ตอนที่ 750 พลังแม่เหล็กดารา

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 750 พลังแม่เหล็กดารา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตามที่บันทึกในคัมภีร์ ร่างแบ่งที่เคล็ดวิชานี้สร้างขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะมีสติปัญญาที่แน่นอน พลังของมันยังก็เพิ่มทวีตามระดับการฝึกฝนของผู้ที่ทำการปรับแต่งด้วย และดูจากคุณสมบัติของนักรบยันต์พลังผ้าเหลืองในตอนทำการปรับแต่ง โดยทั่วไปจะมีพลังแท้จริงของร่างหลักสามถึงเจ็ดส่วน

เพราะหากหลิ่วหมิงเข้าสู่ระดับแก่นแท้หรือระดับดาราพยากรณ์ในภายหน้า และมีร่างแบ่งที่มีพลังของเขาห้าถึงเจ็ดส่วน พลังของเขาคงแข็งแกร่งจนยากจะจินตนาการได้

ของเหลวในบาตรนี้ ก่อนหน้านั้นหลิ่วหมิงทำตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ ช่วงสองสามปีสุดท้าย เขาวิ่งไปร้านค้าหลายร้าน และงานประมูลอยู่หลายครั้ง ถึงพอที่จะรวบรวมโอสถจิตวิญญาณชนิดต่างๆ มาผสมได้ สมุนไพรหนึ่งในนั้นที่มีชื่อว่า ‘หญ้าฟื้นวิญญาณ’ เขาต้องใช้หินจิตวิญญาณไปเกือบสองล้าน ถึงซื้อจากตลาดมืดมาได้หนึ่งต้น เพื่อใช้ในการผสมของเหลวจิตวิญญาณโดยเฉพาะ

ตามที่บันทึกในคัมภีร์ ของเหลวนี้ใช้เพื่อเตรียมฟื้นฟูจิตวิญญาณของยันต์นักรบพลังผ้าเหลืองโดยเฉพาะ เพราะยันต์นี้สร้างขึ้นในสมัยบรรพกาล หลังจากผ่านเวลามานานเช่นนี้ มันก็ได้เสียหายไปบ้างแล้ว

การต่อสู้ของหลิ่วหมิงที่ผ่านมา ยังเคยสั่งให้นักรบยันต์พลังผ้าเหลืองระเบิดตัวในช่วงเวลาสำคัญอยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงอาจจะทำให้จิตวิญญาณของมันได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก หากตอนนี้จะปรับแต่งให้แบ่งร่างได้ คงต้องให้มันบ่มเพาะอยู่ในของเหลวจิตวิญญาณสักรอบ รอฟื้นฟูจิตวิญญาณมาจำนวนหนึ่งแล้วค่อยว่ากัน

ขณะนี้หลิ่วหมิงยื่นนิ้วสีขาวออกมาสองนิ้ว และนำยันต์ในของเหลวสีม่วงจางๆ ออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็นำมาสังเกตดูตรงหน้า

ของเหลวจิตวิญญาณนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!

จะเห็นว่ายันต์สีเหลืองที่เดิมทีมืดไร้แสง ตอนนี้ราวกับถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ส่วนที่ได้รับความเสียหายรวมถึงรอยขาดขนาดต่างๆ ต่างก็ถูกซ่อมแซมจนสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องใส่พลังจิตวิญญาณเข้าไปอีก บนพื้นผิวของยันต์มีแสงสีทองเปล่งประกายหมุนวนอยู่ไม่หยุด

หลิ่วหมิงพยักหน้าด้วยความพอใจ และนำยันต์แช่ลงในบาตรสีเงินอีกครั้ง จากนั้นก็ยกแขนเสื้อปิดฝาบาตร

เขาเตรียมรอหาโอกาสดีๆ แล้วก็จะเริ่มปรับแต่งการแบ่งร่างของยันต์นักรบพลังผ้าเหลือง

ขณะนี้เวลาก็ไม่เช้าแล้ว เขาจึงออกไปจากห้องลับแล้วเข้าไปในห้องนอน

การต่อสู้กับระดับดาราพยากรณ์อย่างปีศาจสายฟ้าทุกวัน นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังจิตหรือว่าพลังกายล้วนได้รับการกดขี่เป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาต้องการนอนหลับให้อิ่มสักรอบ ทำให้จิตใจอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

เช้าวันที่สอง หลังจากหลิ่วหมิงตื่นขึ้นมาแต่เช้าแล้ว ก็ตรงเข้าไปในห้องลับทันที เขาหลับตาทั้งคู่ลง และทำความเข้าใจเคล็ดกระบี่ปราณแกร่ง

