ท่าป๋าหั่นหลินกำมือแน่น แล้วพยักหน้าอย่างไม่ลังเลว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว!”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันรับคำสั่งเพคะ”
พูดจบ ก็ยื่นมือออกมายกถ้วยยา
“ช้าก่อน!”
ท่าป๋าหั่นหลินพูดด้วยความลังเล
หวงฝู่เย่าเย่ว์มองไปที่เขา
ท่าป๋าหั่นหลินรู้สึกตัว แล้วข่มใจพูดออกมาว่า “ภาพแบบนี้ อย่าให้ข้าเห็นจะดีเสียกว่า ให้พวกหมิงเย่ว์เขามาปรนนิบัติเจ้าเถอะ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์ยิ้มมุมปากออกมา “ฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไร เด็กคนนี้ก็เป็นลูกคนแรกของพวกเรา และจะเป็นคนสุดท้าย เห็นเขาไหลออกมาด้วยตัวเองนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าท่านจะรู้สึกสะใจอย่างนั้นหรือ”
พูดจบ ก็เงยหน้า แล้วดื่มลงไปอย่างไม่ลังเล
ท่าป๋าหั่นหลินขยับ อยากที่จะปัดถ้วยยาในมือของนางทิ้งเสีย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ มองนางดื่มจนหมดไปต่อหน้าต่อตา
หวงฝู่เย่าเย่ว์ดื่มยาจนหมดไม่เหลือแม้สักหยด แล้วส่งถ้วยให้กับขันทีฮู “เจ้าออกไปก่อน ถ้าไม่ได้เรียก ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”
ในห้องที่เงียบสงัด ทั้งสองคนนั่งนิ่ง
ไม่นาน หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ท้อง แล้วมีเลือดไหลออกมาทางด้านล่าง เลือดไหลซึมออกมาจากชุดของนาง ตอนแรกก็เป็นหยดออกมา จากนั้นก็ไหลออกมาเป็นทาง จนกระทั่งเก้าอี้นั้นเต็มไปด้วยเลือด
สีหน้าของหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ซีดเซียว
ลุกขึ้น มองไปที่ท่าป๋าหั่นหลิน จ้องเข้าไปที่ดวงตาของเขา มุมปากของหวงฝู่เย่าเย่ว์ยกขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท ตอนนั้นที่ท่านช่วยกระหม่อม กระหม่อมได้ติดหนี้บุญคุณท่าน วันนี้กระหม่อมจะคืนให้ พวกเราหายกัน นับแต่นี้ต่อไป ทางใครทางมัน ชาตินี้ของพวกเราไม่ข้องเกี่ยวต่อกันอีก
พูดจบ ก็ลุกขึ้น เดินโซเซไปที่เตียง ชายกระโปรงชุดที่ยาวลากไปกับพื้น พร้อมกับมีเลือดเปื้อนไหลยาวลากเป็นทาง กระแทกกระทั้นเข้าไปในดวงตาและจิตใจที่ลังเลของท่าป๋าหั่นหลิน
นอนลงบนเตียง ในส่วนของเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้น หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้สึกได้ถึงเด็กที่ไหลออกมาจากตัวนางอย่างช้าๆ ท่าทางของนางเจ็บปวดยิ่งนัก นางผิดไปแล้ว ผิดจนยากจะอภัย ตอนนั้นนางคิดว่าท่าป๋าหั่นหลินหมายปองนางจริงๆ ถึงได้ช่วยนางให้พ้นจากเคราะห์ร้ายในครานั้น และช่วยครอบครัวของนางอีกด้วย แท้จริงแล้วเรื่องทั้งหมดเกิดจากที่นางคิดไปเอง แต่ความจริงนั้นกลับโหดร้ายเช่นนี้ วันนี้เอาลูกออกก็ดีเหมือนกัน นับแต่นี้ต่อไป ชาตินี้จะได้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีก
ท่าป๋าหั่นหลินทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้น เดินออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วออกคำสั่งกับขันทีฮูอย่างลนลานว่า “รีบไปสำนักหมอหลวงเรียกหัวหน้าหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้”
ขันทีฮูรับคำสั่ง แล้วรีบวิ่งไปที่สำนักหมอหลวงโดยทันที
ท่าป๋าหั่นหลินเดินออกจากตำหนักหลวนเฟิ่งอย่างรวดเร็ว แล้วออกคำสั่งกับพวกหมิงเย่ว์ว่า “พวกเจ้า รีบเข้าไปปรนนิบัติเจ้านายของพวกเจ้าเถอะ”
พูดจบ ก็เดินเลยเกี้ยวมุ่งหน้าเดินไปที่ตำหนักชิงเซวียนโดยทันที
พวกหมิงเย่ว์ก็รีบเข้ามา เห็นเลือดสีแดงสดก็ตกใจ
“ฮองเฮา!”
