ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 140-1 ไม้ตาย

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

หวงฝู่เย่าเย่ว์หน้าแดงก่ำ เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวของตน ไม่มองเขาอีก  

 

นานๆ ทีจะได้เห็นนางมีท่าทางเหมือนเด็กเช่นนี้ ท่าป๋าหั่นหลินยิ้มตาเป็นสระอิ ยื่นมือออกมาเอาผ้าห่มออก “เย่ว์เอ๋อร์ เดี๋ยวลูกของเราหายใจไม่ออกนะ” 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์เอามือทั้งสองข้างขึ้นมาจับหน้าของตนเอง 

 

ท่าป๋าหั่นหลินหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเขาดังกังวานไปทั่วห้อง สื่อถึงความอารมณ์ดีของเขา  

 

แล้วเขาก็ลุกขึ้น ถอดชุดของตนออก ขึ้นเตียงไปโอบกอดหวงฝู่เย่าเย่ว์เอาไว้ พอได้สัมผัสกับร่างกายที่นุ่มนิ่มของนาง เขาก็พยายามข่มอารมณ์ ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเหนื่อยน่ะ เจ้าอยากมานอนพักกับข้าหรือไม่” 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่พูด แต่กลับพลิกตัว แล้วเอาหัวซบไปที่แผงอกของเขา เอามือวางบนตัวของเขา  

 

ท่าป๋าหั่นหลินไม่เคยรู้สึกดีเช่นนี้มาก่อน กอดนางไว้แน่น แล้วหลับตา ไม่นาน ทั้งสองคนก็เคลิ้มหลับไป 

 

คนในต่ำหนักหลวนเฟิ่งต่างก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่แม้แต่จะมีเสียงดังออกมาเลยสักนิด  

 

ในตำหนักเฟิ่งอี้ หลังจากที่สนมอี้ลงจากเตียง หัวก็ฟูยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ปาข้าวของเครื่องใช้ภายในตำหนักจนแตกละเอียด แล้วนั่งลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ กรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ  

 

ส่วนนอกเรือน บ่าวรับใช้ต่างก็พยายามไม่แม้แต่จะมีเสียงหายใจ มองกันไปมา แล้วเดินออกไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย โดยเดินออกไปให้ห่างจากเรือนนั้นมากที่สุด  

 

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ท่าป๋าหั่นหลินลืมตาขึ้น มองไปที่หวงฝู่เย่าเย่ว์ที่ยังหลับอยู่ในอ้อมอกของตน ก็เกลี่ยผมที่อยู่ตรงหน้าผากของนางขึ้นไปไว้บนหัวอย่างเบามือ  

 

พอรู้สึกได้ถึงมือของเขา หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ลืมตาขึ้นด้วยความสะลึมสะลือ ถามว่า “เช้าแล้วหรือเพคะ” 

 

ท่าป๋าหั่นหลินหัวเราะออกมา หึ แล้วลูบไปที่ใบหน้าของนาง “เจ้านอนจนเบลอไปแล้วหรือ ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายเองนะ” 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ถึงได้สติ รีบตื่นขึ้นมา “เดี๋ยวหม่อมฉันใส่ชุดให้เพคะ” 

 

ท่าป๋าหั่นหลินห้ามนางเอาไว้ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าให้พวกบ่าวช่วยเอง เจ้านอนต่อไปเถอะ” 

 

แล้วหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็นอนต่อ  

 

ท่าป๋าหั่นหลินตื่น เรียกบ่าวให้เข้ามาช่วยใส่ชุด แล้วก้มลงไปจูบที่ปากของหวงฝู่เย่าเย่ว์หนึ่งที “เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะรีบกลับมา อยากกินอะไรก็ให้ที่ครัวเตรียมสำรับไว้ให้เรียบร้อยนะ” 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์เขินจนหน้าแดงไปหมด แล้วพยักหน้า  

 

ท่าป๋าหั่นหลินมาที่ห้องทรงพระอักษรเห็นเล่มรายงานที่กระจัดกระจาย ก็มีภาพตอนที่หวงฝู่เย่าเย่ว์มาหาเมื่อเช้าปรากฏขึ้นมา ทำให้เขาเสียใจเป็นอย่างมาก เลยเรียกคนเข้ามา เก็บเล่มรายงานวางลงบนโต๊ะให้เรียบร้อย  

 

หลังจากโบกมือให้พวกนางออกไปจนหมด ก็นั่งเหม่อที่เก้าอี้ คิดแต่ว่าเดี๋ยวจะได้เป็นพ่อคนแล้ว เลยทำให้เขาเกิดความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  

