ราชันเร้นลับ 898 : ตอบสนอง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 898 : ตอบสนอง
หลังจากวางเทียนไข โคลิน·อีเลียดหยิบแท่งเงินบริสุทธิ์ หยิบมีดที่อยู่ด้านข้างและกรีดดัง ปึด! เกิดเป็นภาชนะสำหรับยันต์ขนาดเท่าฝ่ามือ

ถัดมา มันทำตามคำอธิบายของเดอร์ริค·เบเกอร์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของแผ่นเงินมีการวาดสัญลักษณ์ลึกลับที่ของ ‘เดอะฟูล’

ตลอดกระบวนการ โคลินลงมืออย่างรวดเร็ว หากมีคนที่ไม่รู้จักมาเห็นเข้า คงมองตามการเคลื่อนไหวไม่ทัน และท้ายที่สุด ผลลัพธ์ออกมาอย่างไม่มีข้อบกพร่อง คล้ายกับงานศิลป์ที่ถูกแกะสลักอย่างเชื่องช้ามาตลอดหลายวัน

ถัดมา โคลิน·อีเลียดหยิบขวดปรอทอีกขวด ใช้พลังวิญญาณที่ทรงพลังนำทางของเหลวภายในให้ไหลเข้าสู่แผ่นยันต์ เติมเต็มอักขระทุกบรรทัด ควบคุมไม่ให้ปรอทไหลออก ไม่ตกลงไปด้านล่างด้วยผลจากแรงโน้มร่วง

ทำซ้ำอีกครั้งจนกระทั่งเสร็จยันต์แผ่นที่สอง โคลิน·อีเลียดนำพวกมันมาวางไว้ด้านหน้าเทียนไข ใกล้กับหนอนกาลเวลาสีใสสองตัว

เมื่อเทียบกับตอนที่โคลินยืนนิ่งด้วยมาดสุขุม โคลินในปัจจุบันดูเยือกเย็นมากกว่าแต่ก่อน ปราศจากความลังเลโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับตอนที่กำลังเผชิญหน้าสัตว์ประหลาดดุร้ายในความมืด

เมื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีกรรมเสร็จ มันถอยหลังไปสองก้าว ถอดดาบยาวที่แขวนบนผนัง จากนั้นก็นำมาสอดเข้าไปในช่องว่างระหว่างกระเบื้องกับขอบประตู

โคลินหลับตาและพึมพำ แสงบริสุทธิ์เริ่มแผ่ออกมาจากความว่างเปล่าโดยรอบ ครอบคลุมดาบยาวทั้งสองเล่มด้วยความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์และสง่างาม

เมื่อแสงมารวมตัวมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันค่อยๆ แปรสภาพกลายเป็นกระแสน้ำ ไหลไปตามช่องว่างระหว่างกระเบื้องกับผนังห้อง เกิดเป็น ‘กรง’ ที่ตัดขาดภายในและภายนอกออกจากกัน

ใจจริง ในฐานะ ‘นักล่าปีศาจ’ อาวุโสโคลิน·อีเลียดไม่อยากป้องกันตัวมากเกินไประหว่างประกอบพิธีกรรม เพราะนั่นอาจทำให้เป้าหมายที่สวดวิงวอนถึงเกิดความระคายเคือง นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในแง่ลบที่อาจก่อให้เกิดอันตราย แต่ท้ายที่สุด มันก็เลี่ยงการสร้างแนวป้องกันไม่ได้ แน่นอน นี่มิใช่การทำเพื่อตัวเอง แต่เป็นหลักประกันให้กับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคน ถึงแม้พิธีกรรมจะล้มเหลว ถึงแม้ ‘เดอะฟูล’ จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มุ่งร้ายและอันตราย ถึงแม้โคลินจะต้องตายหน้าแท่นบูชา แต่เมืองเงินพิสุทธิ์ทั้งหมดจะต้องไม่ได้รับความเสียหายใหญ่หลวง

สำหรับความสามารถในการป้องกันของ ‘กรง’ โคลินผู้เป็นเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ค่อนข้างมั่นใจ เพราะนี่เป็นพลังที่เกิดจากสมบัติปิดผนึกระดับเทพโดยตรง – มงกุฎที่ราชาคนยักษ์เคยสวม

หลักฐานแห่งความรุ่งโรจน์!