ตอนนี้เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นปลายของระดับผลึกแล้ว เคล็ดวิชาการขี่กระบี่ต่างๆ ในคัมภีร์ปราณแกร่งที่เขาน้ำลายยืดมานาน ในที่สุดก็เริ่มฝึกฝนได้แล้ว

หลังจากทำเช่นนี้ติดต่อกันสามวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก เขาก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาและออกมาจากทะเลจิตรับรู้ แววตาของเขาในตอนนี้สว่างวาบขึ้นมา

หลังจากคิดไตร่ตรองเล็กน้อยแล้ว เขาก็หลับตาทั้งสอง และเข้าไปในห้องว่างเปล่าลึกลับอีกครั้ง จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อนำหนอนพลังจิตออกมา

พอเอามือข้างหนึ่งชี้ไปยังดวงตามายาปีศาจบนศิลาหุนเทียน พลังจิตของหนอนพลังจิตก็ค่อยๆ พุ่งเข้าไปในนั้น

ครู่ต่อมา ดวงตามายาปีศาจก็ลืมตาขึ้นมาทันที หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงแค่ว่ามีแสงสว่างโจมตีเข้ามา ขณะที่เขาเห็นทุกอย่างชัดเจนนั้น ภาพตรงหน้าก็เป็นเทือกเขาหินโล้นระเกะระกะที่มีขนาดสูงต่ำแตกต่างกัน นอกจากยอดเขาที่มีความสูงต่ำไม่เท่ากันแล้ว ที่เหลือก็เป็นเศษหินขนาดต่างๆ

วิธีการสร้างแดนมายาด้วยตนเองอย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่งหลัวโหวเช่นนี้ หลิ่วหมิงเพิ่งทำได้หลังจากที่หลัวโหวยกระดับอำนาจของ ‘กรงขัง’ ให้กับเขาเมื่อหลายปีก่อน

แต่ว่าเขาสร้างได้แค่แดนมายาง่ายๆ เช่นทะเลทราย ทุ่งหญ้า เป็นต้น ยังไม่อาจสร้างแดนซับซ้อนที่มีอสูรจิตวิญญาณ ศัตรูแข็งแกร่ง หรือสายฟ้า และสายฝนกระหน่ำได้

ตามที่หลัวโหวกล่าวไว้ ต้องรอให้เขาถูก ‘กรงขัง’ ดูดซับอีกหลายครั้ง ถึงจะพอฝืนสร้างขึ้นมาได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลิ่วหมิงก็รู้สึกพอใจมากแล้ว

เพราะว่าการฝึกฝน และทดสอบความสามารถบางอย่าง ไม่สามารถแสดงได้สะดวกในห้องลับ แต่หลังจากมีแดนมายาแล้ว ก็สามารถลงมือทดสอบได้อย่างเต็มที่

หลิ่วหมิงกวาดสายตาดูรอบด้าน พอยกแขนข้างหนึ่งขึ้น กระบี่เล็กสีทองก็ถูกโยนขึ้นไป หลังจากหมุนตัวติ้วๆ กลางอากาศแล้ว ก็ลอยอยู่บนนั้นอย่างมั่นคง

ดวงตาหลิ่วหมิงเป็นประกายแวววาว พอทำท่าเคล็ดกระบี่ แสงสีทองก็เปล่งประกายบนกระบี่เล่มเล็ก พริบตาเดียวก็กลายเป็นแสงกระบี่สีทองที่ยาวเจ็ดแปดจั้ง

ขณะนั้นเอง มือทั้งคู่ของเขาก็เคลื่อนไหวในทันที และชี้ไปบนกาศอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา

หลังจากแสงกระบี่ส่งเสียงดังกังวานผ่านไป มันก็แยกตัวออกมา ทุกครั้งที่ชี้ไปกลางอากาศก็จะมีแสงกระบี่แยกตัวออกมาหนึ่งลำ

ครู่ต่อมา แสงสีทองก็ปรากฏตัวกลางอากาศอีกแปดลำ แต่ละลำต่างก็เหมือนกับต้นแบบไม่มีผิด

“ไป!”

เขาตะโกนออกมา หลังแสงกระบี่เก้าลำสั่นสะท้านอยู่กลางอากาศหนึ่งที ก็พุ่งยิงออกไปพร้อมกัน ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีทองที่ปกคลุมเต็มฟ้า ทำให้ท้องฟ้าเกือบครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยแสงสีทองเจิดจ้า

“ปังๆ!” เกิดเสียงดังขึ้นติดต่อกัน!

หลังจากแสงสีทองกะพริบผ่านไป และสัมผัสกับยอดเขาหินแต่ละลูก มันก็จะระเบิดออกมาเป็นเศษหินภายในพริบตา

“การแบ่งร่างของแสงกระบี่นี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆ!”

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็พูดพึมพำออกมา

พอเขาเปลี่ยนท่ามือ สายรุ้งกระบี่สีทองทั้งเก้าที่อยู่ไม่ไกลก็พุ่งกลับมา และรวมตัวกันเป็นกระบี่เล็กสีทองเล่มหนึ่งอีกครั้ง

ครู่ต่อมา ลูกเปลวไฟอันร้อนแรงก็ก่อตัวบนปลายนิ้วของเขา พอเขาร่ายคาถา นิ้วทั้งสิบก็ดีดออกไปเบาๆ และลูกเปลวไฟก็พุ่งใส่กระบี่เล็กสีทอง “ฟู่!”

ฉากน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว!

ลูกเปลวไฟไม่ได้ปะทะลงบนกระบี่เล็กสีทอง แต่กลับหมุนอยู่ห่างจากตัวกระบี่ราวๆ หนึ่งชุ่นกว่า และกลายเป็นมังกรไฟขนาดเล็กที่มีขนาดเท่านิ้วมือตัวหนึ่ง จากนั้นก็ห่อหุ้มกระบี่เล็กสีทองไว้อย่างแน่นหนา

อากาศรอบด้านกระบี่เล็กสีทองเกิดการบิดเบี้ยวอันเนื่องมาจากการได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิของเปลวไฟ

พอเห็นฉากเช่นนี้ หลิ่วหมิงก็พยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วชี้ไปบนอากาศ

แสงกระบี่สีทองขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ ที่ถูกมังกรไฟห่อหุ้มไว้พุ่งยิงออกมา “ฟู่!” และฟันหินขนาดใหญ่หลายจั้งออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดายราวกับใช้มีดตัดเต้าหู

และก้อนหินยักษ์ทั้งสองที่ถูกผ่าออกมา ก็ลุกไหม้อย่างรุนแรง และกลายเป็นขี้เถ้าปลิวตามลมไปในพริบตา

ต่อมา เขาลองเพิ่มน้ำและพลังสายฟ้าเข้าไปในร่าง และค้นพบว่าผลลัพธ์ของมันก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

เช่นนี้แล้ว หากคู่ต่อสู้ใช้วิชาบางอย่างทำการโจมตีหรือป้องกันล่ะก็ สามารถเพิ่มธาตุที่ข่มกันบนกระบี่บินพลังจิตวิญญาณได้ ไม่เพียงแต่จะสามารถแสดงอานุภาพของกระบี่บินออกมาได้เท่านั้น ยังได้ผลคุ้มค่าเป็นอย่างมาก สามารถพิชิตศึกกำลัยชนะได้

วันที่สอง ยังคงเป็นหุบเขาภายในแดนมายาที่เปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง

กระบี่บินสีทองพุ่งไปยังยอดเขาหินลูกหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยกว่าจั้งท่ามกลางเสียงดังก้องฟ้า

แต่ทว่าพอกระบี่บินพุ่งผ่านอากาศบางแห่งนั้น มันกลับหายไปในพริบตาราวกับจมไปในอากาศ

ผ่านไปแค่อึดใจเดียว ก็มีระลอกคลื่นก่อตัวตรงหน้ายอดเขาหินขนาดใหญ่ ภายใต้แสงสีทองที่เป็นประกาย กระบี่เล็กสีทองก็พุ่งออกมาจากในนั้น ทั้งยังพุ่งเข้าใส่ยอดเขาหินโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย

พอกระบี่เล็กสีทองพุ่งออกไปได้ระยะหนึ่ง กลุ่มแสงทรงกลดสีขาวน้ำนมก็ระเบิดออกจากตัวกระบี่ หลังจากหมุนตัวติ้วๆ กลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นไหมสีขาวแวววาวเส้นหนึ่ง และโบกสะบัดอยู่ไม่หยุด

“ฟิ้ว!” กระบี่บินสีทองสั่นสะท้าน และเพิ่มความเร็วขึ้นมาทันที พริบตาเดียวก็ทะลุส่วนที่หนาที่สุดของยอดเขาตรงหน้า!

ครู่ต่อมา ฉากที่ทำให้คนปากอ้าตาค้างก็บังเกิดขึ้น!

