ตอนที่ 973 ซีป้อนข้าอิ่ม

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

จิ่วเยี่ยเก็บซ่อนกลิ่นอายของตัวเองไว้ ไม่ได้แสดงท่าทางไร้ความเกรงใจเขาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

แววตาของกู้ไป๋อีเคร่งขรึมลง บนโลกใบนี้ผู้ที่สามารถใช้แซ่นี้ได้ เกรงว่าจะเป็น…

มิน่าล่ะเขาถึง…

มู่เฉียนซีไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของทั้งสอง นางเพียงแค่พึมพำว่า “จิ้งจอกเฒ่า!”

พ่อครัวหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “เด็กน้อย รีบเรียกเร็วเข้าสิ! ปู่จะให้ของขวัญแรกพบหน้ากับเจ้า!”

“คาราวะท่านปู่ตงหวง ข้า มู่เฉียนซี” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว

“ซีเอ๋อร์ เด็กดี!”

“เจ้ารอก่อนนะ ปู่จะรีบไปเตรียมของขวัญให้” ไม่นานนักพ่อครัวก็เดินออกไป

เมื่อเห็นเขารีบออกไปเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น

ที่เรียกว่าของขวัญแรกพบหน้าคงจะไม่ใช่…

มู่เฉียนซีจับจิ่วเยี่ยและกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย พวกเรารีบหนีกันเถอะ!”

ในตอนนี้มู่เฉียนซีรู้สึกราวกับมีสัตว์ร้ายกำลังไล่ตามก็มิปาน จิ่วเยี่ยไม่ค่อยเข้าใจนัก เขากอดมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ตรงนี้!”

“อีกอย่าง เขาคงจะไม่ทำร้ายเจ้า”

ใช้แซ่ตงหวง อีกทั้งยังรู้จักซี เกรงว่าเขาน่าจะมาจากเผ่านั้น

สัญชาตญาณของมู่เฉียนซีนั้นแม่นยำมาก ไม่นานนักบ่าวรับใช้ของหอดำก็ยกจานอาหารออกมา ซึ่งในจานนั้นดูไม่ออกเลยว่าเป็นอาหารชนิดใด

เถ้าแก่ยิ้มตาหรี่พลางกล่าว “คุณหนูใหญ่ อาหารเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอาหารที่พ่อครัวตั้งใจทำให้คุณหนูใหญ่โดยเฉพาะเลยนะขอรับ”

ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะยิ้มแย้ม ทว่า เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจหนุ่มสาวที่พ่อครัวรู้จักเช่นกัน ก็ใครใช้ให้พ่อครัวของเขารู้สึกดีอกดีใจถึงเพียงนี้กันเล่า

เมื่อเห็นอาหารเหล่านี้ สีหน้าของกู้ไป๋อีกับมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

จะมีก็เพียงแค่ผู้ที่ยังไม่เคยลองลิ้มรสฝีมือพ่อครัวอย่างจิ่วเยี่ยเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งอยู่เฉกเช่นเดิม

หลังจากที่อาหารได้วางเต็มโต๊ะ พ่อครัวก็รีบเดินมาด้วยความบุ่มบ่าม

เขายิ้มพลางกล่าว “ซีเอ๋อร์ รีบกินสิ อาหารเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอาหารที่ข้าถนัดที่สุดและดีที่สุดเลยนะ เจ้าลองชิมดูสิว่าชอบหรือไม่”

พ่อครัวช่างกระตือรือร้นในความเป็นความตายเสียจริง เขามองกู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เจ้าชื่อไป๋อีใช่หรือไม่ ชื่อจำง่ายดีจริง รีบนั่ง ๆ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”

ผู้ที่เย็นชามาโดยตลอดอย่างกู้ไป๋อี ในตอนนี้สีหน้าของเขากลับแข็งทื่อไปเสียแล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ นั่งสิ!”

มีสหายมาช่วยแบ่งเบาภาระอาหารดำไหม้เหล่านี้ ความทุกข์ตรมของนางก็จะน้อยลง

นางรู้สึกเสียใจทีหลังเสียแล้วสิ เสียใจจริง ๆ ที่เรียกพ่อครัวอาหารดำไหม้นี่ว่าปู่

ไม่ทันได้ตั้งตัวจู่ ๆ ก็ยกอาหารดำไหม้มาแล้ว ช่างเจ็บปวดใจยิ่งนัก

“ซีเอ๋อร์ อันนี้ให้เจ้า”

“เจ้าลองชิมนี่ดูสิ”

“……”

พ่อครัวช่างมีน้ำจิตน้ำใจยิ่งนัก อีกทั้งยังใจดีกับมู่เฉียนซีอีกด้วย มิเช่นนั้นมู่เฉียนซีอาจจะสงสัยก็ได้ว่าเขาจงใจ

เมื่อเห็นอาหารที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของมู่เฉียนซีก็ซีดเผือด นางยอมเผชิญหน้ากับหลงฉือเป็นร้อย ๆ คนแทนที่จะเผชิญหน้ากับอาหารดำไหม้นี่

“ซีเอ๋อร์ เป็นอันใดไปล่ะ?”

