บทที่ 1783 เกรงว่าไม่มีปัญญาจะเชิญ / บทที่ 1784 แม้แต่คนของข้ายังกล้าแย่ง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1783 เกรงว่าไม่มีปัญญาจะเชิญ

เมื่อผู้ช่วยสาวเห็นลั่วเฉินพูดอะไรไม่ออกก็ยิ่งได้ใจ “วันนี้ที่ผู้จัดการเยี่ยของพวกนายมาถึงที่นี่ไม่ใช่เพื่อมาประจบพี่เส้าเหิงหรอกเหรอ มาเสแสร้งทำเป็นสูงส่งอะไรกัน” เธอเอ่ยด้วยคำพูดแดกดัน

“จิ๊ๆ เมื่อก่อนไม่ใช่ทำเป็นว่าวงการบันเทิงเป็นโลกของเธอหรอกเหรอ เป็นอะไรไปล่ะ ตอนนี้ขี้ขลาดแล้วเหรอไง แบบนี้เค้าเรียกอะไรรู้ไหม เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคนไงละ! คนบางคนก็ไม่ประมาณตนเอาซะเลย” ผู้ช่วยสาวตั้งใจพูดให้คนที่อยู่รอบๆ ได้ยินด้วยกันทั้งหมด

“ตัวเองกอดขอนไม้ผุไว้แท้ๆ ยังนึกไปว่าตัวเองกอดท่อนขาทองคำไว้เหรอไง! น่าขำเป็นบ้าเลย”

เส้าเหิงถือแก้วไวน์ยืนมองเรื่องตลกนี้อยู่ด้านข้างอย่างเฉยเมย

สำหรับเขาแล้ว คนเหล่านี้เป็นเพียงสุนัขสองสามตัวที่ยังคุ้มค่าที่จะหลอกใช้ก็เท่านั้น

เขาอาศัยประเด็นร้อนจากคนเหล่านี้ นั่นถือเป็นเกียรติต่อพวกเขาแล้ว

“เฝิงอิ๋ง! เธอพูดบ้าอะไร! เธอนั่นแหละที่กอดขอนไม้ผุไว้! ถ้าวงการบันเทิงเป็นโลกของพี่เยี่ยแล้วจะทำไม!”

ขอแค่คำพูดใดที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยหวันหวั่น กงซวี่ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะระเบิดอารมณ์มากยิ่งขึ้น ตอนนี้แทบจะพูดไม่ออกแล้ว

เป็นไปตามคาด เมื่อประโยคสุดท้ายสิ้นสุดลง หายนะก็เริ่มขึ้น

คำๆ นี้ของกงซวี่ คือการด่าเส้าเหิงว่าเป็น ‘ขอนไม้ผุ’

“อุ๊ย เมื่อกี๊กงซวี่พูดว่าอะไรนะ วงการบันเทิงคือโลกทั้งใบของเขาเหรอ”

“พูดแบบนี้ต่อหน้าคนของซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ช่างกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวจริงๆเลย!”

……

“ฮ่าๆๆ วงการบันเทิงเป็นโลกทั้งใบของนายเหรอ ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่จริงๆ! แม้แต่ซิงเฉินก็ต้องเชื่อฟังผู้จัดการเยี่ยของนายด้วยเหรอ” ผู้ช่วยสาวหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

น้ำเสียงราวกับล้อเลียนคนโง่ของผู้ช่วยสาวทำให้เกิดเสียงหัวเราะในบริเวณนั้นทันที

“ฮ่าๆๆ ไม่เลวๆ เก่งกาจขนาดนี้ ซิงเฉินก็ต้องเชื่อฟังเขาแล้วละ!”

“ฉันขำจะตายชัก ใครไปให้ความมั่นใจอะไรแบบนี้กับเขาเนี่ย”

……

เส้าเหิงจิบไวน์ด้วยท่วงท่าสง่างาม กระแอมไอทีหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยแววดูถูกเหยียดหยาม

ช่วงเวลานี้เอง เส้าเหิงก็ก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยออกมาอย่างสง่างาม “คุณเยี่ย แม้ผมจะไม่มีความสามารถมากนัก แต่ผมยังคงนึกถึงคุณเยี่ยที่เคยดูแลผู้จัดการของผมมาโดยตลอด ตอนนี้คุณตกที่นั่งลำบาก ผมก็ไม่อาจเพิกเฉยได้ ถ้างั้นเอาอย่างนี้ดีไหมครับ ผมต้องการผู้ช่วยอีกคนหนึ่งพอดี ไม่ทราบว่าคุณเยี่ยสนใจไหมครับ”

เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ผู้ช่วยเหรอ”

เมื่อได้ยินดังนั้นผู้ช่วยสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แสดงสีหน้าชื่นชมออกมาทันที พี่เส้า พี่ช่างแสนดีเหลือเกิน ถึงขั้นพูดจาสุภาพให้เกียรติกับคนแบบนี้ด้วย

