บทที่ 1781 สร้างฮาเร็มไม่ได้
“ไอ้หยาไอ้หยา ไม่มีทางหรอกนะ ตามปู่เป่ยของแกกลับวังหลวงไปเถอะ ไม่ว่าใครมาก่อนมาหลังก็วนมาไม่ถึงนายหรอก”
“นายมันก็งั้นๆ แหละ!” เป่ยโต่วร้อง
“ฉันไม่นับเป็นอะไรหรอกนะ แต่ในปีนั้นผู้นำเป็นคนเอ่ยปากเรื่องสัญญาหมั้นหมาย” ฟู่หมิงซีเอ่ย
“หึๆ งั้นผู้นำปั้นฉันกับเหล่าชีมากับมือ ได้ดีกว่านายเป็นไหนๆ!” เป่ยโต่วตอกกลับ
“เฮอะ นายมันมีประโยชน์อะไร พวกนายมันประมาท จะมารับใช้ผู้นำให้ดีได้ยังไง!” ฟู่หมิงซีร้อง
“ถุย! ฉันเนี่ยนะรับใช้ได้ไม่ดี ไก่อ่อนแบบนายนะเหรอที่จะดูแลผู้นำให้ดีได้ มีแรงหรือไงหา!” เป่ยโต่วตอกกลับ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
พอได้แล้ว!
เยี่ยหวันหวั่นโดนเสียงโหวกเหวกโวยวายรบกวนมาตลอดทาง ทำให้รู้สึกเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก
เหอะๆ…
ตอนนั้นใครกันที่ทำให้เธอกล้าสาบานว่าจะมีสามพันคนในฮาเร็ม
แค่สองคนยังขนาดนี้ แล้วถ้าสามพันคน ไม่ทะเลาะกันตายเลยเหรอ!
“ต่อไปนี้ถ้ามีผมต้องไม่มีเขา พี่เฟิง พี่พูดมาเลยว่าจะเลือกเขาหรือเลือกผม” เป่ยโต่วเอ่ยเสียงดัง
ฟู่หมิงซีรีบเอ่ยว่า “ผู้นำครับ เป่ยโต่วกลั่นแกล้งผม ผู้นำช่วยผมด้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นถึงกับพูดไม่ออก
การสร้างฮาเร็มนั้นเป็นไปไม่ได้ ชาตินี้ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!
“ฉันยังมีธุระ ขอเข้าไปก่อนนะ พวกนายค่อยๆ คุยกันเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นเลือกที่จะเดินหนีไปตรงๆ
ในที่สุดหญิงสาวก็หลุดออกมาจากสงครามน้ำลายของทั้งสองที่ทำให้เธอเวียนหัว เยี่ยหวันหวั่นจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ส่งข้อความเข้าไปในแชทกลุ่มของบริษัท จากนั้นก็เดินเข้าไปหากงซวี่และคนอื่นๆ
เห็นเพียงกลุ่มคนมารวมตัวอยู่ตรงกลางของงานเลี้ยง เยี่ยหวันหวั่นมองเห็นคนคุ้นเคยอยู่ที่นี่ไม่น้อย
ตรงกลางของกลุ่มคนก็คือเส้าเหิงเจ้าของงานวันเกิดในคืนนี้
กงซวี่และคนอื่นๆ ยืนอยู่ตรงมุมไกลๆ ใบหน้าของพวกเขาแลดูไม่สบอารมณ์สักเท่าไร
กงซวี่นั้นตาดี มองเห็นเยี่ยหวันหวั่นเป็นคนแรก ใบหน้าที่เปี่ยมสุขมองไปทางหญิงสาว พลางโบกมือด้วยความดีใจ “พี่เยี่ย! ทางนี้!”
เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าไปหาพวกของกงซวี่
ตอนแรกหลายคนในงานกำลังรุมล้อมประจบสอพลอเส้าเหิง แต่การมาอย่างกะทันหันของเยี่ยหวันหวั่น
กลับดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากให้หันมากระซิบกระซาบกันทันที
“เฮ้ย! เมื่อกี้กงซวี่พูดว่าใครนะ เยี่ยมู่ฝานหรือเปล่า”
“จะเป็นไปได้ยังไง เยี่ยมู่ฝานยังถูกขังอยู่ที่โรงพักนู่น!”
“ถ้างั้น…”
ผู้คนต่างก็หันมองไปทางประตูโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นสายตาก็แลเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องโถงอย่างสบายๆ ราวกับมาเดินเล่น
“เฮ้ย! เยี่ยไป๋ เป็นเยี่ยไป๋จริงๆ ด้วย!”
