คัมภีร์หมื่นคำสาปไม่อาจละทิ้งไปได้ เมื่อเห็นสาวน้อยตรงหน้ายืนหยัดปานนี้ เขาก็ไร้หนทางแล้ว

พ่อครัวกล่าว “เจ้าช่างเหมือนแม่ของเจ้ายิ่งนัก เจ้าบอกว่าเจ้าแซ่มู่ ข้าก็รู้ชัดแล้วว่าเจ้าเป็นใคร”

“เด็กน้อย หลายปีที่ผ่านมานี้ ทำให้เจ้าลำบากแล้ว”

เขาอยากจะยื่นมือไปลูบหัวมู่เฉียนซี แต่กลับถูกมืออันแข็งแกร่งและทรงพลังจับมือเขาเอาไว้ก่อน

ทันทีที่จิ่วเยี่ยออกแรงก็เกือบจะทำให้กระดูกข้อมือของชายชราผู้นี้หัก

“เจ้าหนู เจ้าดุเกินไปแล้ว” พ่อครัวจ้องเขม็งใส่เขา

“จิ่วเยี่ย ปล่อยมือ!”

พ่อครัวรู้สึกกล้ำกลืนใจเล็กน้อย มู่เฉียนซีกล่าว “บนโลกใบนี้คนที่หน้าตาเหมือนกันก็ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแค่แซ่ ท่านจะมั่นใจได้เช่นไร?”

เฟิงอวิ๋นซิวก็เคยจำนางผิดเช่นกัน

อาเล็กได้จากไปแล้ว อารองก็สูญเสียความทรงจำ ส่วนนางก็ไม่ความทรงจำในเมื่อก่อน ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับตระกูลนางกันแน่

“คงเป็นเพราะสัญชาตญาณของข้ากระมัง!” พ่อครัวยิ้มพลางกล่าว

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่เชื่อ”

“ข้ารู้จักกับพ่อของเจ้า มู่เฟิงอวิ๋น” เมื่อมองดูสาวน้อยผู้ดื้อรั้นผู้นี้แล้ว เขาก็กล่าวออกไปอย่างจนปัญญา

มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น มองชายชราตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ นางกล่าว “ท่านรู้จริง ๆ ด้วย!”

“ข้ารู้เรื่องบางอย่าง แต่ตอนนี้ไม่อาจบอกเจ้าได้”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเข้าใจ พลังความแข็งแกร่งของข้ายังไม่เพียงพอ อาเล็กก็บอกข้าเช่นนี้”

แต่สิ่งที่น่าเกลียดก็คือ พลังความแข็งแกร่งของนางยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ อาเล็กก็ได้จากนางไปแล้ว

พ่อครัวตกใจสะดุ้งเล็กน้อย เขากล่าว “อวู่ซวงสบายดีหรือไม่?”

“พิษที่อาเล็กโดน แก้ได้หมดแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในดินแดนสี่ทิศแล้ว”

“แก้แล้ว!” พ่อครัวลุกพรวดขึ้นยืนด้วยความตกตะลึงพลางมองมู่เฉียนซีด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าหมายความว่า พิษโบราณนั่นถูกแก้สำเร็จแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ใช่ ข้าไม่มีความจำเป็นใดต้องโกหกท่าน เพราะว่าข้าก็เป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง พิษของท่านอาเล็ก ข้าเป็นคนแก้ เพียงแต่ว่าท่าน…”

แม้แต่เรื่องพิษของอาเล็กเขาก็ยังรู้ ดูท่าความสัมพันธ์ของชายชราผู้นี้กับท่านพ่อต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

ทันใดนั้นเองมู่เฉียนซีก็จับข้อมือเขาและกล่าวว่า “ร่างกายของท่านก็ไม่แข็งแรงเท่าไหร่นี่”

เขาแข็งแกร่งมาก เมื่อครู่นั้นนางรับรู้ได้ว่าเขามีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเหมือนกับจิ่วเยี่ย แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็ได้รู้ว่ากำลังอันเข้มแข็งเกรียงไกรนั้นทรุดโทรมจนเป็นม้าตีนปลายแล้ว

พ่อครัวกล่าว “ข้ารู้ตัวดีว่าข้าคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องยืนหยัดให้ได้ จนกว่านางจะสามารถแก้คำสาปได้”

“เหตุใดท่านจึงทำให้ตนเองเหนื่อยถึงเพียงนี้?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

“ภรรยาของข้าโดนคำสาปโบราณ เพื่อให้นางได้หายจากการทรมานเพราะคำสาปนั้น ข้าต้องทุ่มเทเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่เป็นไร ข้าคงไม่ตายเร็วปานนั้นหรอก”

