บทที่ 938 พบกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โดยบังเอิญอีกครั้ง

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

หอสมบัติมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

ห้าก้าวหนึ่งป้อม สิบก้าวหนึ่งหน่วยลาดตระเวน คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้โดยสิ้นเชิง

กู้ชูหน่วนมีความช่วยเหลือของเจ้าเสือน้อย จึงสามารถปะปนเข้าไปได้สำเร็จ

ทว่าหลังจากที่เข้าไป ร่างกายของกู้ชูหน่วนก็ชะงักอย่างกะทันหัน ทั้งคนก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา

ค่ายกลสังหาร

คิดไม่ถึงว่าในนี้จะมีแรงสังหารที่โหดเหี้ยมขนาดนี้

หากไม่ใช่เพราะนางมีไหวพริบระวังตัว อีกทั้งยังเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล เกรงว่าคงจะถูกค่ายกลสังหารทำลายล้างไปนานแล้ว

หอสมบัติก็เหมือนกับพระราชวังใต้ดิน

ระเบียงทางเดินยาวในนี้ล้วนลาดด้วยหินอ่อน ด้านในฝังด้วยไข่มุกราตรี ทั้งสองด้านยังวางไฟแก้วไว้อีกด้วย ส่องสว่างให้ทางเชื่อมสว่างไสวราวกับกลางวัน

ทางเชื่อมยังมีทางแยกอีกหลายทาง ทุกทางล้วนลึกจนมองไม่เห็นสุดทาง และกลไกก็หนาแน่น สำหรับคนที่มาที่นี่ครั้งแรก ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางไหนโดยสิ้นเชิง

แต่กู้ชูหน่วนกลับไม่ได้กังวลว่าจะเลือกเส้นทางไหนดี ที่นางกังวลก็คือ อีกเดี๋ยวเจ้าเสือน้อยเข้ามา หากว่าพลาดเข้าไปในค่ายกลสังหาร หรือว่าหานางไม่พบจะทำอย่างไร?

นางอยากเรียกเจ้าเสือน้อยเข้ามา อย่าเพิ่งไปแบกสมบัติที่หอชุ่ยอวี้ก่อน แต่หากออกไปตอนนี้ แล้วคิดจะเข้ามาอีกกลัวว่าคงจะยากแล้ว กู้ชูหน่วนทำได้เพียงกัดฟัน เดินไปด้านหน้า หวังเพียงแค่ว่าเจ้าเสือน้อยจะไม่บุกเข้ามาเองก่อน

หลังจากที่กู้ชูหน่วนฝ่ากลไกต่อเนื่องกันมามากมาย มาจนถึงเขตส่วนกลาง

ที่นี่เป็นเหมือนที่นางคาดเดาไว้เช่นนั้น สมบัตินี่ล้ำค่ามากกว่าที่หอชุ่ยอวี้มากนัก

โดยเฉพาะยาสมุนไพร ยาสมุนไพรโดยส่วนใหญ่ที่นี่ก็มีทั้งหมด โดยเฉพาะหญ้าน้ำค้างม่วง ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาแย่งชิงของล้ำค่าของประชาชนไปมากน้อยเพียงใด

นอกจากยาสมุนไพรแล้ว ห้องลับทางด้านข้างก็ยังมีเบ้าหลอมยาอยู่หลายเบ้า รวมทั้งตำราลับวิชายุทธในการหลอมยาทุกชนิด

กู้ชูหน่วนเปิดตำราลับเล่มหนึ่งไปเรื่อยเปื่อย และโยนทิ้งไปด้วยความรังเกียจเล็กน้อย

“เป็นข้าจำผิดงั้นหรือ? หรือว่าตำราลับเหล่าล้วนตื้นเขินเกินไป หลอมยาตามในนี้ กลายเป็นยายากไม่ว่า ระดับคุณสมบัติก็ดีได้ไม่เท่าไหร่สินะ”

กู้ชูหน่วนหัวเราะหึหึ

อาศัยความทรงจำในสมอง ใช้ประโยชน์จากยาสมุนไพรและเบ้าหลอมยาในนี้ เดินหลอมยาไปมาอยู่ที่นี้ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา

นางแบกสมุนไพรปรุงยามากมายขนาดนี้ไปไม่ได้ หรือว่ายังแบกยาทั้งกองใหญ่นี้ออกไปไม่ไหวอีกงั้นหรือ?

