บทที่ 1779 ดูว่าเส้นสายของใครใหญ่ / บทที่ 1780 ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1779 ดูว่าเส้นสายของใครใหญ่

บรรรดานักข่าวจากทุกสำนักมารวมตัวกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเพียงเพราะต้องการทำข่าวงานวันเกิดของหลานชายผู้จัดการใหญ่แห่งซิงเฉินกรุ๊ป

“ว้าว! นั่นมันเฉียวเข่อซิน! แล้วนั่น! คนที่ไม่เคยไปงานเลี้ยงส่วนตัวของใครง่ายๆ อย่างเหวินจื่อเหิงก็มา!”

“ไม่หมดแค่นี้! ยังมีหลี่เซียงหัง กัวเจีย เฝิงชิ่งเขอ ทุกคนต่างก็เป็นนักแสดงชั้นนำระดับอินเตอร์เชียวนะ!”

“นี่แค่งานวันเกิดของนักแสดงแถวสองเองนะ ยังจัดงานได้ยิ่งใหญ่เกินเบอร์ขนาดนี้เชียว!” นักข่าวหน้าใหม่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตะลึง

ทันใดนั้นนักข่าวรุ่นเก๋าก็หันมาเอ่ยกับเขาว่า “นี่นายล้อเล่นเหรอ เส้าเหิงเป็นถึงคุณชายของซิงเฉินกรุ๊ปเชียวนะ! ตอนนั้นหลังจากงานประกาศรางวัลจินหลาน คนจากจูเสินสือไต้ที่ดูโดดเด่นมากๆ สองสามคนนั้น ยังดูด้อยกว่าเส้าเหิงเลย แม้แต่นักแสดงระดับอินเตอร์อย่างหานเซี่ยนอวี่ก็ยังอยู่ในฐานะที่ด้อยกว่าเขาเข้าใจมั้ย!”

นอกจากนี้ยังมีนักข่าวรุ่นเก่าที่กำลังแบกกล้องเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ในวงการบันเทิงไม่ได้ใช้แค่ใช้ทักษะการแสดงเท่านั้น ยังต้องมีคอนเนคชันไว้ถึงจะอยู่รอด และต้องดูว่าเส้นสายของใครที่ใหญ่โตด้วย!”

“หานเซี่ยนอวี่อะไรนั่นจะเทียบกับเส้าเหิงได้ยังไงกัน เยี่ยมู่ฝานจนถึงตอนนี้ยังถูกขังอยู่ในคุก แม้ว่าเยี่ยไป๋นั่นจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ปกปิดไว้ไม่อยู่ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่แม้จะวิ่งตามมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว…”

พอได้ยินดังนั้นนักข่าวหน้าใหม่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ไม่เลวไม่เลว สิ่งที่สำคัญที่สุดในวงการบันเทิงคือดูว่าเส้นสายของใครใหญ่! ไม่งั้นต่อให้มีความสามารถแค่ไหนก็ยังเป็นรองคนอื่น!”

พวกนักข่าวไม่ได้ลดเสียงลงขณะที่พูดคุยกัน เมื่อกงซวี่ที่กำลังเดินพรมแดงผ่านมาได้ยินเข้าก็โกรธจนต้องวิ่งไปหยุดยืนตรงหน้านักข่าวคนนั้นทันที “เฮ้ย! เมื่อกี๊นายบอกว่าใครเป็นรองเขานะ”

ท่ามกลางสายตาของสาธารณชน ทั้งยังมีนักข่าวอยู่กันมากหน้าหลายตา หากเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นสุดท้ายแล้วพวกเขาก็มีแต่จะขายขี้หน้า

ลั่วเฉินรีบร้อนเข้ามาฉุดกระชากข้อมือกงซวี่ไว้ พลางกระซิบข้างหูว่า “แฟนสาวสิบสามคน”

คำนี้เป็นเหมือนกับคำสาปก็ไม่ปาน ทำให้กงซวี่สูญสิ้นความมั่นใจไปในทันที “แม่งเอ๊ย!”

เฟ่ยหยางที่เดินตามมาด้านหลังเห็นว่าในที่สุดก็มีวิธีจัดการกับกงซวี่แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ตอนนี้กงซวี่เลยดูเหมือนหงอคงที่ถูกสวมรัดเกล้า

……

“ไอ้หยา! เจ้าของงานวันเกิดในคืนนี้ของพวกเรามาแล้ว!”

ท่ามกลางเสียงร้องอุทาน ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีสวมชุดสูทหรูหราของจีวองชี่ เดินพรมแดงเข้ามาจากทางประตูที่มีผู้คนจำนวนมากรายล้อมเขาอยู่

ตอนนี้สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเจ้าของวันเกิด และทุกคนก็รีบลุกพรวดขึ้นเพื่อแสดงการต้อนรับ

“คุณชายเส้า สุขสันต์วันเกิด!”