“เยี่ยไป๋ เยี่ยไป๋ไหน”
“ก็คนที่ก่อนหน้านี้โด่งดังมากๆ เป็นผู้จัดการมือทองจากจูเสินสือไต้ที่ได้รับรางวัลจินหลานครั้งที่แล้วเป็นราชาจอเงินสองคนกับราชินีจอเงินหนึ่งคนไง! ตอนนั้นกวาดรางวัลทีเดียวเรียบเลย!”
“อ๋อๆ เยี่ยหวันหวั่นคุณหนูสองของตระกูลเยี่ยใช่ไหม คนที่ปลอมเป็นผู้ชายและสร้างจูเสินสือไต้มากับมือ เป็นคนที่เก่งมากเลย!”
“ต่อให้เก่งยังไงก็เป็นแค่ผู้จัดการตัวเล็กๆ และบริษัทก็ถูกคนอื่นซื้อกิจการไปแล้ว! ว่ากันว่านางหอบเงินหนีไป ตอนนี้ก็มีแต่คนสาปแช่ง ชื่อเสียงในวงการบันเทิงก็เหม็นหึ่งไปทั่ว! คิดไม่ถึงว่านางจะกล้ากลับมา! ไม่กลัวถูกจับเหรอ”
“นี่มันงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเส้าเหิง เธอเข้ามาได้ยังไง”
……
แค่ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้าง
หญิงสาวทำราวกับว่าไม่ได้สังเกตุเห็นสิ่งใด เพียงเดินตรงไปหากงซวี่และคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว
“พี่เยี่ย พี่มาทำอะไรเนี่ย! นี่มันก็แค่งานวันเกิดง่อยๆ งานนึง! พี่เกรงใจเขาเกินไปแล้ว!” กงซวี่บ่นพึมพำ
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ในสายตาคนนอก ตอนนี้เธอเป็นสุนัขจนตรอกที่ไม่น่าจะจนตรอกไปได้มากกว่านี้แล้ว มีเพียงกงซวี่คนเดียวที่ยังคง…เชื่อมั่น…ในตัวเธอเสมอมา
“ไม่เป็นไรหรอก แค่แวะมาดูเฉยๆ” เยี่ยหวันหวั่นตอบกลับอย่างเป็นกันเอง
———————————————————————–
บทที่1782 เกรงใจกันขนาดนี้
หานเซี่ยนอวี่รู้สึกได้ถึงสายตาที่มุ่งร้ายและเยาะเย้ยโดยรอบ จึงปกป้องเยี่ยหวันหวั่นโดยใช้ร่างกายของเขากำบังสายตาเหล่านั้นเอาไว้โดยไม่รู้ตัว “ไปหาอะไรกินตรงโน้นกันดีกว่า”
“เอาสิ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้ารับ
หานเซี่ยนอวี่จำใจและไม่อยากพูดอะไรให้มากความ แต่ใครบางคนกลับไม่คิดเช่นนั้น
ผู้ช่วยของเส้าเหิงเดินเข้ามาท่ามกลางนักแสดงหลายคนที่ห้อมล้อม เธอแย้มยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางเอ่ยว่า “ผู้จัดการเยี่ยช่างเป็นแขกผู้มีเกียรติจริงๆ! คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมางานวันเกิดของเส้าเหิง! ต้องขอขอบคุณมากๆ ที่เกรงใจกันขนาดนี้…”
เห็นได้ชัดว่าผู้ช่วยคนนี้ได้ยินสิ่งที่กงซวี่พูดไปเมื่อครู่อย่างชัดเจน
สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็บ่งบอกว่ากำลังรอดูอะไรสนุกๆ
เยี่ยไป๋คนนี้ ดูท่าว่าจะซวยแล้วสิ!
หานเซี่ยนอวี่และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เฟ่ยหยางกำลังจะคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้า แต่เยี่ยหวันหวั่นทำเพียงเหลือบมองผู้ช่วยสาวของเส้าเหิงแวบหนึ่งแล้วพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ไม่เป็นไร”
ผู้ชมโดยรอบต่างพูดไม่ออก
เส้าเหิงเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน
ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าหาญเสียจริง!
