บทที่ 1419 บดขยี้ดุเดือด

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 1419 : บดขยี้ดุเดือด
  หลิงหยุนเริ่มอาละวาดกระบี่โลหิตเทวะที่มีกลิ่นอายสังหารรุนแรง ปรากฏขึ้นตรงหน้าของยอดฝีมือทั้งสี่คน
  –ตู้เจี๋ย..เหวียนถง.. พวกเจ้าสองคนหลบไปก่อน ข้าจะเป็นผู้รับมือกับเขาเอง!-
  จ้าวหมิงถังเห็นหลิงหยุนปราดพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีดุดันมากกว่าก่อนหน้านี้จึงรู้ได้ทันทีว่าศิษย์น้องทั้งสองของตนคงยากที่จะรับมือได้ จึงได้สื่อสารผ่านทางจิตให้คนทั้งคู่ล่าถอยออกไปก่อน!
  โล่ป้องกันขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายกระดองเต่าพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าโล่สีเหลืองสุกสว่างนั้นกั้นกลางระหว่างศิษย์น้องของจ้าวหมิงถังกับหลิงหยุนไว้
  จากนั้นกระบี่เหินของจ้าวหมิงถังก็ขยายใหญ่กว่าห้าเมตรเปล่งประกายสีขาวสุกสว่าง และพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนเช่นกัน!   ร่างของหลิงหยุนเหาะไปมาซ้ายทีขวาทีอย่างรวดเร็วจนดูราวกับผึ้งตัวหนึ่งที่กำลังกระพือปีกบินว่อนไปว่อนมา ในจังหวะที่หลิงหยุนฟันกระบี่ในมือเข้าใส่กระบี่เหินของจ้าวหมิงถังนั้น เขาก็เสียหลักเซถลาไปเล็กน้อย แต่ก็สามารถหลบปลายกระบี่เหินยักษ์ของจ้าวหมิงถังได้ทัน!
  ปัง!
  เสียงพลังปราณจากกระบี่ในมือของหลิงหยุนฟันเข้ากับโล่สีเหลืองขนาดใหญ่ตรงหน้าจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
  โล่ขนาดใหญ่ถึงกับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและข้อมือของหลิงหยุนก็ถึงกับสั่นสะท้านไปเช่นกัน ทำให้หลิงหยุนตระหนักว่าจ้าวหมิงถังคือคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว..
  นี่สิจึงจะเป็นศัตรูที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
  “แกร่งนักรึ!เช่นนั้นก็ลองรับกระบี่ของข้าอีกสองสามดาบดู!”
  หลิงหยุนโคจรดาราคุ้มกายขั้นสุดทันทีกระบี่โลหิตเทวะในมือของเขาร่ายรำเพลงดาบนวสังหารเข้าจู่โจมใส่โล่สีเหลืองขนาดใหญ่ตรงหน้า
  ตูม!
  แม้หลิงหยุนจะฟาดฟันกระบี่ในมือลงไปอย่างรุนแรงแต่โล่สีเหลืองขนาดใหญ่ภายใต้การบังคับควบคุมของจ้าวหมิงถังก็มิได้ขยับเขยื้อน เสมือนว่าหลิงหยุนกำลังฟันเข้ากับกำแพงแข็งแกร่งและมิอาจที่จะทะลุผ่านไปได้!
  “ศิษย์พี่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
  เมื่อศิษย์คุนหลุนอีกสองคนเห็นจ้าวหมิงถังสามารถสะกัดกั้นหลิงหยุนได้เช่นนี้ก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ แล้วความมั่นใจที่มลายหายไปก่อนหน้าจึงเริ่มกลับคืนมา
  เวลานี้จ้าวหมิงถังถึงกับต้องกัดฟันแน่นนั่นเพราะโล่ที่แข็งแกร่งนี้ควบคุมด้วยพลังจิตของเขา การที่หลิงหยุนกระหน่ำฟันเข้าใส่โล่ของเขาเช่นนี้ ย่อมไม่ต่างจากการโจมตีพลังจิตของเขาไปด้วย อีกทั้งพลังของกระบี่เล่มนี้ก็แข็งแกร่งอย่างมาก
  “ข้าก็อยากจะรู้นักว่าระหว่างพลังของข้ากับพลังจิตของเจ้า สิ่งใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าจ้าวหมิงถังคิดจะใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งของตนหยุดเขาไว้ มิให้เขาสามารถเข้าไปทำร้ายศิษย์คุนหลุนอีกสองคนได้
  ครั้งนี้นับว่ายากเย็นกว่ามากหลิงหยุนกระหน่ำฟันกระบี่ในมือลงไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพียงแค่หนึ่งอึดใจเขากระหน่ำฟันใส่โล่ของจ้าวหมิงถังไปถึงสิบกว่าครั้ง
  ปัง!ปัง! ปัง!
  เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางในร่างของหลิงหยุนลุกโชนไปทั่วทั้งร่างหลิงหยุนจึงเสมือนหนึ่งมีพลังต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากการทุบทำลายโล่ของจ้าวหมิงถัง ในขณะที่หลิงหยุนลงมือทุบทำลายโล่ ก็ควบคุมหอกมังกรทองให้ปะทะกับกระบี่เหินของจ้าวหมิงถังไปด้วย ทำให้กระบี่เหินของอีกฝ่ายไม่สามารถเข้าใกล้ตัวหลิงหยุนได้
  ทุกครั้งที่หลิงหยุนฟาดฟันกระบี่ในมือลงไปที่โล่ของจ้าวหมิงถังนั้นเสมือนเขากำลังชกไปที่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของจ้าวหมิงถังโดยตรง หลังจากถูกกระหน่ำฟันเข้าไปหลายครั้ง จากสีหน้าของจ้าวหมิงถังเวลานี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมิอาจต้านทานได้อีกนานสักเท่าไหร่นัก
  สังเกตเห็นได้จากกระบี่เหินของจ้าวหมิงถังที่เวลานี้แสงสว่างสีขาวจากเดิมที่เคยเจิดจ้านั้น เริ่มค่อยๆอ่อนสลัวลง และเคลื่อนที่ได้เชื่องช้าลงมาก
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบบังคับตราหยกจักรพรรดิของตนให้พุ่งเข้าใส่ร่างของจ้าวหมิงถังซึ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว!
  จ้าวหมิงถังทำได้เพียงแค่ยกฝ่ามือทั้งสองข้างของตนสะกัดกั้นตราหยกจักรพรรดิไว้เท่านั้น..
  ในช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ตู้เจี๋ยและเหวียนถงซึ่งอยู่ไกลออกไป มิอาจทนเห็นจ้าวหมิงถังได้รับอันตรายได้ ทั้งคู่จึงพุ่งกระบี่เหินของตนเข้าจู่โจมหลิงหยุนทันที กระบี่เหินสามเล่มพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนที่กำลังใช้พลังจิตควบคุมทั้งตราหยกจักรพรรดิ และหอกมังกรทอง
  ตูม!ปัง!
  แต่หลิงหยุนกลับไม่มีท่าทีสนใจเลยแม้แต่น้อยเขายังคงใช้กระบี่ในมือกระหน่ำฟันเข้าสู่โล่สีเหลืองขนาดใหญ่ไม่หยุด
  “เด็กนั่นบ้าไปแล้ว!”
  พลังจิตของจ้าวหมิงถังดูเหมือนจะค่อยๆอ่อนกำลังลงเรื่อยๆและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเหยเกมากขึ้น..
  โล่สีเหลืองนี้เป็นของวิเศษจากคุนหลุนชื่อว่าโล่กระดองเต่าเป็นโล่ที่ทำขึ้นจากกระดองของเต่าที่อยู่ในคุนหลุน และนับเป็นของวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวหมิงถังเลยทีเดียว
  หากหลิงหยุนสามารถทำลายโล่กระดองเต่านี้ได้ย่อมหมายความว่าภารกิจของศิษย์คุนหลุนในครั้งนี้ต้องล้มเหลวไปด้วยอย่างแน่นอน
  จ้าวหมิงถังถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงได้แข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้!
  ตูม!
  ในที่สุดหลิงหยุนก็ฟันกระบี่ในมือเข้าไปที่โล่กระดองเต่าอย่างแรงอีกหนึ่งครั้ง แสงสีเหลืองทองสุกสว่างของโล่กระดองเต่าเริ่มหรี่ลง และค่อยๆเคลื่อนกระเด็นออกไป
  หลิงหยุนยังคงกระหน่ำฟันเข้าใส่ไม่หยุดครั้งแล้วครั้งเล่าปัง.. ปัง..