มู่เฉียนซีปฏิเสธต่อความกระตือรือร้นและไมตรีจิตของชายชราผู้นี้ไม่ได้จริง ๆ นางกล่าว “ไม่มีอันใดหรอก ทุกคนกินกันเถอะ! เสี่ยวไป๋ จิ่วเยี่ย…”

อืม! ต่อให้ต้องตกนรก นางก็จะลากพวกเขาทั้งสองลงไปด้วย

มู่เฉียนซีคิดว่าครั้งนี้ท่านปู่ตงหวงตั้งใจทำมัน ไม่ใช่ทำลวก ๆ อย่างเช่นที่ทำให้แขกคนอื่น ๆ รสชาติคงจะไม่เลว

ทว่า นางคิดผิดแล้ว ผิดที่ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว

เหมือนเดิม…กลืนยากเหมือนเดิม

มู่เฉียนซีกัดเข้าไปคำหนึ่ง สีหน้าของนางก็เขียวคล้ำขึ้นทันที นางไร้ซึ่งความกล้าที่จะกินต่อไปแล้ว

ทว่า หากไม่กินต่อ มันก็จะดูเสียมารยาท และยังทำให้ปู่ตงหวงเสียความรู้สึกเอาได้

จิ่วเยี่ยคว้ามือของมู่เฉียนซีพลางกล่าว “ซี ป้อนข้า”

มือของนางเปลี่ยนทิศทันที และอาหารดำไหม้นั่นก็อยู่ข้างปากจิ่วเยี่ย

ดวงตาของมู่เฉียนซีเบิกกว้างด้วยความตกใจ “อันนี้…อันนี้ข้ากินแล้ว”

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ!” เขาจับมือของนาง และป้อนอาหารชิ้นนั้นเข้าปาก

พ่อครัวได้เห็นภาพนี้ เมื่อเห็นหนุ่มสาวแสดงท่าทางสนิทชิดเชื้อกันเช่นนี้เขาก็ยิ้มและหัวเราะชอบใจขึ้น วัยหนุ่มสาวช่างรู้จักเล่นจริง ๆ!

กู้ไป๋อีกำตะเกียบแน่น ในใจรู้สึกหดหู่ และไม่ว่าอาหารตรงหน้าจะอร่อยหรือไม่ เขาก็คีบเข้าปากอย่างไม่สนใจ

จิ่วเยี่ยสวมหน้ากากบดบังใบหน้า ทำให้มู่เฉียนซีดูไม่ออกว่าหลังจากที่กินอาหารดำไหม้นี้เข้าไปแล้วสีหน้าของเขาเป็นเช่นไร

จิ่วเยี่ยกล่าว “อาหารที่ซีป้อนอร่อยมาก เอามาให้ข้ากินทั้งหมดเถอะ!”

“เอาให้เขากินทั้งหมด นี่เขาจะ…”

“รับปากข้าสิ!”

ภายใต้การขอร้องของจิ่วเยี่ยเช่นนี้ มู่เฉียนซีจึงตอบตกลง และนางก็เริ่มป้อนอาหารดำไหม้เหล่านี้ให้จิ่วเยี่ย

และสิ่งที่ทำให้นางยากที่จะเชื่อก็คือ จิ่วเยี่ยไม่ได้แสดงท่าทางหรืออาการจะอ้วกออกมาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูท่าทางพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อกู้ไป๋อีเห็นเช่นนี้แล้ว ในใจของเขาก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้น ครั้นแล้วเขาก็กินเข้าไปไม่น้อย

เดิมทีพ่อครัวไม่พอใจชายผู้ที่กลิ่นอายเต็มไปด้วยจิตสังหารผู้นี้มาก อันตรายถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มชุดดำนี้ไม่เหมาะสมกับหลานสาวอันเป็นที่รักของเขาจริง ๆ

ทว่า เมื่อเห็นการกระทำนี้ของเขาแล้ว เขาก็รู้สึกว่าชายผู้นี้ไม่เลวเลย รักซีเอ๋อร์มาก รักจนแทบคลั่งเข้ากระดูกเลยทีเดียว

ส่วนเจ้าหนูไป๋อีผู้นี้…

พ่อครัวส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เจ้าหนูผู้นี้ฉลาดเทียบเท่าเจ้าหนุ่มชุดดำนี่ไม่ได้เลย!

