจนแตกออก ใครก็ตามที่เข้ามาในระยะก็จะได้รับการโจมตีรุนแรง

ซึ่งสามารถบดจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าให้กลายเป็นเนื้อสับได้เลยทีเดียว

พายุทอร์นาโดปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าที่มู่เฉินยืนอยู่ก่อนจะยกตัวขึ้นพุ่งไปหาจาโหลหลัวในที่สูง จากนั้นเขาก็ยิ้มขณะโบกพัดในมือ “บังเอิญจริงๆ ข้าก็มีอาวุธมหสวรรค์เหมือนกัน”

ใบหน้าของจาโหลหลัวเปลี่ยนไปอย่างเคร่งขรึม สายตาจับจ้องไปที่พัดขนนกของมู่เฉิน เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำเช่นกัน

จำนวนไพ่ตายของมู่เฉินเกินความคาดหมายของจาโหลหลัวไปไกล

“ถ้างั้นก็มาดูกันว่าอาวุธมหสวรรค์ของใครเจ๋งกว่ากัน!” จาโหลหลัวเค้นเสียงเย็น ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หนึ่งในพวกเขาต้องตาย เนื่องจากทั้งสองไม่มีโอกาสรับร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไปพร้อมกัน!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะใช้ศพของมู่เฉินเป็นหินรองเท้าสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเขาขึ้น!

“กระแสเทพสังหาร!”

ตราประทับในมือของจาโหลหลัวระเบิดแสงสีดำขณะที่เขาส่งเสียงคำราม มหาสมุทรสีดำหมุนคว้างรุนแรงตามด้วยคลื่นขนาดใหญ่โอบล้อมมู่เฉิน

คลื่นสีดำปกคลุมดวงอาทิตย์ทำให้เกิดเงายาวนับไม่ถ้วนดูน่าสะพรึงกลัวนัก

การยืมพลังอาวุธมหสวรรค์ ทำให้กระบวนท่าการโจมตีของจาโหลหลัวเกินขอบเขตระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มไปแล้ว

คลื่นสีดำถูกระงับ แต่มู่เฉินก็ไม่ตื่นตระหนก เขาโบกพัดในมือ “ทอร์นาโดเทพสายลม!”

ฟู่ ฟู่!

มวลลมเข้าครอบงำทั่วบริเวณนี้และรวมตัวเป็นพายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวราวกับมังกรหยกขนาดมหึมา

ครืน!

พายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวกวาดผ่าน จากนั้นก็ปะทะกับคลื่นสีดำจนทั่วฟ้าดินสั่นสะเทือนไปหมด

ซ่า ซ่า!

คลื่นมหึมาถล่มลงมาเป็นเม็ดฝนและพายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวก็กระจายออกไปราวกับใบมีดเฉือนไปทั่ว

เม็ดฝนปกคลุมพื้นที่ของมู่เฉิน ขณะที่พายุปกคลุมพื้นที่ของจาโหลหลัว

ฝนสีดำสร้างหลุมอุกกาบาตบนพื้นดินอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการกัดกร่อนเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็ไม่สามารถต้านทานได้ หากโดนตัวเข้าศพก็คงไม่มีเหลือไว้

ส่วนพายุสีฟ้าอมเขียวก็คมกริบจนทิ้งรอยไว้ในพื้นที่โดยรอบ

พลังทำลายล้างในการโจมตีที่ปลดปล่อยโดยอาวุธมหสวรรค์เกินความคาดหมาย ดังนั้นทั้งคู่จึงไม่กล้าที่จะดูถูกกันเลย

มู่เฉินใช้พายุรุนแรงห่อหุ้มตัว ส่วนจาโหลหลัวมีมหาสมุทรสีดำก่อตัวเป็นกำแพงกั้น

พวกเขามองกันและกันระยะไกลพร้อมกับไอสังหารหนาแน่นในดวงตา

ทั้งคู่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ธรรมดาและในเมื่อพวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาต พวกเขาก็ต้องกำจัดอีกฝ่ายไม่ให้เติบโตเป็นภัยพิบัติได้

ตู้ม!

ดังนั้นทั้งสองจึงได้กระตุ้นอาวุธเทพทันที เทพลังงานเข้าไป ทั้งภูมิภาคกลายเป็นดินแดนของพายุสีฟ้าอมเขียวและน้ำสีดำ

ครืนๆๆๆ!

น้ำสีดำพวยพุ่งออกมาในรูปลักษณ์ของมังกรวารี ก่อนที่จะถูกพายุสีฟ้าอมเขียวฉีกออกจากกัน

การปะทะกันระหว่างทั้งสองดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ขนาดของการโจมตีเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็ยังต้องเผชิญอย่างจริงจัง

ครืน!