  แสงสีทองของโล่กระดองเต่าอ่อนลงกว่าเดิมมากและเริ่มมีรอยแตกร้าวคล้ายกับใยแมงมุมปรากฏขึ้น
  จุดซือไห่ของจ้าวหมิงถังถูกแรงกระทบกระเทือนจากกระบี่ของหลิงหยุนอย่างต่อเนื่องในที่สุดก็มิอาจทานทนได้อีกต่อไป เขากระอักโลหิตสีแดงออกมา!
  ในขณะเดียวกันหลิงหยุนก็ได้เปลี่ยนมาถือกระบี่ด้วยมือซ้ายแทนนั่นเพราะเขาใช้มือขวาถือกระบี่ฟาดฟันใส่โล่กระดองเต่ามาเป็นเวลานาน มือข้างนั้นจึงชาไปตลอดทั้งแขน
  “นี่เจ้า..”
  จ้าวหมิงถังคิดว่าหลิงหยุนคงจะหมดเรี่ยวหมดแรงหลังจากที่กระหน่ำฟันใส่โล่กระดองเต่าที่แข็งแกร่งของตนอยู่นานเขาถึงกับตกใจตาโตเมื่อเห็นหลิงหยุนเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายแทนเช่นนั้น
  ปัง..ปัง..
  ทันทีที่เปลี่ยนมาถือกระบี่โลหิตเทวะในมือซ้ายหลิงหยุนก็กระหน่ำฟันเข้าใส่โล่กระดองเต่าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเช่นกัน และในที่สุดแสงสว่างจากโล่กระดองเต่าก็ดับลง สุดทายโล่กระดองเต่าก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆในทันที!   ในเวลานั้นจ้าวหมิงถังถึงกับกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง แต่เขากลับไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนแม้แต่น้อย..
  “ภารกิจครั้งนี้ล้มเหลวแล้วพวกเจ้าสองคนรีบหนีไปก่อนเร็วเข้า!”
  หลังจากที่โล่กระดองเต่าถูกหลิงหยุนทำลายได้จ้าวหมิงถังก็รับรู้ได้ถึงสถานการณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังจะเกิดต่อไปหลังจากนี้ จึงได้ตัดสินใจสั่งให้ตู้เจี๋ยกับเหวียนถงหนีไป
  “คิดจะหนีตอนนี้มันมิสายไปหน่อยรึ”
  หลิงหยุนกล่าววาจาเย้ยหยันจากนั้นจึงได้ใช้วิชาพลังมังกรเข้ามาช่วย แต่ครั้งนี้หลิงหยุนมิได้เพิ่มพลังจากเดิมมากนัก เพราะเวลานี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ เขาต้องการพลังเพิ่มขึ้นอีกเพียงแค่สองสามเท่าสำหรับสังหารศัตรูเท่านั้น
  ทันทีที่หยิบใช้วิชาพลังมังกรลมปราณภายในร่างของเขาก็หมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาเปล่งแสงเจิดจรัสราวกับเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์ และแสดงให้เห็นถึงพลังที่ทุกคนไม่เคยได้เห็นมาก่อนหน้านี้..
  ชัวะ!
  หลังจากที่โล่กระดองเต่าแตกลงและด้วยวิชาพลังมังกรที่หลิงหยุนหยิบใช้ในครานี้ ทำให้เขาความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
  เพียงแค่พริบตาเดียวร่างของหลิงหยุนก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าตู้เจี๋ทันที กระบี่สีแดงโลหิตในมือของหลิงหยุนเงื้อขึ้นสูงพร้อมกับเสียงร้องตะโกนที่เย็นยะเยือก
  “ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”
  หลิงหยุนฟันกระบี่ลงไปที่ร่างของตู้เจี๋ยทันทีแม้ตู้เจี๋ยจะบังคับกระบี่เหินทั้งสองของตนมาต้านไว้ แต่กระบี่ในมือของหลิงหยุนก็สามารถกระหน่ำฟาดทำลายได้อย่างง่ายดาย
  เสียงกรีดร้องของตู้เจี๋ยดังสนั่นไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า!