“สุขสันต์วันเกิด คืนนี้คุณหล่อสุดๆ ไปเลย!”

หลิงเส่าเจ๋อเบียดกายไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น “พี่เส้า สุขสันต์วันเกิดนะครับ แม่ของพี่อีอีป่วยก็เลยไม่ได้มาด้วยตัวเอง เลยให้ผมมาเป็นตัวแทนเธอเพื่ออวยพรวันเกิดให้พี่ครับ!”

เฟ่ยหยางทางหนึ่งก็คอยดูกงซวี่ไม่ให้สร้างปัญหา อีกทางก็ต้องเข้าสังคมร่วมแสดงความยินดี “เส้าเหิง สุขสันต์วันเกิดนะ!”

เส้าเหิงทักทายบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่พอสายตาของเขาเหลือบไปเห็นเฟ่ยหยาง หานเซี่ยนอวี่ ลั่วเฉิน เจียงเหยียนหรานและกงซวี่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาก็แค่มองผ่านๆ ไปด้วยใบหน้าเฉยชา และตอบรับอย่างส่งๆ ว่า “การแสดงเตรียมพร้อมแล้วเหรอ คนที่มาในงานนี้เป็นคนมีหน้ามีตา อย่าทำให้ฉันเสียหน้าแล้วกัน!”

น้ำเสียงของเส้าเหิงราวกับพวกเขาเป็นเบ๊คอยรับใช้ภายใต้บัญชาของเขา ที่เขาสามารถออกคำสั่งเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ

เป็นเหตุให้แม้แต่หานเซี่ยนอวี่ที่อารมณ์ดีมาตลอดก็พลันมีแสงสลัวปรากฏขึ้นในแววตา

ที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยผู้คนในวงการ พอถูกดูหมิ่นในที่สาธารณะเช่นนี้ ใบหน้าของลั่วเฉินและเจียงเหยียนหรานก็แทบดูไม่ได้

มีเพียงเฟ่ยหยางที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานแสนนานจึงสามารถปรับตัวได้เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ได้ แต่กงซวี่นั้น…

เฟ่ยหยางแค่เห็นสีหน้าของกงซวี่ก็รู้ในทันทีว่าต้องเกิดเรื่องแน่

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความใหม่ในกลุ่มวีแชทดังขึ้น

[เยี่ยไป๋: พวกนายอยู่ในงานวันเกิดของเส้าเหิงเหรอ]

———————————————————-

บทที่ 1780 ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

เป็นเพราะว่าเยี่ยหวันหวั่นส่งข้อความเข้ามาในกลุ่มแชท ทำให้เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของหลายๆ คนดังขึ้น

กงซวี่จึงลืมเส้าเหิงไปในทันที

ตั้งแต่เยี่ยหวันหวั่นหายตัวไป ก็ไม่เคยปรากฏตัวในแชทกลุ่มของบริษัทนี้อีกเลย

ดังนั้นพอเห็นข้อความของเธอโผล่เข้ามาในกลุ่มนี้ แม้กงซวี่จะรู้ว่าเธอกลับมาแล้วก็ยังคงตื่นเต้นมากๆ

[กงซวี่: พี่เยี่ย!]

[กงซวี่: ใช่แล้ว! พวกเราอยู่ที่นี่ทั้งหมดเลย!]

[กงซวี่: พี่เยี่ยรู้ได้ยังไง]

[กงซวี่: พี่เยี่ยพี่ทำธุระเสร็จหรือยัง]

กงซวี่ส่งข้อความเสียงออกไปหลายข้อความ

เยี่ยหวันหวั่นก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว [ฉันใกล้จะถึงแล้ว]

พอเห็นข้อความนี้ ดวงตาของกงซวี่ก็เบิกโพลงในทันที “พี่เยี่ยจะมาที่นี่…”

เมื่อหานเซี่ยนอวี่ที่อยู่ข้างๆ เห็นข้อความนี้ สีหน้าของเขาก็ปรากฏแววดำคล้ำขึ้นเล็กน้อย

ตอนนี้เยี่ยไป๋กลับมาแล้ว ย่อมปรากฏต่อสาธารณชน

เพียงแต่ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ในวงการบันเทิงมีขึ้นมีลง และเขาก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมาแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้สำหรับเขาแล้วไม่นับว่าสลักสำคัญอะไร

อย่างไรก็ตาม แค่คิดว่าหญิงสาวที่ดูสุกสกาวจะต้องเผชิญกับความตกต่ำและข่าวลือเหล่านั้น เขาก็ทำใจยอมรับได้ยากยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเผชิญมาด้วยตัวเอง