กู้ไป๋อีเอาเข้าปากอย่างต่อเนื่อง ส่วนมู่เฉียนซีก็ป้อนจิ่วเยี่ยอย่างแข็งขันจนทำให้อาหารดำไหม้ยากที่จะแก้ไขบนโต๊ะตอนนี้หมดเกลี้ยงจนไม่เหลือแล้ว

พ่อครัวกล่าว “ซีเอ๋อร์ ข้าว่าเจ้าเอ็นดูเจ้าหนุ่มผู้นี้มากเกินไปแล้ว เจ้าเพิ่งจะได้กินไปไม่เท่าไหร่เอง เช่นนั้นให้ข้าไปเตรียมอาหารมาเพิ่มให้เจ้าสักหน่อยดีกว่า”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุก นางกล่าว “ท่านปู่ตงหวง ไม่ต้องแล้ว!”

กว่าจะจัดการอาหารเหล่านี้ไปได้นั้นช่างยากเย็นนัก หากเอาเพิ่มมาอีกมีหวังต้องตายเป็นแน่!

จิ่วเยี่ยลุกยืนแล้วอุ้มมู่เฉียนซีขึ้น “ซีป้อนให้ข้าอิ่ม ก็พอแล้ว”

ครั้นแล้วจิ่วเยี่ยก็อุ้มมู่เฉียนซีไปให้ห่างจากพ่อครัวผู้ที่ชอบยกอาหารดำไหม้แสนอันตรายผู้นั้น อีกทั้งยังทิ้งวาจาที่ทำให้ผู้คนจินตนาการไปไกลอีก

แกร่ก! กู้ไป๋อีออกแรงมือบีบตะเกียบในมือจนหัก

พ่อครัวรีบตามไปพลางกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าหนู ถึงแม้ว่าซีเอ๋อร์จะเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ควรเอาเปรียบซีเอ๋อร์เช่นนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านปู่ตงหวง ท่านวางใจเถอะ ข้าจะฆ่าเขาด้วยตัวข้าเอง”

แสงสลัววาบผ่านดวงตาของกู้ไป๋อี นางสนใจเพียงแค่หวงจิ่วเยี่ยเท่านั้น ส่วนเขา…

เขาไม่มีทางที่จะแย่งนางกลับมาได้ เขาทำได้เพียงแค่ใช้เวลาที่เหลือนี้อยู่ข้างกายนางให้ดีที่สุด ก็เพียงพอแล้ว

และตอนนี้ภายในห้องก็เหลือแค่กู้ไป๋อีกับพ่อครัวเพียงสองคนเท่านั้น พ่อครัวกล่าวขึ้นว่า “ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่เป่ยกงจั๋ว แต่เจ้าก็คงจะเป็นคนตระกูลเป่ยกงเป็นแน่! ชอบหลานสาวอันเป็นที่รักของข้า ดูท่าเจ้าคงลำบากแล้ว”

กู้ไป๋อีตกใจสะดุ้งเล็กน้อย “ท่านจำผิดแล้ว ข้าน้อยไม่ใช่คนที่ท่านกล่าวถึง!”

“ข้ามีชีวิตมาปูนนี้แล้ว จะจำผิดหรือไม่นั้น เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ”

“แต่ข้าก็ไม่ใช่คนหัวโบราณคร่ำครึอันใด ขอเพียงแค่เจ้าไม่ทำร้ายหลานสาวของข้า ต่อให้เจ้าเป็นคนตระกูลเป่ยกง ข้าก็ไม่ได้ว่าอันใดเจ้า”

กู้ไป๋อีกล่าว “ไม่ว่าอย่างไร ข้าน้อยก็ไม่มีทางทำร้ายคุณหนูใหญ่เป็นอันขาด ถึงแม้ว่าในกายของข้าจะมีสายเลือดเป่ยกง แต่ข้าน้อยก็ไม่ใช่คนของเป่ยกงนานแล้ว”

พ่อครัวกล่าว “ถึงแม้ว่าเจ้าหนุ่มชุดดำผู้นั้นจะแข็งแกร่งมาก แต่เจ้าจะไม่คิดแย่งชิงจริงเหรอ ให้หลานสาวของข้ามีตัวเลือกเพิ่มอีกหนึ่งก็จะดี ถึงอย่างไรชายผู้นั้น…”

“สำหรับซีเอ๋อร์แล้ว เขาอันตรายมากเกินไป”