  แสงสีแดงเจิดจ้าจากกระบี่ในมือหลิงหยุนฟันเข้าใส่ร่างของตู้เจี๋ยจนขาดออกเป็นสองท่อน หลังจากฟันเข้าที่เอวของตู้เจี๋ยแล้ว ร่างของหลิงหยุนก็ไปปรากฏตรงหน้าเหวียนถงในทันที
  “ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”
  หลิงหยุนใช้กระบี่ในมือตัดศรีษะของเหวียนถงหลุดกระเด็นออกจากร่างทันที!
  จ้าวหมิงถังถึงกับดวงตาเบิกโพลงลูกตาแทบหลุดจากเบ้า แม้กระบี่เหินของเขาจะพุ่งเข้าจู่โจมใส่ร่างของหลิงหยุนอยู่ตลอดเวลา แต่หลิงหยุนกลับสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ในระยะทางสองกิโลเมตรเขาสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้รวดเร็วกว่ากระบี่เหินของจ้าวหมิงถังเสียอีก กระบี่เหินจึงไม่สามารถสัมผัสร่างของเขาได้เลยสักครั้ง ทำได้เพียงแค่ไล่จับเงาของเขาเท่านั้น
  จ้าวหมิงถังเห็นศิษย์น้องทั้งสองของตนถูกหลิงหยุนสังหารตายเช่นนั้นเขาก็ถึงกับคั่งแค้นใจอย่างมาก ธงวายุพุ่งออกจากกลางหว่างคิ้วของจ้าวหมิงถัง เป็นเวลาเดียวกับที่หลิงหยุนมาปรากฏตัวหน้าของเขาพอดี..   ธงวายุโบกสะบัดเมื่อใดลมพายุก็ปรากฏขึ้น!
  นับว่าจ้าวหมิงถังคาดการได้ถูกต้องหลังจากที่หลิงหยุนสังหารเหวียนถงแล้ว เขาก็พุ่งมาตรงหน้าของตนทันที แต่ในเวลานั้นธงวายุในมือของเขาก็ได้โบกสะบัดแล้ว
  “สมบัติล้ำค่าอีกชิ้นสินะ!”
  แม้ร่างของหลิงหยุนถูกพัดกระเด็นออกไปไกลกว่าห้าร้อยเมตรแต่เขากลับมิได้โมโหโกรธาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำแววตากลับเป็นประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้นดีใจ
  หลังจากที่หลิงหยุนทรงกายให้นิ่งได้แล้วเขาก็เหาะกลับไปหาจ้าวหมิงอีกครั้ง และครั้งนี้เขาได้ร้องตะโกนบอกไปว่า
  “ข้าต้องยึดธงนั่นมาให้ได้!”
  “หลิงหยุนเจ้าโจรถ่อย เจ้าเข้ามาเลย ข้าจะยอมสู้ตายกับเจ้า!”
  จ้าวหมิงถังกัดฟันกรอดดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำในขณะที่ร้องตะโกนตอบโต้หลิงหยุนไป
  ระหว่างที่พูดนั้นก็โบกสะบัดธงวายุในมือใส่ร่างของหลิงหยุนไปด้วย..
  หลังจากที่หลิงหยุนสังหารศิษย์ทั้งสามของคุนหลุนไปแล้วเขาจึงไม่รีบร้อนอะไรนัก และคร้านที่จะต่อปากต่อคำกับจ้าวหมิงถังที่กำลังคลุ้มคลั่ง จึงหันกลับไปไล่ล่าตี๋เฮ่อหมิงซึ่งเป็นเจ้าสำนักกระบี่เทียนซานแทน
  นั่นเพราะช่วงเวลาที่หลิงหยุนทำลายโล่กระดองเต่าและสังหารตู้เจี๋ยได้นั้น ตี้เหอหมิงก็รู้ได้ทันทีว่า คุนหลุนย่อมต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จึงได้ตัดสินใจเหาะหนีไปทางยอดเขาปฐพีแทน
  และในระหว่างที่หลิงหยุนวุ่นวายอยู่กับการสังหารศิษย์คุนหลุนนั้นตี้เหอหมิงก็หนีออกไปได้ไกลกว่าครึ่งทางแล้ว และเกือบจะถึงยอดเขาปฐพีในอีกไม่ช้า
  “ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นงั้นรึ”   จู่ๆคำพูดเย็นชาของหลิงหยุนก็ก้องอยู่ภายในหูของตี๋เฮ่อหมิง เขาถึงกับสะดุ้งหวาดผวา และจู่ๆร่างของหลิงหยุนก็มาปรากฏขึ้นตรงหน้า