อีกด้านหนึ่ง ฝูงชนที่รอดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆ เห็นกงซวี่และคนอื่นๆ ถูกเส้าเหิงพูดจาไม่ไว้หน้ากลางที่สาธารณะ แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ ยอมรับอย่างว่าง่าย พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา

ทันใดนั้น ผู้ช่วยของเส้าเหิงก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเย้ยหยัน “เอ จูเสินสือไต้อะไรกัน ก่อนหน้านี้ดูหยิ่งผยองสุดๆ ไปเลยนี่ แต่ทำไมตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเส้าเหิง แม้แต่จะผายลมก็ยังไม่กล้า”

ผู้ช่วยคนนี้คือคนดังที่อยู่กับเส้าเหิง เมื่อได้ยินดังนั้นศิลปินหังแถวที่อยู่ข้างๆ สองสามคนก็เอ่ยขึ้นทันที

“แน่นอน เส้าเหิงมีเส้นสายเป็นคนของซิงเฉินกรุ๊ปเชียวนะ ก่อนหน้านี้กงซวี่ที่ชอบทำตัวยโสโอหัง พออยู่ตรงหน้าเส้าเหิงก็ยังต้องก้มหัวให้”

ผู้ช่วยสาวยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก พลางใช้สายตาเย็นชามองไปยังฝูงชนแวบหนึ่ง “ตอนนี้ไม่ว่าใครก็กล้ายกตัวเองขึ้นมาเทียบกับเส้าเหิงของฉันแล้วเหรอ”

หลิงเส่าเจ๋อเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ถือโอกาสนี้เข้าไปทักทายเธอในทันทีด้วยใบหน้าประจบสอพลอ “พี่อิ๋ง ดูพูดเข้าสิ ขยะพวกนี้จะเทียบกับพี่เส้าได้ยังไงกันล่ะ ตอนนี้เพราะว่ามีเทพเจ้าเส้าเหิงคอยค้ำจุนจูเสินสือไต้ไว้ ก็เลยยังยืนหยัดต่อไปได้!”

เมื่อศัตรูมาพบกัน ก็ย่อมปะทะกัน หลิงเส่าเจ๋อมองไปยังลั่วเฉินกับกงซวี่ด้วยความเกลียดชังเต็มสายตา

ในตอนนั้นภาพยนตร์เรื่อง ‘มังกรผงาด’ ที่พวกเขาเคยแสดงร่วมกันทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตก แต่ลั่วเฉินกลับไม่เป็นที่รู้จัก ในบรรดาพวกเขาสองคนคนหนึ่งได้อยู่บนฟ้า แต่อีกคนกลับอยู่ใต้ดิน

เป็นเพราะเยี่ยหวันหวั่นทำให้ไอ้ขยะลั่วเฉินกลายเป็นที่นิยม แต่เขากลับต้องเป็นที่ฉาวโฉ่

ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีนิสัยประจบสอพลอจนเป็นที่ถูกใจ ตอนนี้ก็คงโดนแช่แข็งไปแล้ว

เมื่ออยู่ต่อหน้าเส้าเหิง เยี่ยหวันหวั่นก็เป็นแค่ลมพัดผ่าน เพราะแม้แต่เยี่ยอีอีเองก็ยังต้องก้มหัวให้กับเส้าเหิง

สีหน้าของหญิงสาวผู้ช่วยแลดูอ่อนลงเล็กน้อย เธอมองไปยังกงซวี่และคนอื่นๆด้วยสายตาดูแคลน “ก็ใช่ไง ทุกคนชื่นชมพี่เส้าแค่คนเดียว ยังไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีก! พวกเนรคุณ!”

ในขณะนี้ เส้าเหิงกำลังสนทนากับบรรดาแขกผู้มีเกียรติอย่างสบายใจ เขาทำเพียงเหลือบมองพฤติกรรมของผู้ช่วยของตัวเองในตอนนี้ แต่กลับมีท่าทางราวกับไม่ได้คิดที่จะหยุดมัน

บทสนทนาที่บิดเบือนข้อเท็จจริงพวกนี้ ทำให้เจียงเยียนหรานแทบจะระงับโทสะเอาไว้ไม่อยู่

“ทำไมคนพวกนี้ถึงหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้ เห็นๆ อยู่ว่าเส้าเหิงคนนี้กำลังตามเกาะบริษัทเราอย่างกับผีดูดเลือด…”

……

ในตอนนี้เอง ภายนอกประตูห้องจัดเลี้ยง

เยี่ยหวันหวั่นได้รับบัตรเชิญมาร่วมงานในฐานะแฟนสาวของฟู่หมิงซี

ส่วนเป่ยโต่วกับชีซิงไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ แต่เป่ยโต่วนั้นมีหรือจะยอม จึงเริ่มเปิดปากทะเลาะกับฟู่หมิงซีอีกครั้ง