 

เรื่องฮองเฮาทรงพระครรภ์ ไม่นานก็รู้กันทั่ววังหลวง นอกจากสนมอี้แล้ว นางสนมคนอื่นๆ รวมทั้งหลิวอวี้เอ๋อร์ก็ดีใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เป็นเพราะว่าฮองเฮาทรงพระครรภ์ แต่เป็นเพราะช่วงเวลานี้ฮองเฮาไม่สามารถปรนนิบัติฮ่องเต้ได้ต่างหาก พวกนางจะได้มีโอกาสได้นอนกับฮ่องเต้บ้าง  

 

ทุกคนเลยแต่งองค์ทรงเครื่องรอในทุกๆ วัน เผื่อเวลาฝ่าบาทเสด็จมาจะได้เตรียมตัวได้ทัน แต่หลายวันผ่านไป ฝ่าบาทไม่มีวี่แววมาที่ตำหนักพวกนางเลยแม้แต่น้อย ทุกคนเลยรู้สึกผิดหวัง แล้วเกลียดแค้นหวงฝู่เย่าเย่ว์ยิ่งกว่าเดิม  

 

ในทุกวัน นอกจากไปประชุมเช้า ท่าป๋าหั่นหลินก็จะอยู่ในตำหนักหลวนเฟิ่ง ขนาดเล่มฎีกาต่างๆ ยังเรียกให้ผู้ดูแลฮูเอามาส่งที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง ตรวจรายงานไป และคอยเฝ้าหวงฝู่เย่าเย่ว์ไปด้วย  

 

เมื่อเห็นเขาดีใจขนาดนี้ หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ดีใจตามไปด้วย เลยทำให้อาการแพ้ท้องของนางดีขึ้นไปด้วย  

 

ส่วนคนที่ดีใจที่สุดไม่น่าพ้นไทเฮา สั่งให้ห้องเครื่องเลือกวัตถุดิบมาทำอาหารบำรุงให้กับหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่เว้นแต่ละวัน  

 

หลายวันผ่านไป เรื่องที่ฮองเฮาทรงพระครรภ์ได้แพร่ออกจากวังหลวง จนเข้าถึงหูของอัครเสนาบดี  

 

อัครเสนาบดีถึงกับนั่งไม่ติดเลยทีเดียว จึงสั่งให้คนไปเชิญเสนาดีกรมคลังกับเสนาบดีกรมกลามโหมมา แล้วหารือกันอย่างเคร่งเครียด 

 

วันต่อมา ทั้งสามคนก็นำราชโองการสั่งเสียเข้าวังมาเข้าเฝ้า 

 

ท่าป๋าหั่นหลินเพิ่งประชุมเช้าเสร็จ กำลังจะเตรียมตัวไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง เมื่อได้ยินว่าทั้งสามคนขอเข้าเฝ้า สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม สะบัดชายเสื้อ แล้วออกคำสั่งว่า “ไม่อนุญาต” 

 

“ฝ่าบาท อัครเสนาดีบอกว่า เรื่องที่จะกราบทูลวันนี้เกี่ยวข้องกับบ้านเมือง แล้วยังบอกอีกว่า… …” 

 

ผู้ดูแลฮูเหงื่อแตกออกมาเต็มหน้าผาก กดเสียงต่ำลง ไม่กล้าเอาคำพูดของอัครเสนาบดีพูดออกมา  

 

“ทำไม” 

 

ท่าป๋าหั่นหลินหงุดหงิด โกรธ ถามด้วยความไม่พอใจ  

 

“เอ่อ คือว่า เอ่อ… …” เสียงของผู้ดูแลฮูกดต่ำลงเรื่อยๆ แต่ก็พูดออกมาไม่ได้สักที  

 

ท่าป๋าหั่นหลินถอนหายใจ แล้วออกคำสั่ง “เรียกตัวพวกเขาเข้ามา ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าเรื่องใหญ่อะไรกันที่มันจะเกี่ยวข้องการบ้านการเมือง” 

 

พูดจบ ก็มุ่งหน้าเดินไปที่ห้องทรงพระอักษร 

 

เหล่าอัครเสนาบดีมาถึง คุกเข่าคารวะตามธรรมเนียม  

 

ท่าป๋าหั่นหลินไม่ได้ให้พวกเขาลุกขึ้น แต่ถามก่อนเลยว่า “มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับบ้านเมืองงั้นรึ บอกข้ามาสิ” 

 

“ฝ่าบาท” 

 

อัครเสนาบดีหยิบราชโองการสั่งเสียงชูขึ้น  

 

“เอามา!”  