ไหมสีขาวแวววาวเป็นเส้นๆ พุ่งทะลุออกจากยอดเขาหิน หลังจากส่งเสียงดังโครมครามแล้ว ยอดเขาทั้งลูกก็พังทลายลงมา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ตาเป็นประกาย หลังจากโบกมือเรียกกระบี่บินกลับมาแล้ว ก็เคลื่อนตัวมาปรากฏเหนือยอดเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง พอชี้แขนเสื้อไปรอบด้าน ธงค่ายกลหลากสีสิบกว่าอันก็พากันพุ่งยิงออกไป และจมหายไปในยอดเขาที่อยู่รอบด้าน

จากนั้นเขาก็ร่ายคาถาออกมา ม่านแสงสีเทาที่ห่อหุ้มยอดเขาเล็กๆ ไว้ทั้งลูกก็ปรากฏออกมา มีอักขระกะพริบอยู่บนนั้นไม่หยุด

หลิ่วหมิงกำมือข้างหนึ่งไว้แน่น และชกออกไปอย่างรุนแรง เหนือกำปั้นมีหัวพยัคฆ์สีดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพุ่งไปยังม่านแสงสีเทา

“ตู๊ม!”

หลิ่วหมิงได้รับพลังสะท้อนกลับของกำปั้นนี้ จนต้องร่นถอยออกไปหลายก้าวถึงพอจะทรงตัวไว้ได้

บนม่านแสงสีเทา มีเพียงรอยเว้าเดียวที่ถูกไอดำปกคลุมไว้ หลังจากไอดำสลายไปมันก็ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว

หลังจากหลิ่วหมิงพยักหน้าแล้ว ก็เอาเท้าทั้งคู่กระทืบพื้นทันที จากนั้นก็พุ่งออกไปสิบกว่าจั้ง และมือทั้งสองก็ทำท่าเคล็ดกระบี่อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นกระบี่เล็กสีทองก็พุ่งออกไป

“เพล้ง!”

ครู่ต่อมา กระบี่เล็กสีทองก็แทงลงบนม่านแสง หลังจากสั่นสะท้านเล็กน้อยแล้ว ก็พุ่งทะลุไป ขณะนั้นเองหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนเคล็ดกระบี่ในทันที แสงทรงกลดสีขาวน้ำนมปรากฏตรงปลายของกระบี่ พริบตาเดียวก็กลายเป็นไหมแวววาว และโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง

“เปรี๊ยะ!”

ม่านแสงสีเทาถูกโจมตีจนเกิดรอยร้าวยาวๆ กระบี่เล็กสีทองพุ่งออกมา และกลายเป็นแสงสีทองปักอยู่บนหน้าผา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็โบกมือข้างหนึ่งทันที กระบี่เล็กสีทองส่งเสียงดังกังวานเบาๆ มันหมุนตัวอยู่บนหน้าผาอย่างบ้าคลั่ง ปราณกระบี่สีทองเป็นสายๆ ม้วนออกจากม่านแสงสีเทาอย่างบ้าคลั่ง

 

ครู่ต่อมา ภายใต้การเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่งของม่านแสง มันก็แตกสลายลงมา และกลายเป็นจุดแสงสีเทาก่อนสลายไปอย่างไร้ร่องรอย

ต่อมา หลิ่วหมิงลองเพิ่มค่ายกลชั้นจำกัดป้องกันอีกหลายชั้น และยังลองใช้กระบี่ฟันดู ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนก่อนหน้านั้น เพียงแค่เพิ่มพลังแห่งดาราไว้บนกระบี่บิน ก็สามารถทำลายชั้นจำกัดนี้ได้อย่างง่ายดาย

สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

เวลาที่เหลือเขาก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการใหม่ๆ ในเคล็ดกระบี่ปราณแกร่ง และฝึกฝนอยู่ในแดนมายาอย่างต่อเนื่อง

ครึ่งเดือนต่อมา ภายในถ้ำที่พักแห่งหนึ่ง

หลิ่วหมิงหลับตานั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น เขากำลังอ่านเคล็ดวิชาบางอย่างที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์กระบี่ปราณแกร่ง และคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ถุงกระบี่…ของสิ่งนี้น่าปวดเศียรเวียนเกล้าเล็กน้อย” ในที่สุดหลิ่วหมิงก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา แต่กลับถอนใจหายยาวๆ ก่อนกล่าว

จะว่าไปแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับถุงกระบี่ เขาก็เคยได้ยินมานานแล้ว และก็เคยอ่านดูคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องมาจำนวนหนึ่ง รู้มาว่ามันมีอานุภาพในการบ่มเพาะกระบี่บิน มีผลมหัศจรรย์ในการบ่มเพาะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ของสิ่งนี้จะจำเป็นสำหรับกระบี่บินพลังจิตวิญญาณในการบรรลุระดับไปสู่แก่นกระบี่

………………………………