ทุกคนร้องเรียกด้วยความตกใจ แล้ววิ่งเข้าไปที่ด้านข้างเตียง
หวงฝู่เย่าเย่วับตา หน้าซีดนอนนิ่งอยู่ที่เตียง
ทุกคนตกใจ คุกเข่าลงที่ด้านข้าง แล้วร้องเรียกออกมาพร้อมๆ กัน
หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ตอบสนอง
หมิงเย่ว์วิ่งออกไปด้านนอกอย่างโซเซ เพื่อจะไปสำนักหมอหลวง
ก็เห็นหัวหน้าหมอหลวงแบกกระเป๋ายาวิ่งมากับขันทีฮูอย่างร้อนรน วิ่งเข้าไปด้านในห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นภาพในห้อง ก็แทบชะงักไปทันที
ขันทีฮูตกใจกลัวจนแทบล้ม เอ่อ นี่มัน … … ฮองเฮาท่านช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน
กระเป๋ายาไม่ได้ถูกเปิดออก หินตรวจชีพจรก็ไม่ได้เอาออกมา หัวหน้าหมอหลวงคุกเข่าลงไปที่ตรงหน้าโดยทันที แล้วใช้มือตรวจชีพจรของหวงฝู่เย่าเย่ว์
พวกหมิงเย่ว์น้ำตาไหลออกมา แล้วมองไปที่หวงฝู่เย่าเย่ว์อย่างเป็นห่วง
ไม่นาน หัวหน้าหมอหลวงก็ปล่อยมือออก แล้วออกคำสั่งว่า “เร็วเข้า ไปเอาเครื่องเขียนมา!”
ปกติท่าป๋าหั่นหลินมาตรวจรายงานที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง เพราะฉะนั้นเลยมีกระดาษพู่กันพร้อม หมิงสยารีบเดินไปที่โต๊ะ แล้วหยิบกระดาษพู่กันมาให้หัวหน้าหมอหลวง
หัวหน้าหมอหลวงก้มลงไปที่พื้น เขียนใบสั่งยาออกมา ลุกขึ้น แล้วออกคำสั่ง “รีบไปเอายามา ต้มเสร็จแล้วนำมาให้ฮองเฮาดื่มด้วยด่วน”
หวงฝู่เย่าเย่ว์สลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ลืมตาอีกครั้ง ก็เห็นใบหน้าเป็นกังวลของพวกหมิงเย่ว์
“ฮองเฮาเพคะ ท่านตื่นแล้วหรือ”
หมิงเย่ว์เห็นว่านางตื่นเป็นคนแรก ตาแดง ถามขึ้น
ส่วนที่เหลือก็มองมาที่นางด้วยดวงตาที่แดงกร่ำ
หวงฝู่เย่าเย่ว์มองพวกนาง แล้วยิ้มปลอบใจพวกนาง “ข้าไม่เป็นอะไร พวกเราคงตกใจสินะ”
คำพูดของนาง ทำให้หมิงเย่ว์ร้องไห้ออกมา แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ฮองเฮาเพคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เพคะ ทำไมท่านถึงได้… …”
“ไม่มีอะไร แค่ชดใช้หนี้บางอย่างเท่านั้นน่ะ ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าร่างกายเบาลงมาก พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจ เดี๋ยวข้าก็จะดีขึ้นในเร็ววัน”
และทุกคนก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่รู้จะปลอบใจพวกนางอย่างไร จึงเปลี่ยนเรื่อง “ตอนนี้เวลาเท่าใดแล้ว”
“ท่านหลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ตอนนี้เป็นยามอิ๋น[1]ของวันที่สองเพคะ” หมิงสยาตอบกลับไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้า แล้วถามว่า “ตำหนักหลวนเฟิ่งมีอะไรผิดปกติหรือไม่”
หมิงสยาน้ำตารื้น พอหมิงเซียงเห็นดังนั้น จึงพูดออกมาว่า “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ปิดตำหนักหลวนเฟิ่ง พวกเราเองก็ห้ามออกด้านนอกเพคะ”
นี่เป็นสิ่งที่ตนคาดการณ์เอาไว้แล้ว หวงฝู่เย่าเย่ว์จึงหลับตา แล้วลืมตาขึ้น “ออกคำสั่งไป ว่าข้าหิว ให้พวกเขาส่งสำรับเข้ามาที”
หมิงเซียงออกไปบอกให้รีบส่งสำรับเข้ามา เอาแบบร้อนๆ แบบที่คนที่เพิ่งแท้งลูกเค้ากินกัน
หมิงเย่ว์เดินเข้าไป พยุงหวงฝู่เย่าเย่ว์ลุกขึ้นนั่ง หมิงสยา หมิงเซียง หมิงชุ่ยสามคนก็ยกสำรับเข้ามาคนละอย่าง แล้วแบ่งกันป้อนนาง