กู้ชูหน่วนหลอมยาอยู่ครึ่งวันเต็มๆ

ยามีทั้งดีและเสีย ที่คุณภาพค่อนข้างแย่เหล่านั้น กู้ชูหน่วนรังเกียจเป็นที่สุด แต่นางก็ไม่อยากให้ตระกูลไป๋หลี่ได้เปรียบ จึงหาขวดบางส่วนมาใส่ทั้งหมดไว้อย่างลวกๆ

ในนั้นเป็นยาจื่อหยางมากที่สุด เพราะที่มีมากที่สุดในนี้ก็คือหญ้าจื่อหยาง

“น่าแปลก ทั้งๆที่หลอมยาได้ง่ายมากๆ ทำไมทุกคนล้วนบอกว่าการหลอมยาเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะยาระดับสูงเหล่านั้นก็ไม่มีทางที่จะหลอมให้สำเร็จได้?” นางพึมพำกับตัวเอง

เวลาหลอมยานานเกินไป ในเวลาอันสั้นไม่สามารถหลอมทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์ กู้ชูหน่วนหลอมยาไป และเดินเข้าไปด้านในพลาง

ด้านในนอกจากสมบัติล้ำค่าหายากแล้ว ก็ยังมีวิชาวิทยายุทธลับอีกไม่น้อย

กู้ชูหน่วนอยากได้ทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่ในนี้ก็ยังคงหาแหวนมิติที่สามารถบรรจุของได้ไม่พบ

จึงเดินต่อไปด้านในอีกเล็กน้อย

บรรยากาศกลับอึมครึมอย่างฉับพลัน

กู้ชูหน่วนเห็นห้องลับทั้งห้องล้วนหนาแน่นไปด้วยขวด

ขวดเหล่านั้นเล็กใหญ่ไม่เหมือนกัน แม้ว่านางจะไม่ได้มีประสบการณ์มากมายนัก แต่ก็รู้อยู่คร่าวๆว่า นี่เป็นขวดที่บรรจุสัตว์อสูร

บนขวดทุกขวดล้วนสลักยันต์อักขระ คิดว่าน่าจะเป็นนักควบคุมสัตว์ใช้วิชาต้องห้ามบรรจุสัตว์อสูรลงไป แล้วใช้ยันต์อักขระควบคุมพวกมันไว้ รอให้นิสัยดุร้ายตามธรรมชาติของพวกมันสลายไปหมด แล้วค่อยกำราบพวกมัน ให้ทำข้อตกลงความสัมพันธ์กับพวกเขาสินะ

ขวดหลายพันใบ จำนวนมากมายขนาดนี้ น่าจะเป็นสัตว์อสูรที่เป็นทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลไป๋หลี่ล่ะสิ

ด้านหน้ายังมีประตูลับอยู่ กู้ชูหน่วนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงก้าวเข้าไปแล้ว

มือของนางสัมผัสโดนผนังอีกข้างโดยไม่ตั้งใจ ไม่รู้ว่ากดโดนกลไกหรือไม่ กำแพงที่ราบเรียบไร้ร่องรอยในเดิมทีปรากฏเป็นประตูหินบานหนึ่งขึ้น

ด้านในประตูหินว่างเปล่า มืดสนิท ยื่นมือออกไปก็แทบมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า ในนี้ไม่มีอะไรเลย มีเพียงเศษกระดูกบางส่วนเท่านั้น

กระดูกคือกระดูกหมู เนื้อน่าจะถูกกินไปหมดแล้ว จึงเหลือแต่กระดูกไว้

กู้ชูหน่วนรู้สึกเซ็ง ขณะที่กำลังคิดจะถอยออกไป เท้าก็เหยียบโดนอะไรลื่นๆโดยไม่ทันได้ระวังตัว

นางตกใจทันที ก้มหัวลงไปมอง

ทันทีที่มอง นางก็ตกใจจนวิญญาณแทบจะเตลิด

ใหญ่……

งูตัวใหญ่มาก…..

ลำตัวของงูตัวนี้ยาวเกือบสิบเมตรสินะ ขดตัวเป็นก้อนรอบห้องศิลาขนาดใหญ่

เนื่องจากแสงสลัว และสีของมันก็เป็นสีเขียวเข้ม ในเวลาแรกจึงไม่มีทางสังเกตเห็นมันได้

สิ่งที่ทำให้กู้ชูหน่วนตกใจคือ คิดไม่ถึงว่างูตัวนี้จะมีถึงเก้าหัวเต็มๆ แต่ละหัวมีขนาดเท่ากับหมู ยากที่จะจินตนาการจริงๆว่าหากมันอ้าปากอันกระหายเลือดขึ้นมา จะกลืนคนไปในคำเดียวหรือไม่

ราชางูเก้าหัวมรกต……

หรือว่านี่ก็คือราชางูเหลือมระดับห้าตัวนั้นที่ไป๋หลี่เจิ้นพูดถึงงั้นหรือ?