ดูๆ ไปแล้วคำพูดของเหยาเจียเหวินนั้นไม่ผิดเลย ผู้หญิงคนนี้น่าจะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจนเสียสติไปแล้ว
“ได้ยินว่าไม่กี่วันมานี้ พี่เจียเหวิน ได้รับการดูแลจากคุณแล้วเหรอ” ผู้ช่วยที่ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ในใจชิงชังเอ่ยออกมา
ดูแลคำสองคำนี้ที่ผู้ช่วยสาวเอ่ยออกมาฟังดูลึกล้ำมาก
บริษัทที่เส้าเหิงเซ็นสัญญาด้วยคือหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และปัจจุบันผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็คือเหยาเจียเหวิน
ก่อนหน้านี้เหยาเจียเหวินต้องการให้ลั่วเฉิน กงซวี่และเจียงเยียนหรานเซ็นสัญญาภายใต้นามของเธอ แต่ทั้งสามกลับไม่เห็นด้วย ต่อมาหลังจากเส้าเหิงเซ็นสัญญาเข้ามา เหยาเจียเหวินก็ไปแสดงความภักดีต่างๆ ต่อเยี่ยอีอี และขอให้เส้าเหิงกลับมาอย่างที่เธอต้องการ
ผู้ช่วยคนนี้ก็เป็นคนสนิทของเธอเช่นกัน
เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิด ดูเหมือนว่า เหยาเจียเหวินยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆจากสมาคมหงซิ่ง ก็ไปรายงานกับเส้าเหิงก่อนแล้ว
คำพูดของผู้ช่วยสาวนั้นคลุมเครือ ทุกคนฟังไม่เข้าใจ จึงนึกไปว่าเป็นเรื่องที่เหยาเจียเหวินเคยเป็นผู้ช่วยของเยี่ยหวันหวั่นมาก่อน
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมามากกว่าเดิม
“จุ๊ๆ ตอนนั้นเหยาเจียเหวินเป็นแค่ผู้ช่วยของเยี่ยหวันหวั่นเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นประธานของจูเสินสือไต้ และยังเป็นผู้จัดการของนักแสดงมากความสามารถอย่างเส้าเหิงอีก!”
“ก็ถูกแล้ว ชะตาของคนเรามักเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไง!”……
ผู้ช่วยสาวยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คิดว่าชาตินี้ผู้จัดการเยี่ยจะไม่กลับมาอีกแล้วนะเนี่ย อะไรนะ เงินหมดแล้วก็เลยกลับมาถลุงเงินเหรอ หึๆ ถึงจะเป็นผู้จัดการไม่ได้แล้ว แต่หน้าตาของเธอตอนนี้ก็ยังพอใช้หาเงินได้นะ!”
ตอนนี้พ่อและพี่ชายของเยี่ยหวันหวั่นถูกยึดอำนาจ ไม่มีบริษัทแล้ว ไม่มีคนคอยหนุนหลัง คนอย่างเธออยู่ในวงการบันเทิงแบบนี้ ไม่ว่าใครก็สามารถเหยียบย่ำดูถูกได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้ช่วยของเส้าเหิง
คำพูดของผู้ช่วยสาวนั้นกล่าวได้ว่าไม่น่าฟังนัก แต่ด้วยการสนับสนุนของเส้าเหิง ทำให้ที่ตรงนั้นไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
แน่นอนว่าบริเวณโดยรอบนั้นเงียบกริบ ทุกคนต่างรอชมอะไรสนุกๆ อย่างเงียบๆ
“เฝิงอิ๋ง! ระวังคำพูดของเธอหน่อย!” ลั่วเฉินเอ่ยเสียงดังลั่น
น้ำเสียงอันเยือกเย็นของชายหนุ่มดังกึกก้องอยู่ในบรรยากาศที่เงียบงัน
แต่ครั้งนี้กลับผิดแปลกไป เพราะคนที่พูดไม่ใช่กงซวี่ แต่เป็นลั่วเฉิน
กงซวี่เตรียมจะอ้าปาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าลั่วเฉินจะพูดขึ้นมาก่อน เขาจึงมองไปยังลั่วเฉินด้วยความประหลาดใจ
“เฮ้ย…เจ้าแกะน้อย ในที่สุดนายก็เป็นบ้าไปแล้ว…” กงซวี่พึมพำด้วยความประหลาดใจ
ผู้ช่วยสาวหัวเราะ “อับอายจนโกรธจัดเลยเหรอ ยังไงล่ะ ฉันพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ”
ลั่วเฉินกำหมัดทั้งสองข้างแน่น อยากจะพูดอะไรสักคำแต่เขากลับพูดไม่เก่ง อีกทั้งยังพะวงกับเหตุการณ์ในวันนี้
เขาพูดไม่ออกอยู่นาน “เธอ…”