กินเสร็จ ก็มองออกไปที่ท้องฟ้าด้านนอก หวงฝู่เย่าเย่ว์ออกคำสั่ง “ข้าล้ามาก อยากจะนอนพักสักเดี๋ยว พอถึงยามจื่อ ค่อยมาปลุกข้า ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ”
ทุกคนตอบรับ แล้วช่วยนางนอนลงไป หยิบชามและตะเกียบขึ้นมา แล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ ยืนเฝ้าที่หน้าประตู
เมื่อใกล้ยามจื่อ ทุกคนก็เดินเข้ามาด้านใน แล้วปลุกหวงฝู่เย่าเย่ว์อย่างเบาๆ
หวงฝู่เย่าเย่ว์ลืมตาขึ้น ออกคำสั่ง “พยุงข้าขึ้นมา แล้วใส่ชุดให้ข้าให้เรียบร้อยด้วย”
ทุกคนไม่ขยับ หมิงเย่ว์โน้มน้าวว่า “ฮองเฮาเพคะ ร่างกายของท่านตอนนี้ยังขยับไม่ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรให้พวกเรารับใช้โปรดออกคำสั่งมาเถอดเพคะ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์ส่ายหน้า “ให้ข้าทำเองเถอะ เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะข้า ฉะนั้นมันต้องจบเพราะข้า ข้าจะพาพวกเจ้ากลับรัฐอู่ แล้วจะไม่กลับมาที่รัฐอิงอีก”
ทุกคนตกใจชะงักไป คิดว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์กำลังพูดเล่นอยู่ หมิงเย่ว์ไม่เชื่อ เลยยื่นมือออกมาทางลงไปที่หน้าผากของหวงฝู่เย่าเย่ว์ เพื่อดูว่านางตัวร้อนหรือไม่อย่างไร
หวงฝู่เย่าเย่ว์ฝืนยิ้มออกมา หลังจากที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เสร็จ ก็ถามว่า “ทำไมล่ะ พวกเจ้าไม่อยากกลับงั้นรึ”
“ไม่ใช่เพคะ ฮองเฮา ท่าน… …”
พูดยังไม่ทันจบ หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “พยุงข้าขึ้นที”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา แล้วเข้าไปพร้อมกัน พยุงนางขึ้นมา แต่งตัวให้นาง แล้วนางก็ออกคำสั่งให้เปิดกล่องยาที่นำมาจากรัฐอู่ออก
หวงฝู่เย่าเย่ว์ยื่นมือออกมา แล้วหยิบขวดยาที่แตกต่างจากขวดอื่นๆ ขึ้นมา แล้วกำเอาไว้แน่น ออกคำสั่งว่า “พยุงข้าไปที่ลานกว้าง”
ทุกคนพยายามพยุงนางอย่างระมัดระวัง แทบจะแบกนางออกมาอย่างใดอย่างนั้น
พอบ่าวด้านนอกเห็นพวกนางออกมา ก็มองมาพร้อมๆ กัน
หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่สนใจ ออกคำสั่งให้ทุกคนหยุดตรงลานกว้างนั้น แล้วเปิดขวดยาออก หยิบของรูปร่างทรงกระบอกออกมา เปิดจุกด้านบนออก เสร็จแล้วก็มีแสงสว่างจ้าพุ่งขึ้นด้านบนท้องฟ้า
หวงฝู่เย่าเย่ว์เงยหน้าขึ้น เห็นมันสลายหายไปตรงนั้น เลยยิ้มให้กับพวกหมิงเย่ว์ว่า “กลับกันเถอะ พอตื่น พวกเราก็จะได้ไปกันแล้ว”
แล้วพวกนางก็พยุงนางกลับเข้าห้องไป
แต่บ่าวในตำหนักหลวนเฟิ่งกลับตกใจ มองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าทำไมใจถึงตุ้มๆ ต่อมๆ เช่นนี้ ส่วนขันทีปั๋วเห็นดังนั้นก็รีบไปรายงานที่ตำหนักชิงเซวียนทันที
ทางฝั่งชายแดนรัฐอู่ หลินจ้งที่ได้รับราชโองการลับได้ออกคำสั่งให้ทหารที่เฝ้ายามที่ชายแดนว่าให้สังเกตการณ์รัฐอิงเอาไว้ให้ดี ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เมื่อมีสัญญาณ ให้รีบรายงานเขาทันที
ยามจื่อ ทหารที่เฝ้าเวรอยู่ที่ชายแดนก็เห็นแสงไฟส่องสว่างขึ้นจากเมืองหลวงของรัฐอิง จึงรีบวิ่งไปรายงานที่จวนผู้บัญชาการทันที
หลินจ้งเพิ่งนอนได้ไม่นาน เมื่อได้ยินรายงาน ก็รีบใส่เสื้อออกมา หลังจากถามไถ่ไปหลายรอบ เพื่อยืนยันว่าเป็นแสงที่มาจากเมืองหลวงของรัฐอิง ก็กลับเข้าไปด้านใน หยิบราชโองการลับนั้นขึ้นมา ระดมพลทหารสองหมื่น แล้วไปที่เมืองหลวงรัฐอิงโดยทันที
[1] ยามอิ๋น เวลาตีสามถึงตีห้า