จิ่วเยี่ยดึงมู่ฉียนซีกลับมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา หากเป็นเขา เขาก็คงจะทนเห็นซีเจ็บปวดทรมานเช่นนั้นไม่ได้เหมือนกัน

“หากไม่ใช่เพราะว่าสังขารของข้าไม่ไหวแล้วก็ละก็ ข้าก็คงจะเข้าไปในเมืองเฮยตูแล้วล่ะ คงจะไม่เฝ้ารอโชคลาภมาเยือนอยู่ที่นี่เช่นนี้”

มู่เฉียนซีมองเขาและกล่าวว่า “ต่อให้ท่านจะเป็นศัตรูคู่แค้นกับท่านพ่อผู้ที่ไม่ได้เรื่องของข้า แต่ท่านก็ไม่มีเจตนาคิดจะแย่งชิงกุญแจเทพเผ่ามังกรไปจากพวกเรา เช่นนั้นข้าก็จะช่วยทำให้ร่างกายของท่านแข็งแรงขึ้นมาสักหน่อยก็แล้วกัน”

คนผู้นี้เพื่อควบคุมคำสาปจึงทำซี้ซั้วหรือบ้าคลั่งไปเล็กน้อย แต่หากคิดจะฟื้นฟูมาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“ท่านพ่อผู้ไม่ได้เรื่อง? นี่เจ้ากล้าว่าเฟิงอวิ๋นเช่นนี้เลยเหรอ!” พ่อครัวกล่าวพลางหัวเราะ

“หากไม่ใช่ไม่ได้เรื่องแล้วจะเป็นสิ่งใดไปได้ล่ะ ทิ้งเรื่องยุ่ง ๆ เอาไว้ให้ข้าแล้วหนีไปเช่นนั้น คนที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้เรียกว่าคนไม่ได้เรื่องก็นับว่าเกรงใจมากแล้ว”

พ่อครัวเอามือแตะจมูกพลางยิ้มหน้าเหยเก “บางทีเฟิงอวิ๋นอาจจะมีเรื่องลำบากใจหรือว่าอึดอัดใจก็ได้นะ”

มู่เฉียนซีหาได้ใส่ใจไม่ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าช่วยตรวจร่างกายให้ท่านได้ ท่านจะยอมให้ข้าตรวจหรือไม่?”

พ่อครัวกล่าว “หากสามารถทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายปี ข้าจะปฏิเสธได้เช่นไรกันเล่า”

พลั่ก!

ในตอนนี้เอง ประตูก็ถูกผลักออก และกู้ไป๋อีก็เดินเข้ามา

เขามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่!”

จิ่วเยี่ยมองกู้ไป๋อีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอันตราย “ตอนนี้ เจ้าไสหัวไปได้แล้ว”

กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้พลังวิญญาณของข้าฟื้นฟูกลับมาเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าเท่านั้น ยังฟื้นฟูกลับมาไม่ได้ทั้งหมด และข้าก็ยังคงต้องอยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่ต่อไป”

จิ่วเยี่ยพ่นวาจาเย็นชาออกมาว่า “ข้าไม่ต้องการ!”

“คุณหนูใหญ่ต้องการก็พอแล้ว ท่านจะต้องการหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับข้า”

มาพบกันอีกครั้งในคราที่กู้ไป๋อีได้รับบาดเจ็บ แน่นอนว่าเขาไม่มีกำลังที่จะมาต่อสู้ตาต่อตาฟันต่อฟันกับจิ่วเยี่ย

ทว่า ตอนนี้อาการบาดเจ็บดีขึ้นมากแล้ว ผู้ที่เกลียดชังกันวนกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

แววตาของพ่อครัวเปล่งประกายสายตาที่เฉียบแหลมออกมาและมองดูการแสดงดี ๆ อยู่ข้าง ๆ

เขามองไปที่มู่เฉียนซี สาวน้อยผู้นี้ขายดิบขายดีเสียจริง!

เจ้าหนูชุดดำผู้นี้ ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ความแข็งแกร่งนั้นเพียงพอเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนเจ้าหนูชุดขาวก็ดูเย็นชาดุจดั่งน้ำแข็ง ดูสุภาพเยือกเย็น แต่ว่า…

เจ้าหนูชุดขาวผู้นี้ ช่างคุ้นหน้าคุ้นตายิ่งนัก!

เขายืนขึ้นและกล่าวว่า “เป่ยกงจั๋ว เจ้าหนูผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวที่นี่!”