สิ่งนี้คือสาเหตุที่ทำให้เมืองเงินพิสุทธิ์สามารถเอาตัวรอดมาได้นานท่ามกลางยุคสมัยที่มืดมิดและเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด!

จัดการทั้งหมดเสร็จ โคลิน·อีเลียดใช้โต๊ะทำงานแทนแท่นบูชา แผ่พลังวิญญาณเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ศักดิ์สิทธิ์และสะอาดซึ่งไม่มีใครสามารถรบกวน ตามด้วยการจุดเทียนไขทั้งสามเล่ม

ภาพของแสงอันเจือจางที่โยกคลอนแผ่วเบากำลังสะท้อนบนกระจกตาโคลิน มันก้มศีรษะลง โรยผงพืชพรรณลงบนเปลวไฟเทียนไขที่เดอร์ริค·เบเกอร์กล่าวถึง รวมถึงการนำหนังและขนของสัตว์ประหลาดใส่ลงในหม้อต้มและจุดไฟ เพื่อให้เป้าหมายของการสวดวิงวอนโปรดปราน

พิธีกรรมในทำนองนี้ สำหรับเมืองเงินพิสุทธิ์แล้วไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีการบวงสรวงต่อพระผู้สร้างอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็มีหลายครั้งที่ชาวเมืองหรือทีมสำรวจถูกล่อลวงให้ประกอบพิธีกรรมถึงตัวตนลึกลับและนิรนาม

ในกรณีหลัง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่มีสติ แต่ก็มีกลุ่มคนส่วนน้อยที่ตั้งใจประกอบพิธีกรรมถึงตัวตนลึกลับเอง ในแง่หนึ่งอาจเป็นเพราะความสิ้นหวังที่มีต่อพระผู้สร้างซึ่งไม่เคยตอบสนองสิ่งใดเลยนานกว่าพันปี จึงหวังจะได้รับความช่วยเหลือจากตัวตนอื่น ขณะเดียวกัน ‘หกสภาอาวุโส’ ของเมืองเงินพิสุทธิ์เมื่อหลายรุ่นก่อนได้เห็นพ้องต้องกันว่า พระผู้สร้างคงทอดทิ้งดินแดนแห่งนี้และไม่หวนกลับมาอีกแล้ว จึงลองมองหาตัวตนใหม่ๆ เพื่อให้เมืองเงินพิสุทธิ์ก้าวต่อไป แต่น่าเสียดายที่ความพยายามเหล่านั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า ผลลัพธ์มีเพียงความเงียบสงบหรือไม่ก็ความตาย

เพราะเหตุนี้ พวกมันจึงเลิกเอาชีวิตไปเสี่ยง ไม่ว่าจะเผชิญกับความยากลำบากมากเพียงใด ไม่ว่าจะค้นพบที่ถูก ‘เทพมาร’ ทำลายไปมากมายแค่ไหน แต่หน่วยสำรวจของเมืองพิสุทธิ์ก็ไม่เคยลดละความพยายามที่จะพาทุกคนออกจากคำสาป

สำหรับโคลิน·อีเลียด การค้นพบ ‘แจ็ค’ จากภายนอกนำมาซึ่งความประหลาดใจและความหวังที่เกินกว่าจะพรรณนา รวมถึงการค้นพบที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านยามบ่าย แผนการของ ‘เหล่าราชา’ และคำพยากรณ์ของนักบวช สิ่งเหล่านี้ทำให้โคลินเกิดความตื่นตัวและเปลี่ยนความคิดเดิมๆ เลิกคาดหวังว่าพระผู้สร้างจะหวนกลับมา