ผู้จัดการมือทอง และเป็นถึงอดีตผู้อำนวยการแผนกบริหารจัดการศิลปิน นึกไม่ถึงว่าเส้าเหิงจะประกาศต่อหน้าผู้คนและเชิญชวนให้เธอมาเป็นผู้ช่วยของตัวเอง…

นี่เป็นการตบหน้ากลางที่สาธารณะอย่างแท้จริง

ใบหน้าของหลิงเส่าเจ๋อเต็มไปด้วยแววยินดี “ยังไม่รีบขอบคุณพี่เส้าอีก เธอมันโชคดีจริงๆ เลยเนี่ย!”

“ไอ้หยา” จู่ๆ ผู้ช่วยสาวก็เอ่ยออกมา “พี่เส้า โควตาผู้ช่วยของพี่เต็มแล้วนะ ทำยังไงดีล่ะคะ”

“เต็มแล้วเหรอ” เส้าเหิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“แต่ว่าฉันยังขาดคนคอยวิ่งทำธุระให้ ไม่งั้นก็ให้คุณเยี่ยมาเป็นผู้ช่วยของฉันดีไหม” ผู้ช่วยสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“ผู้จัดการเยี่ย คุณคงไม่คิดว่าตำแหน่งนี้ต่ำต้อยไปหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าความคาดหวังในตำแหน่งผู้ช่วยของพี่เส้าอยู่ในระดับที่สูงมาก ถ้าคุณมาอยู่กับเรา เกรงว่าจะมีสิทธิ์เป็นได้แค่ผู้ช่วยของฉัน” พอผู้ช่วยสาวพูดจบก็มองไปที่เยี่ยหวันหวั่นด้วยรอยยิ้มที่ดูเย้ยหยัน

“บ้าเอ๊ย…”

กงซวี่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำด่าออกมา เยี่ยหวันหวันก็ยื่นมือมาห้ามกงซวี่ไว้ และเอ่ยตอบอย่างสงบนิ่งว่า “อ๋า คุณชายเส้าจะเชิญฉันไปเป็นผู้ช่วยเหรอคะ เกรงว่า…คงไม่มีปัญญาจะเชิญซะมากกว่า”

—————————————————————————-

บทที่ 1784 แม้แต่คนของข้ายังกล้าแย่ง

ดวงตาของเส้าเหิงหรี่ลงเล็กน้อย ส่วนผู้ช่วยสาวก็ระเบิดหัวเราะขึ้นในทันที “เส้าเหิงของพวกเราไม่มีปัญญาจะเชิญเธอเหรอ ในวงการบันเทิงนี้ ยังไม่มีใครที่เส้าเหิงเชิญไม่ได้มาก่อน! เธอจะเอาอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่ายังอยากจะเป็นผู้ช่วยของเส้าเหิง นี่มันฝันกลางวันของคนโง่ชัดๆ!”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเบาๆ “ผู้จัดการเหรอ ฉันคาดหวังในตัวศิลปินไว้สูงมาก เกรงว่าคุณสมบัติของคุณชายเส้าจะไม่เพียงพอน่ะสิ”

ทันใดนั้นใบหน้าของผู้ช่วยสาวก็แปรเปลี่ยนและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันเฉียบขาด “เยี่ยไป๋! ฉันว่าเธอรนหาที่ตายเข้าแล้ว!”

ไม่ใช่แค่เฝิงอิ๋ง ทุกคนรอบๆ ต่างก็มองตรงไปที่เยี่ยหวั่นหวั่นด้วยแววตาเหยียดหยาม

“เยี่ยไป๋คนนี้ก็โง่จัง ถึงขนาดนี้แล้วนี่มันเรื่องใหญ่มากนะที่จะพูดเรื่องไร้สาระ!”

“ก็ใช่ไง ถึงขนาดพูดว่าเส้าเหิงไม่มีสิทธิ์ แล้วยังบอกว่าไม่มีปัญญาเชิญเธออีก เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ต่อให้เป็นผู้จัดการมือทองของซือเฉิงก็ต้องไว้หน้าเส้าเหิงสักหน่อย ยัยคนนี้ตลกจริง!”

“ก็ใช่น่ะสิ เส้าเหิงอุตส่าห์เชิญเธอมาเป็นผู้ช่วยก็นับว่าเมตตาแล้วนะ ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ!”

“เธอตกต่ำถึงขนาดนี้แล้ว ยังคิดว่าตัวเองเป็นเยี่ยไป๋ในตอนนั้นอยู่เหรอ ตอนนี้ทั้งวงการบันเทิง ยังมีศิลปินคนไหนที่จะยังอยู่กับเธออีกเหรอ แม้จะอยู่ขอบนอกเส้นที่สิบแปด ก็คงไม่กระโดดลงไปในหลุมไฟของเธอมั๊ง!”