 

อัครเสนาบดีลุกขึ้น เอาไปวางไว้ที่โต๊ะหนังสืออย่างนอบน้อม แล้วกลับไปคุกเข่าตามเดิม 

 

ท่าป๋าหั่นหลินเปิดราชโองการขึ้นอย่างช้าๆ อ่านอย่างละเอียดทุกตัวอักษรด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม พออ่านจบ หน้าก็ขรึมเป็นอย่างมาก กัดฟันพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “พวกเจ้ารู้เนื้อหาบนราชโองการสั่งเสียนี้ตั้งนานแล้วอย่างนั้นรึ” 

 

ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน “ก่อนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนจะสวรรคต ได้นำราชโองการสั่งเสียนี้มาให้พวกเรา และได้บอกเนื้อหาด้านในกับพวกเราแล้ว บอกว่าหากฝ่าบาทมิอาจทำตามพระราชประสงค์ได้ พวกเราจะสามารถมีสิทธิ์เลือกรัชทายาทและแต่งตั้งผู้สืบทอดบัลลังก์คนใหม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

แล้วเสนาบดีกรมทหารก็พูดอีกว่า “ก่อนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนจะสิ้นใจ ยังได้เอาตราคำสั่งกรมทหารส่งมอบให้กับท่านแม่ทัพใหญ่อีกด้วย ทั้งยังให้ราชโองการอีกฉบับด้วย ในส่วนของเนื้อหาด้านในนั้น พวกกระหม่อมเองก็มิอาจทราบได้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

“พวกเจ้ากำลังจะให้ราชสำนักก่อกบฏเสียเองงั้นรึ” ท่าป๋าหั่นหลินพูดด้วยความโกรธ  

 

“ฝ่าบาททรงโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”  

 

อัครเสนาลดีอธิบายว่า “กระหม่อมไม่ได้อยากทำเช่นนี้ ครั้งที่แล้วเข้าวังมาเข้าเฝ้าก็เพื่อที่จะดึงสติฝ่าบาทกลับมา แล้วทำตามที่รับปากกับฮ่องเต้องค์ก่อนเอาไว้ แต่ฝ่าบาทไม่เพียงแต่ไม่หยุดการกระทำนั้น แต่กลับทรงโปรดปรานแค่ฮองเฮา เรื่องที่ปล่อยให้นางทรงพระครรภ์นั้น เป็นเรื่องที่เหล่ากระหม่อมไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” 

 

“ไร้สาระ!” ท่าป๋าหั่นหลินพูดสบดออกมา “วันนั้นที่พวกเจ้าเข้ามาโน้มน้าวข้า ฮองเฮาก็ท้องแล้ว หรือว่าจะให้ข้าทำให้นางแท้งงั้นรึ” 

 

เหล่าอัครเสนาบดีก็ไม่ได้ปิดบังเจตนารมของตนเองเช่นกัน ตอบกลับไปตามตรง “พวกกระหม่อมหมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ เด็กคนนี้จะเกิดมาไม่ได้ ต่อจากนี้ ก็ห้ามให้ฮองเฮาทรงพระครรภ์อีกเป็นอันขาด แล้วเอานางไปขังไว้ในตำหนักเย็น นี่เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงปรารถนาพ่ะย่ะค่ะ” 

 

ท่าป๋าหั่นหลินหัวเราะออกมา “ฮองเฮามีลูกไม่ได้ แล้วแผ่นดินนี้ของข้าใครจะเป็นผู้สืบทอด” 

 

อัครเสนาบดีกะพริบตาปริบๆ แล้วเงยหน้าขึ้น ออกความคิดเห็นอย่างหน้าไม่อายว่า “ฝ่าบาทมีตำหนักฝ่ายในตั้งมากมาย นางสนมก็มีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นใครมีทายาทได้ นั่นก็ถือเป็นสายเลือดของท่านทั้งนั้น สามารถสืบทอดตำแหน่งได้เสมอพ่ะย่ะค่ะ” 

 

ท่าป๋าหั่นหลินมองจ้องไปที่เขาด้วยสายตาคาดเดาไม่ได้  

 

อัครเสนาบดีถูกมองเสียใจทำตัวไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างเดียว  

 

ห้องทรงพระอักษรที่เงียบสงัด  

 

ไม่นาน ท่าป๋าหั่นหลินก็พูดด้วยน้ำเสียงดุดันขึ้นว่า “ถ้าหากว่า ข้าไม่ทำตามล่ะ” 

 

“เช่นนั้นวันพรุ่งคงมีฮ่องเต้องค์ใหม่แล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมทหารพูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัว