จวนจิ่วหลงเทียน…
ดูเหมือนว่าชื่อนี้ ตงหลิงหวงเคยได้ยินจากที่ใดสักแห่ง ทว่าหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ใดกันแน่ นางจึงตัดสินใจหยุดคิดเรื่องนี้
นางก้าวไปข้างหน้าและผลักประตูหินของถ้ำ
เมื่อประตูหินหนักอึ้งถูกผลักออกอย่างเชื่องช้า แสงสว่างเจิดจ้าพลันพุ่งเข้ามาและสาดส่องมาที่นาง ขณะเดียวกัน ตงหลิงหวงก็รู้สึกถึงพลังวิเศษอันทรงพลัง
อาณาจักรเทียนเหอไม่ใช่อาณาจักรสำหรับการฝึกตนบำเพ็ญเพียรโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงยากที่จะพานพบพลังวิเศษเช่นนี้ ทั้งยังเป็นพลังวิเศษที่ทรงพลังยากหยั่งรู้อีกด้วย
ตงหลิงหวงหยิบไข่มุกราตรีในตัวออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น และก้าวเข้าไปข้างในอย่างเชื่องช้า โดยอาศัยแสงสว่างของไข่มุกราตรี
พื้นที่ภายในถ้ำกว้างขวางอย่างมาก นอกจากถ้ำหลักแล้ว ยังมีโครงสร้างภายในที่สลับซับซ้อน และมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยมากมาย ดูจากโครงสร้างภายใน เหมือนมีคนเคยอาศัยมาก่อน
ภายในถ้ำหลักมีข้าวของเครื่องใช้ที่เรียบง่าย แม้สิ่งของจะเรียบง่าย ทว่าตงหลิงหวงไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นมากนัก นางเดินอ้อมไปยังถ้ำขนาดเล็กอื่นๆ
หนึ่งในนั้นคงเป็นห้องนอน มีเตียงนอน ตู้ และเครื่องใช้อื่นๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจให้ค้นคว้ามากนัก นางจึงเดินออกไป
หลังจากสำรวจถ้ำเล็กๆ สี่ถึงห้าแห่งก็ไม่พบสิ่งใดที่น่าสนใจ ตงหลิงหวงรู้สึกหมดหวังเล็กน้อย นางคิดว่าภายในถ้ำเป็นสถานที่เรียบง่าย สามารถทำให้เจ้าของเข้ามาฝึกตนบำเพ็ญเพียรและเร้นกายจากโลกภายนอก นอกจากนั้น การตกแต่งเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่มารดานางทิ้งไว้ให้
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าเมื่อนางกำลังเดินไปยังถ้ำแห่งที่หก นางกลับประหลาดใจและตกตะลึง
ทันทีที่เดินเข้ามาภายในถ้ำ ถ้ำแห่งนี้ใหญ่กว่าถ้ำหลักมาก อาจมากกว่าสี่หรือห้าเท่าด้วยซ้ำ
ด้านในมีชั้นหนังสือวางเต็มไปหมด รวมทั้งศาสตราเทพ และอาวุธวิเศษต่างๆ
ตงหลิงหวงยืนอยู่หน้าถ้ำอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
หรือว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเคล็ดลับวิชาฝึกตน?
ต้องทราบว่าในอาณาจักรเทียนเหอแห่งนี้ พบเห็นเคล็ดลับวิชาฝึกตนได้น้อยมาก
แม้คนที่มีวรยุทธ์สูงส่งยังต้องฝึกฝนจากวิธีที่ผู้ฝึกตนรุ่นก่อนถ่ายทอดต่อกันมาบางส่วนเท่านั้น หรือรับช่วงต่อจากผู้ฝึกตนโบราณที่สืบทอดต่อๆ กันมา ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ ดูแล้วครบถ้วนสมบูรณ์ เกรงว่าทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอคงหาชุดที่สองไม่ได้แน่
ตงหลิงหวงเดินเข้าไปพลางเหลือบมองตำราบนชั้นคร่าวๆ สายตาของนางเหลือบไปที่คัมภีร์เล่มหนึ่ง คัมภีร์เทพลั่วจิ่วเทียน
เนื่องจากไม่มีผู้ใดเปิดอ่านเป็นเวลานาน บนคัมภีร์จึงมีฝุ่นหนาเตอะ
ตงหลิงหวงปัดฝุ่นออกและเปิดหน้าชื่อเรื่อง ซึ่งเป็นรูปของบุรุษผู้หนึ่ง
บุรุษในหนังสือมีคิ้วรูปวงดาบสดใส ดวงตารูปดาวสุกสกาว ใบหน้าสีแดง และสวมเสื้อคลุมยาว รอบกายของเขาราวกับมีพลังเทพ
ที่มุมล่างขวามีอักษรเขียนว่า “ผู้วิเศษจิ่วเทียน”
ตงหลิงหวงคาดเดาว่าบุรุษที่มีลักษณะดั่งเทพเจ้าในภาพนี้คงเป็นเจ้าของจวนจิ่วหลงเทียน และเป็นเจ้าของแหวนเก้ามังกรอีกด้วย
ต้องใช่แน่นอน
จากนั้น ตงหลิงหวงจึงเปิดหน้าถัดไป ยิ่งอ่าน ตงหลิงหวงก็ยิ่งประหลาดใจ ยิ่งอ่าน ยิ่งน่าสนใจ นางจึงหาที่นั่งลงและอ่านคัมภีร์ทีละหน้า
หลังผ่านไปหลายชั่วยาม ตงหลิงหวงก็อ่านคัมภีร์จบ
คัมภีร์เล่มนี้ไม่ได้แนะนำเคล็ดลับวรยุทธ์อันใด ทว่าได้เล่าถึงชีวิตของผู้วิเศษจิ่วเทียน และประสบการณ์เกี่ยวกับวิธีการฝึกตนของเขา
ด้านในได้บันทึกสถานที่ที่เรียกว่า ดินแดนเสวียนหลิง ซึ่งเป็นดินแดนของผู้ฝึกตนบำเพ็ญเพียรโดยเฉพาะ สถานที่แห่งนั้นเคารพผู้ที่แข็งแกร่ง ผู้คนบนอาณาจักรมุ่งเน้นการฝึกตนบำเพ็ญเพียร ผู้ใดฝึกตนถึงขั้นสูงสุด คนผู้นั้นสามารถครอบครองทั้งอาณาจักร
แม้เผ่าเทพลั่วจะเป็นเผ่าเทพโบราณ มีผู้ฝึกตนถึงขั้นสูงสุดมากมาย ทว่าพวกเขาเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในดินแดนเสวียนหลิง
ผู้วิเศษจิ่วเทียน เดิมเป็นบุตรชายคนสุดท้องของหัวหน้าเผ่าเทพลั่ว เขาเป็นบุตรชายคนที่เก้าในบรรดาบุตรหลายคนของหัวหน้าเผ่าเทพลั่ว และถือกำเนิดจากหัวหน้าเผ่ากับฮูหยินของหัวหน้าเผ่า
เดิมที การถือกำเนิดของเขาในครั้งนั้นถือเป็นนิมิตหมายที่ดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ผู้คนทั่วทั้งดินแดนเสวียนหลิงและคนในเผ่าเทพลั่วต่างอวยพรแก่เขา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า เมื่อผู้วิเศษจิ่วเทียนอายุครบหกขวบ เขาจำเป็นต้องเข้าพิธีชำระไขกระดูกเพื่อเปิดร่างฝึกตนบำเพ็ญเพียร ทว่าทุกคนกลับพบว่า เขาไม่มีแก่นดวงจิตสำหรับการฝึกตนบำเพ็ญเพียร เกิดมาเป็นเพียงคนไร้ค่าที่ฝึกตนบำเพ็ญเพียรไม่ได้
ในฐานะที่เป็นคุณชายของหัวหน้าเผ่าเทพลั่วซึ่งมีความสามารถในการฝึกตนบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเสวียนหลิง เขากลับกลายเป็นคนไร้ค่า ไม่สามารถฝึกตนบำเพ็ญเพียรได้ เรื่องนี้ไม่เคยปรากฏในเผ่าเทพลั่ว ดินแดนเสวียนหลิงมาก่อน ตลอดระยะเวลานับหมื่นปี
เพียงข้ามคืน จากผู้ที่เคยมีแต่คนอิจฉา เป็นที่โปรดปรานของบิดามารดา และเป็นที่เคารพนับถือจากคนในเผ่า กลับกลายเป็นคนไร้ประโยชน์และถูกผู้อื่นเย้ยหยัน
ต้องทราบว่าเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนั้นกระทบกระเทือนจิตใจของผู้วิเศษจิ่วเทียนเป็นอย่างมาก
ทว่าคัมภีร์เทพลั่วจิ่วเทียนกลับเขียนไว้ว่า ไม่ว่าโลกภายนอกจะมีแรงกดดันมากเพียงใด ผู้วิเศษจิ่วเทียนกลับไม่เคยยอมแพ้
เพราะเขาเชื่อมั่นว่า ไม่มีอัจฉริยะอย่างแท้จริงในโลกนี้ และไม่มีคนไร้ประโยชน์ในโลกนี้ โชคชะตาอยู่ในกำมือตนเองเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อเขาอายุได้แปดขวบ เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนเอง เปลี่ยนชะตาชีวิตที่ลิขิตว่าเขาไม่สามารถฝึกตนบำเพ็ญเพียรได้ ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการลบคำสบประมาทและคำเย้ยหยันของทุกคน ทว่าเขาต้องการเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเสวียนหลิง
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสวรรค์เข้าข้างผู้วิเศษจิ่วเทียน เขาทำมันได้สำเร็จจริงๆ หลังจากเสาะหาวิธีการต่างๆ นานา แม้แต่เทพเจ้าโบราณและเผ่าเทพโอสถที่หายสาบสูญไปกว่าพันปีแล้ว
ในที่สุด เขาก็สามารถปลูกแก่นดวงจิตของตนเองได้สำเร็จ สามารถชำระไขกระดูกได้สำเร็จ และเริ่มฝึกตนบำเพ็ญเพียรอย่างจริงจัง
แม้จะเริ่มการฝึกตนบำเพ็ญเพียรช้า ทว่าแก่นดวงจิตมั่นคง ในคัมภีร์เขียนไว้ว่า ขณะที่ผู้วิเศษจิ่วเทียนฝึกตนบำเพ็ญเพียร เขาไม่ได้ใช้วิธีการแบบดั้งเดิมในดินแดนเสวียนหลิงเพื่อเพิ่มระดับขั้นการฝึกตนบำเพ็ญเพียร ทว่าเป็นวิธีการใหม่และระบบที่ไม่เหมือนผู้ใด
ตอนนั้น ทุกคนในดินแดนเสวียนหลิงไม่เชื่อในตัวของผู้วิเศษจิ่วเทียน แม้เขาจะเปลี่ยนโชคชะตา สามารถสร้างแก่นดวงจิตของตนเองได้สำเร็จ และสามารถฝึกตนบำเพ็ญเพียรได้แล้ว ทว่าทุกคนยังหัวเราะเยาะเขามากกว่าตอนที่เขาเป็นคนไร้ประโยชน์เสียอีก
ทุกคนต่างคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว หมกมุ่นจนเข้าสู่จิตมารไปแล้ว
มรรคาแห่งสวรรค์มีทั้งเที่ยงและไม่เที่ยง สรรพสิ่งแปรเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงหยินหยางนั้นคงที่ วิถีการฝึกตนบำเพ็ญเพียรของมนุษย์ให้แข็งแกร่งก็เหมือนวัฏจักรหมุนเวียนฤดูกาลทั้งสี่ ซึ่งถูกกำหนดโดยวิถีแห่งสวรรค์
หากละเมิดกฎสวรรค์ ขัดต่อวิถีแห่งสวรรค์ ขัดต่อเวลา ขัดต่อกฎธรรมชาติ ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าผู้วิเศษจิ่วเทียนจะทำได้สำเร็จ ทั้งเขายังอยู่เหนือกว่าผู้ฝึกตนทุกคน และกลายเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเสวียนหลิง
ผู้วิเศษจิ่วเทียนกล่าวว่า คำนับต่อหน้าเทพเจ้าสามพันปี รอจนเทพเจ้าทรงสงสารและยินยอม ข้า ผู้วิเศษจิ่วเทียนจะไม่เข้าจิตมารได้อย่างไร จากนี้ไปข้าคือมาร!
หากต้องการฝึกตนบำเพ็ญเพียรเป็นเซียน ต้องเข้าสู่จิตมารเสียก่อน
ฝึกตนบำเพ็ญเพียรเป็นเซียน?
สำหรับตงหลิงหวง แนวคิดนี้อยู่ไกลเกินเอื้อม เฉกเช่นเดียวกับทุกสิ่งในจวนจิ่วหลงเทียนแห่งนี้ มันช่างไกลแสนไกล
นางไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ทว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่เบื้องหน้านาง และทุกสิ่งเป็นความจริง เช่นนั้นก็หมายความว่า… นี่คือชะตาลิขิตเช่นนั้นหรือ?
ด้านหลังคัมภีร์เล่มนี้มีบันทึกว่า หลังจากผู้วิเศษจิ่วเทียนได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเสวียนหลิง บรรดาผู้ที่เยาะเย้ยและดูถูกผู้วิเศษจิ่วเทียน ต่างคลานมาอยู่แทบเท้าของเขาดั่งมดปลวก
ทว่ามีคนยอมจำนนบ้าง อิจฉาบ้าง
ไม่นานหลังจากที่ผู้วิเศษจิ่วเทียนกลายเป็นผู้ทรงพลังในดินแดนเสวียนหลิง เรื่องใหญ่ก็เกิดขึ้น