ด้วยการผนึกกำลังกันของสองปัจจัย รวมถึงความผิดปกติของโลเฟียร์และเดอร์ริค รวมถึงคำทำนายของวันสิ้นโลก โคลิน·อีเลียดผู้เป็นเจ้าเมืองและหัวหน้าใหญ่ของ ‘หกสภาอาวุโส’ ผู้เป็น ‘นักล่าปีศาจ’ ที่แข็งแกร่งและมากประสบการณ์ มันตัดสินใจยอมเสี่ยงเต้นรำบนคมมีด ยอมเสี่ยงติดต่อกับตัวตนลึกลับที่ซ่อนอยู่

หลังจากหายใจออกอย่างเงียบงันและเชื่องช้า โคลินเดินถอยหลัง เปล่งเสียงด้วยท่วงทำนองขึ้นลงเป็นจังหวะ

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย… ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกสีเทา… ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ… ข้าขอภาวนาถึงท่าน ข้าวิงวอนขอพลังลึกลับ วิงวอนขอความโชคดี วิงวอนขอให้วัตถุบนแท่นบูชากลายเป็นแผ่นยันต์…”

เมื่อเสียงขึ้นๆ ลงๆ เป็นจังหวะของโคลินก็แผ่วลง แท่นบูชาตรงหน้าพลันมืดสลัวด้วยบรรยากาศลุ่มลึก คล้ายกับมีความศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะอธิบายกำลังซึมผ่านแสงเทียนไขที่อยู่ตรงกลาง

ทันใดนั้น เปลวไฟเทียนไขพลันลุกโชนและขยายขนาด แต่กระนั้นก็มิได้ทำให้สภาพแวดล้อมสว่าง กลับกัน ทุกสิ่งรอบตัวกลับยิ่งทวีความเป็นภาพมายา เผยให้เห็นเงารางๆ ของบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวไปมาตลอดเวลา บ้างเบาบาง บ้างหนาแน่น

เหนือสุดด้านบนโลกมายาและเงาลางจำนวนนับไม่ถ้วนมีเจ็ดริ้วแสงสีสันแตกต่างกันออกไป คล้ายกับอัดแน่นด้วยองค์ความรู้มหาศาลไร้ก้นบึ้ง

และเหนือแสงอันบริสุทธิ์ทั้งเจ็ดคือทะเลหมอกสีเทากว้างไกลไร้ขอบเขต ด้านในมีพระราชวังโบราณที่กำลังจ้องมองทุกสิ่งจากมุมสูง

‘นักล่าปีศาจ’ โคลินพลันลืมเรื่องอื่นไปชั่วขณะ ทำเพียงจ้องมองภาพฉายบนแท่นบูชาอย่างตั้งใจ คล้ายสิ่งกับที่เคยมีอยู่แค่ในหนังสือและตำราโบราณ กำลังหลุดออกจากเส้นกั้นแบ่งระหว่างโลกมายาและความจริง ปรากฏกายขึ้นตรงหน้ามัน

หากมันเข้าใจไม่ผิด นี่คือภาพฉายของโลกวิญญาณ

ก่อนที่จะเกิดมหาภัยพิบัติ ก่อนที่พระผู้สร้างจะละทิ้งแผ่นดิน มนุษย์สามารถเดินทางเข้าออกโลกวิญญาณได้อย่างอิสระ!

แต่ตอนนี้ โลกวิญญาณคือสิ่งที่มีเฉพาะในตำราเรียนและคัมภีร์เก่าแก่ของเมืองเงินพิสุทธิ์ ไม่เคยมีใครสัมผัสถึงโลกวิญญาณได้!

ทันใดนั้น เสียงเสียดสี ‘เอี๊ยดอ๊าด’ เริ่มดังขึ้น พระราชวังโบราณเหนือสายหมอกสีเทาในโลกวิญญาณที่คอยเฝ้ามองทุกสิ่งจากมุมสูง กำลังเปิดประตูออกมาต้อนรับ!

ถัดมา โคลินเห็นยันต์หน้าแสงเทียนที่ยังไม่เสร็จ เริ่มเปล่งประกายด้วยแสงสีเงิน แต่ละเส้นอักขระค่อยๆ ‘สว่างขึ้น’ ทีละเส้น จากนั้นก็เปล่งแสงพร่างพราวอย่างท่วมท้น โอบกอดแผ่นเงินแท้และหนอนกาลสีใสเวลาเข้าด้วยกัน

โลกสลัวๆ รอบแท่นบูชาพลันบิดเบี้ยวทันที

แต่เพียงไม่นาน ทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยันต์ประหลาดอีกสองแผ่นที่ทำจากผลึกสีดำถูกวางบนแท่นบูชา ฉากตรงหน้าดูคล้ายกับดวงตาของใครบางคนที่มีตัวตนอยู่จริง กำลังเฝ้ามองโลกนี้อย่างเงียบงัน

‘นักล่าปีศาจ’ โคลินผงะเล็กน้อย รีบปิดตาสนิท ก้มศีรษะลงพร้อมกับกล่าวเสียงเรียบ

“ขอบคุณสำหรับของขวัญจากท่าน… ขอให้ท่านจงเจริญ”

มันไม่มัวรีรอ รีบสิ้นสุดพิธีกรรมทันที ผนึกภายในห้องถูกคลาย

จัดการทั้งหมดเสร็จ ผู้นำแห่ง ‘หกสภาอาวุโส’ ของเมืองเงินพิสุทธิ์เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน หยิบเครื่องรางสองแผ่นที่ทำจากหนอนกาลเวลาซึ่งร่างโคลนของอามุนด์ทิ้งไว้

จนกระทั่งปัจจุบัน ภาพที่มันเห็นเมื่อครู่ยังคงถูกสลักอยู่ในใจ

ตามความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับของโคลิน เหนือสุดของของโลกวิญญาณน่าจะเป็นเจ็ดริ้วแสงที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือโบราณบางเล่ม แสงทั้งเจ็ดถูกยกย่องให้มีระดับใกล้เคียงเทพ แต่ไม่มีหนังสือเล่มใดเลยที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เหนือแสงทั้งเจ็ด ไม่ว่าจะหมอกสีเทาหรือพระราชวังโบราณ และใครคือเจ้าของดินแดนดังกล่าว?

และในระหว่างพิธี โคลิน·อีเลียดพบว่า ‘เดอะฟูล’ ที่มันสวดวิงวอนถึงด้วยความเคารพ คือตัวตนที่ทั้งลึกลับและสูงสง่า แตกต่างจากสัตว์ร้ายบางตนที่ชอบแสดงอำนาจตลอดเวลา อดไม่ได้ที่จะแสดงพลังและความน่าเกรงขาม

บุคลิกและบารมีที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็น ในบันทึกของเมืองเงินพิสุทธิ์มีคำอธิบายที่คล้ายคลึงกันอยู่ เป็นคำบรรยายที่เกี่ยวกับพระผู้สร้าง!

หลังจากก้มมองแผ่นยันต์ในมือพลางตรวจสอบสภาพปัจจุบันของตัวเองสักพัก ‘นักล่าปีศาจ’ ผมสีเทา โคลิน รีบหลับตาลง เพราะภายในใจกำลังผุดภาพของบุคคลมากมาย

มีทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย น้องสาว ลูกชายคนโต ลูกชายคนเล็ก ลูกสาวและหลานชายคนโตที่เคยถูกโคลินจบชีวิตด้วยมือตัวเอง

เจ้าเมืองชรารายนี้เงียบเป็นเวลานาน ก่อนจะถอนหายใจเสียงต่ำ

“2,583 แล้วสินะ…”

ผ่านมานานกว่า 2,583 ปี ในที่สุดเมืองเงินพิสุทธิ์ก็ได้รับการตอบสนองตามปรกติ

ภายในห้องสมุดของยอดหอคอยแหลม

เดอร์ริคอยู่ในโซนหนังสือตำนานโบราณที่มันชอบอ่าน จนกระทั่งพบกับบันทึกเล่มหนึ่งที่ไม่เคยอ่านมาก่อน

ปกของสมุดทำจากหนังสัตว์ประหลาดบางชนิด มองเห็นลวดลายได้ชัดเจน ด้านในเป็นกระดาษเก่าสีเหลือง บันทึกประสบการณ์ของผู้เขียนเมื่อครั้งเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่แตกต่างออกไป

สัตว์ประหลาดเหล่านี้ส่วนใหญ่พบได้ในตำราของเมืองเงินพิสุทธิ์ แม้จะมีลักษณะตรงตามหนังสือเรียนทุกประการ แต่การบรรยายฉากต่อสู้และประสบการณ์ในบันทึก ทำให้เดอร์ริคเกิดความสนใจอย่างมาก นั่งอ่านอย่างจริงจังเป็นเวลานาน

ฉึบ! ทันใดนั้น เด็กหนุ่มสังเกตเห็นสัตว์ประหลาดที่เรียกว่า ‘ตัวจำแลงกาย’

สัตว์ประหลาดตัวนี้มีปัญญาไม่มากพอที่จะสื่อสาร แต่เก่งเรื่องการวางกับดักเพื่อจัดการเป้าหมาย และสามารถแปลงโฉมเป็นคนอื่น รวมถึงการใช้วิธีที่น่าทึ่งมากมายเพื่อหลอกล่อเหยื่อ

ผู้เขียนบันทึกแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมันไว้ว่า ทั้งพิสดารและอันตราย

สิ่งนี้คล้ายกับการคาดเดาของมิสเตอร์เวิร์ลเกี่ยวกับบุคลิกลักษณะของมารพิสดาร… อาจเป็นไปได้ว่า ‘ตัวจำแลงกาย’ คือมารพิสดาร? เดอร์ริคดีใจอย่างบอกไม่ถูก รีบอ่านเนื้อหาที่เหลืออย่างรวดเร็ว พบว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้อาศัยอยู่ในซากอาณาจักรที่ห่างออกไปทางเหนือ และเนื่องจากสัตว์ประหลาดในความมืดบริเวณดังกล่าวทั้งแข็งแกร่งและน่ากลัว แม้แต่ ‘หกสภาอาวุโส’ ก็ไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น หลังจากความพยายามสองครั้งแรก เมืองเงินพิสุทธิ์ตัดสินใจระงับการสำรวจในพื้นที่ดังกล่าวชั่วคราว และมีผลบังคับใช้มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุผลข้างต้น ตำราเรียนของเมืองเงินพิสุทธิ์จึงยังไม่มีคำอธิบายของสัตว์ประหลาดตัวดังกล่าวเขียนลงไป

หลังจากอ่านบันทึกจบ เดอร์ริคพลิกสมุดไปที่หน้าสุดท้ายตามสัญชาตญาณ มันอยากทราบว่าใครกันที่เคยสัมผัสประสบการณ์การสำรวจที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้

หลังจากเปิดมาถึง เด็กหนุ่มรีบมองหาชื่อ

โคลิน·อีเลียด

อ่าวเดซีย์ ท่าเรืออิสเคอร์เซ่น

ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง ลูบหน้าผาก เดินตรงไปที่เตียงนอนและทิ้งตัวลง

เพื่อจะทำให้เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์เกิดความประทับใจใน ‘เดอะฟูล’ มากกว่าเดิม เกิดความไว้วางใจมากกว่าเดิม ในตอนที่ตอบสนองต่อพิธีกรรม ชายหนุ่มเพิ่มเทคนิคพิเศษมากมายเข้าไป เช่นการบังคับให้แสดงภาพของ ‘ตัวตนลึกลับ’ บนท้องฟ้าเหนือหมอกสีเทา ซึ่งสิ่งนี้จะปรากฏเฉพาะใน ‘พิธีกรรมพันธสัญญาลับ’ และ ‘พิธีกรรมสังเวยและรับมอบ’ เท่านั้น การกระทำดังกล่าวสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมาก ไคลน์จึงเหนือจนแทบอยากตาย

ไว้ค่อยตื่นมาหาอาหารให้ ‘ยุบพองหิวโหย’ ตอนนี้ปล่อยให้มันพักผ่อนบนมิติหมอกสีเทาไปก่อน… ไคลน์ครุ่นคิดในสภาพงัวเงีย เพียงไม่นานก็หลับสนิท ยาวตั้งแต่เช้าไปถึงบ่าย จนกระทั่งตื่นขึ้นตามธรรมชาติเนื่องจากท้องร้องโครมคราม