กู้ไป๋อีตกใจสะดุ้งขึ้น ดวงตามองไปที่ชายชราชุดขาวผู้แปลกหน้าตรงหน้าผู้นี้ รูม่านตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย

เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ท่านจำคนผิดแล้ว ข้าน้อยกู้ไป๋อี ไม่ใช่เป่ยกงจั๋วอย่างที่ท่านกล่าว”

มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าท่านจะจำข้าถูก แต่ก็ใช่ว่าท่านจะจำถูกคนทุกครั้งไป! เขาชื่อกู้ไป๋อี แต่ไม่ใช่เป่ยกงจั๋ว อะไรนั่น”

พ่อครัวยิ้มพลางกล่าวว่า “มีชีวิตมาก็เนิ่นนานหลายปีแล้ว ได้เจอผู้คนมากหน้าหลายตามาไม่น้อย ข้าคงจะจำผิดไป เมื่อมองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เจ้าหนูนี่ก็หน้าตาไม่เหมือนกับเป่ยกงจั๋วเลยสักนิด”

เดิมทีกู้ไป๋อีอยู่ในความตึงเครียดกับจิ่วเยี่ย แต่เพราะถูกชายชราผู้นี้รบกวน กู้ไป๋อีจึงเดินไปตรงหน้ามู่เฉียนซีและกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ จะเตรียมการต่อไปเช่นไรดี?”

เขาได้เพิกเฉยต่อจิ่วเยี่ยไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ตอนนี้สีหน้าของจิ่วเยี่ยจึงดำคล้ำเป็นอย่างยิ่ง

พ่อครัวส่ายหน้าไปมาอย่างช้า ๆ และคิดในใจว่า ‘ข้าแก่แล้วจริง ๆ ด้วย เจ้าหนูผู้นี้ไม่มีทางที่จะเป็นเป่ยกงจั๋วได้ คนอย่างเป่ยกงจั๋วจะยอมจำนนเรียกสาวน้อยเพียงคนเดียวว่าคุณหนูใหญ่ได้เช่นไร เป็นไปไม่ได้’

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านผู้นี้เป็นพ่อครัวของหอดำ ร่างกายของเขาบอบช้ำภายในไม่น้อย อีกทั้งพลังวิญญาณยังแห้งเหือดอีกด้วย เพื่อไม่ให้เขาตายเร็วเกินไป ข้าจะอยู่ที่นี่หนึ่งเดือน ช่วยรักษาร่างกายให้กับเขา”

สำหรับพ่อครัวท่านนี้ นางไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนกับครั้งที่ได้เจอกับอารอง ทว่า กลับรู้สึกสนิทอย่างแปลกประหลาด

จะปล่อยให้เขาเป็นอันใดไปไม่ได้ บางที เมื่อพลังความแข็งแกร่งของนางถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าแล้ว อารองไม่อยู่ ไม่สามารถเล่าเรื่องราวให้นางฟังได้ ก็ไม่แน่ว่านางอาจจะได้รู้เรื่องราวจากเขาท่านนี้ก็ได้

“เขาคือพ่อครัวของหอดำ!” ดวงตาของกู้ไป๋อีมองไปที่พ่อครัวท่านนี้

เขากับมู่เฉียนซีรู้สึกเหมือนกัน รู้สึกปวดท้องกับอาหารของเขา

“ทุกอย่างล้วนแต่ฟังคุณหนูใหญ่ขอรับ”

มู่เฉียนซีมองพ่อครัวและยิ้มพลางกล่าว “ท่านพ่อครัว ข้าจะอยู่ที่นี่หนึ่งเดือน ยังไม่รีบไปจัดหาห้องพักให้ข้าอีก”

ชายชราขมวดคิ้วขึ้น “เด็กน้อย เจ้าอย่าเรียกท่านพ่อครัว เรียกข้าว่าปู่ก็ได้แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าอายุของท่านจะมากถึงขนาดเป็นเป็นปู่ได้แล้ว แต่เราก็ไม่ได้เป็นญาติสนิทมิตรสหายกัน จะเรียกเช่นนี้ก็คงจะดูไม่เหมาะสมกระมัง เว้นเพียงแต่ว่า ท่านจะบอกเรื่องราวของข้ากับความสัมพันธ์เกี่ยวกับตระกูลของข้าให้ข้าฟัง หากท่านเป็นผู้อาวุโสของท่านพ่อข้าจริง ข้าจะรับไปพิจารณาดู”

สาวน้อยผู้นี้ฉวยโอกาสเพื่อจะให้เขากล่าวความจริง แต่เขาไม่มีทางติดกับดักนางง่ายดายเช่นนั้นแน่

“ในเมื่อไม่เรียกข้าว่าปู่ เช่นนั้นก็เรียกข้าว่าปู่ตงหวงเป็นเช่นไร”

ตงหวง!

คำสองคำนี้ทำให้จิ่วเยี่ยตกใจสะดุ้งขึ้น ส่วนกู้ไป๋อีก็มองหน้าชายชราด้วยความประหลาดใจ