จากศักยภาพตอนนี้ของนาง สู้กับระดับห้า ต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย

ท้องของงูเก้าหัวกลมดิก และไม่รู้ว่ามันกินเนื้อหมูไปมากน้อยเท่าไหร่แล้วกันแน่ มันหลับฝันหวาน คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่โดนเหยียบไปทีหนึ่งแล้ว มันพลิกตัวทีเดียวแล้วก็นอนต่อ แม้แต่ดวงตาก็ยังไม่เปิด

กู้ชูหน่วนถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง วิตกกังวลในใจ เดินย่องออกจากห้องศิลาไป เพราะกลัวว่าจะทำให้งูเก้าหัวตัวนี้ตกใจตื่น

ก้าวสุดท้ายที่ออกจากห้องศิลา กู้ชูหน่วนก็แทบอยากจะรีบปิดประตูลับห้องศิลาไปซะ

คิดไม่ถึง เสียงฟ่อฟ่อฟ่อเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในห้องลับอย่างชัดเจน

กู้ชูหน่วนตัวแข็งทันที หันหน้ามาอย่างสั่นเทา กลับเห็นงูเก้าหัวที่ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ยกหัวอันใหญ่โตทั้งเก้าของมันขึ้นมากะพริบตาอยู่เบื้องหน้าของนาง

งูเก้าหัวมองสังเกตนางอย่างละเอียด ทั้งยังยื่นหัวมาดมกลิ่นบนตัวของนางอยู่บ่อยๆอีก

ทันทีที่กู้ชูหน่วนตกใจ

พลิกฝ่ามือ ยิงอาวุธลับชุดใหญ่ออกไปฉึบฉึบฉึบ

“ปึงปึงปึง……”

และไม่รู้ว่าลำตัวของงูเก้าหัวเป็นวัสดุอะไร อาวุธลับของนางไม่เพียงแต่ยิงไม่เข้า กลับยังถูกสะเทือนกระเด็นไปหมดอีก

กู้ชูหน่วนหยิบแท่งทองคำบริสุทธิ์ด้านข้างขึ้นมาอีก ทำท่าทางอันดุดันไปทางหัวอันใหญ่โตของงูเก้าหัว

“อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาอีกก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

“ฟ่อฟ่อ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ไม่ได้เข้าไป เพียงแต่ดวงตางูบนหัวทั้งเก้ามีความสับสนเล็กน้อย

ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

มันเอียงศีรษะชะโงกหัว ท่าทางน่ารักเล็กน้อย

เพียงแต่บวกเข้ากับลำตัวงูขนาดใหญ่ของมันแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ทำให้คนชอบไม่ลง แต่กลับจะทำให้คนหวาดกลัวเท่านั้น

กู้ชูหน่วนมองไม่ออกว่าเจ้างูเก้าหัวตัวนี้คิดจะทำอะไรกันแน่

มันไม่ได้โจมตี แต่นางเดินก้าวหนึ่ง งูเก้าหัวก็เดินก้าวหนึ่ง ทุกครั้งล้วนอยู่ห่างจากนางประมาณครึ่งเมตร

เมื่อนางไม่ได้ระวังตัว หัวใหญ่ๆของงูเก้าหัวก็จะใกล้เข้ามา ดมกลิ่นบนตัวของนางอยู่ตลอด

ราวกับว่าพยายามดมกลิ่นอะไรบนตัวของนางออกมาเช่นนั้น

กู้ชูหน่วนโมโหเล็กน้อย

“เจ้าคงไม่ได้เป็นงูตัวผู้ และเป็นงูลามกตัวหนึ่งหรอกนะ? ข้าจะบอกเจ้า ข้าไม่ได้มีความชอบเป็นพิเศษทางด้านนั้น เจ้าอยู่ให้ไกลจากข้าได้แค่ไหนก็รีบไสหัวไปให้ไกลเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าจะตัดหัวทั้งเก้าของเจ้าลงมา แล้วเอาไปตุ๋นซุปหัวงูกิน”

“ฟ่อฟ่อฟ่อ……”

เดิมทีคำพูดนี้เป็นคำพูดข่มขู่

และก็ไม่น่าฟังเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าเมื่อเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมาในพริบตา ลำตัวงูขนาดใหญ่มหึมาก็รวมตัวเข้ามาไม่หยุด กระทั่งยังใช้ลำตัวงูขดรอบตัวของกู้ชูหน่วนขึ้นมา ดมกลิ่นของนางขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