……

ภายในห้องจัดเลี้ยง สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยแววเหยียดหยาม และคำพูดถากถางจากผู้ช่วยสาว “มันตลกมากๆ เยี่ยไป๋ เธอนี่มันไม่เห็นข้อบกพร่องของตัวเองเลยนะ เธอนั่นแหละ แล้วตอนนี้ยังมาหวังว่าจะได้เป็นผู้จัดการของเส้าเหิงอีก เธอกลัวว่า…”

ในขณะที่ผู้ช่วยสาวกำลังพูดอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบและเสียงอุทานดังมาจากบริเวณหน้าประตูของห้องจัดเลี้ยง

ทุกๆ คนต่างหันไปมองยังประตูโดยทันที จากนั้นพวกเขาก็เห็นฟู่หมิงซีที่วันนี้แต่งตัวดีมากเดินพรมแดงเข้ามายังห้องโถงภายในงานเลี้ยง

วันนี้ฟู่หมิงซีดูหรูหราและหล่อเหลามากกว่าทุกๆ วัน จนทุกคนถึงกับประหลาดใจ

ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่ร้อนแรงที่สุดของซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และเป็นที่รู้จักในแวดวงฮอลลีวูดเช่นกัน เขาได้รับรางวัลมากมายทั้งในและต่างประเทศ สิ่งสำคัญก็คือเขามีรูปร่างหน้าตาที่ดีมาก สาวๆ นับไม่ถ้วนต่างคลั่งไคล้เขา และสถานะของเขาในวงการบันเทิงนั้นเรียกว่าไม่มีใครเทียบได้

นอกจากการทำงานแล้ว น้อยครั้งมากที่เขาจะปรากฏตัวในที่สาธารณะ และไม่เคยไปร่วมงานสังคมใดๆ ในวงการบันเทิง หากเหล่าสื่อมวลชนอยากจะพบเขาสักครั้งก็เรียกได้ว่ายากราวกับได้ขึ้นสวรรค์

ข่าวซุบซิบของฟู่หมิงซีนั้น แค่บรรทัดเดียวก็ราคาสูงลิ่ว

“โอ้โห! นี่ฉันเจอใครเข้าแล้วเนี่ย ฟู่หมิงซี ฟู่หมิงซีแห่งซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์!”

“พระเจ้า แม้แต่ฟู่หมิงซียังมางานเลี้ยงวันเกิดของเส้าเหิงด้วยเหรอเนี่ย ฟู่หมิงซีแต่ไหนแต่ไรไม่เคยไปร่วมงานสังคมแบบนี้เลยนี่”

“ไม่เสียชื่อที่เป็นเส้าเหิง นี่เกรงใจกันสุดๆ เลยนะ!”

“อาๆๆ! หล่อจนฉันหุบขาไม่ได้แล้ว!”

……

“หมิงซี!”

“พี่ฟู่!”

“ราชาจอเงินฟู่!”

ทันใดนั้นทุกคนก็ลืมเรื่องของเยี่ยหวันหวั่นไปจนหมดสิ้น และรุมล้อมเข้าไปหาฟู่หมิงซี

เส้าเหิงเพิ่งได้รับแจ้งจากผู้จัดการของฟู่หมิงซีว่าวันนี้เขามาร่วมงานไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะมาจนได้ จึงอึ้งไปครู่หนึ่ง

ตอนนี้ผู้จัดการของฟู่หมิงซีก็อยู่ในงานด้วย พอเห็นฟู่หมิงซีเดินเข้ามาก็ประหลาดใจเช่นกัน

‘หมิงซีบอกว่าจะไม่มาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาได้ล่ะ!’

‘ดีมาก ในที่สุดเขาก็เชื่อฟังคำแนะนำ!’

ตอนนี้ผู้จัดการของเขาดีใจจนเนื้อเต้น

เมื่อเห็นการแสดงออกที่บ้าคลั่งของผู้คนโดยรอบ ดวงตาของเส้าเหิงก็เปล่งประกายด้วยความภาคภูมิใจ เขาจัดแจงปลายแขนเสื้อเล็กน้อยแล้วเดินตรงไปหาฟู่หมิงซีด้วยท่วงท่าอันสง่างาม “พี่ฟู่ ขอบคุณมากที่มาร่วมงานวันเกิดผม…”

ฟู่หมิงซีสาวเท้าก้าวใหญ่ๆ อย่างเร่งรีบคล้ายกับกำลังวิ่งเหยาะๆ จนมาถึงตรงหน้าของเส้าเหิง โดยไม่ต้องรอให้เส้าเหิงกล่าวคำทักทาย เขาก็ด่าโครมๆ ใส่หน้า “เส้าเหิง นายมีปัญหานักเหรอ แม้แต่คนของข้ายังกล้าแย่ง!!!”