คลื่นกระแทกทรงพลังอีกระลอกเข้าครอบงำ ทั่วทั้งภูมิภาคเต็มไปด้วยเม็ดฝนสีดำและพายุรุนแรง ร่างมู่เฉินและจาโหลหลัวกระตุกจากคลื่นกระแทก ก่อนที่จะถูกผลักให้ถอยห่างออกไป

ใบหน้าของทั้งสองซีดขาวลง เนื่องจากการเร้าใช้อาวุธมหสวรรค์ ต้องใช้พลังงานหลิงมหาศาล ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ต่างได้ใช้ของเหลวจื้อจุนช่วย

นั่นก็หมายความว่าในเวลาเพียงสิบนาทีสั้นๆ พวกเขาก็เผาผลาญของเหลวจื้อจุนไปหลายล้านหยดแล้ว

ทั้งสองไม่มีทางเลือกเนื่องจากไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน พวกเขาไม่สามารถใช้พลังงานหลิงรอบตัวเพื่อสนับสนุนการใช้งานอาวุธมหสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาของเหลวจื้อจุนเท่านั้น

แน่นอนว่าพวกเขาสามารถพึ่งพาคลื่นหลิงของตนได้เช่นกัน แต่ในการต่อสู้ระดับนี้คลื่นหลิงมีค่าอย่างยิ่งเนื่องจากพวกเขารู้ว่าคนแรกที่แสดงสัญญาณความเหนื่อยล้าจะตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ

พลังอำนาจของอาวุธมหสวรรค์น่ากลัวอย่างแท้จริง แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็น่ากลัวยิ่งสำหรับพวกเขา หากเป็นเช่นนี้ต่อไปทั้งคู่จะถูกดูดพลังจนแห้งกรอบ

ดวงตาทั้งสองต่างกะพริบวูบไหวในเวลานี้

จาโหลหลัวรู้สึกจำนนเล็กน้อยเนื่องจากในตอนแรกที่เขานำตราประทับออกมาก็ด้วยความตั้งใจที่จะฆ่ามู่เฉินในทันที แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะมีอาวุธมหสวรรค์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งทำให้การต่อสู้ยกนี้เข้าสู่ทางตัน

ทว่าการสู้ต่อไปเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง ถ้าเกิดคลื่นหลิงหมดลงจะทำอย่างไรดี?

แม้ว่ามู่เฉินจะมีความเป็นไปได้สูงกว่าที่จะตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเช่นกัน แต่จาโหลหลัวก็ไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงโชคในการต่อสู้ยกนี้

ดังนั้นเขาต้องยุติการต่อสู้ยกนี้ก่อนที่จะหมดแรงลง

จาโหลหลัวเป็นคนเด็ดขาด เมื่อเขาตัดสินใจได้ก็โบกมือ ตราประทับในมือหายไปทันที

ขณะเดียวกันมู่เฉินก็เก็บพัดเทพสายลมไปด้วยเช่นกัน

ในที่สุดฝนเกรี้ยวกราดและลมพายุโกรธคลั่งในมิตินี้ก็สงบลงอย่างช้าๆ

ทั้งสองคนยืนอยู่บนเสาสีทองคนละต้นพร้อมกับไอสังหารหนาแน่นปะทะกันเปรี้ยงปร้างในเส้นทางของสายตา

ทว่าทันใดนั้นทั้งสองก็หลับตาลงพร้อมกัน

เกลียวแสงสีดำเชี่ยวกรากถูกปลดปล่อยออกมาจากจาโหลหลัวค่อยๆ ก่อตัวเป็นร่างเงาขนาดใหญ่

ร่างเงาใหญ่นั่งอยู่เบื้องหลังเขาโดยมีดวงตะวันทรงกลดหมุนคว้างอยู่ด้านหลังศีรษะ

เมื่อร่างเงาสีดำปรากฏขึ้น ร่างเงาสีทองก็พลุ่งพล่านออกมาจากทิศทางของฝ่ายตรงข้าม ร่างสีทองก่อตัวขึ้นที่ด้านหลังมู่เฉิน

ร่างเงาทั้งสองคล้ายคลึงกัน แต่แค่มีสีแตกต่างกัน

ร่างเงาสีดำราวกับหลุมดำ ขณะที่ร่างเงาสีทองราวกับดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้า

พวกเขาลืมตาขึ้นพร้อมกันอย่างกะทันหัน วาดกระบวนท่าคล้ายกันพร้อมกับเสียงคำรามดังก้องไปทั่วมิตินี้

“ร่างเทพสุริยะ!”

ร่างเทพสุริยะยิ่งใหญ่ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันด้วยเจตนาสังหาร!