บทที่ 1418 : กระบี่อะไร
  หลิงหยุนสังหารยอดฝีมือระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐาน!
  ยิ่งไปกว่านั้นหลิงหยุนยังลงมือสังหารในขณะที่ตี๋ยั่วถังเจ้าสำนักกระบี่เทียนซานมาถึงพอดี เท่ากับว่าหลิงหยุนกำลังประมือกับยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานพร้อมกันถึงห้าคน..
  ในช่วงลงมือสังหารหลัวหย่งฉิงนั้นหลิงหยุนไม่ต่างจากเสือชีตาร์ในป่าอาเมซอน ที่เฝ้ามองเหยื่อ ไล่ล่า และตรงเข้าขย้ำคอโดยที่เหยือไม่อาจหนีรอดเงื้อมือไปได้!
  “ศิษย์น้อง!”
  จ้าวหมิงถังกรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นร่างไร้ศรีษะของหลัวหย่งฉีดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความตกใจอย่างที่สุด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความเศร้าโศก เขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น!
  ตู้เจี๋ยและเหวียนถงเองก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกันทั้งคู่ตกใจจนลืมความหวาดกลัวไปครู่ใหญ่!
  “ไม่ได้การแล้ว!”
  ตี๋เฮ่อหมิงเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงอย่างมากแต่เมื่อได้สติเขาก็รีบเหาะถอยหลังออกห่างจากหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว
  “นี่รึขั้นก่อสร้างรากฐานศิษย์คุนหลุนมีน้ำยาเพียงเท่านี้เองรึ?”
  หลิงหยุนหยุดการโจมตีฝ่ายตรงข้ามไว้ชั่วคราวเขายืนตระหง่านถือกระบี่โลหิตเทวะไว้ในมือพร้อมกับร้องตะโกนเย้ยหยัน เวลานี้ทั้งหอกมังกรทอง ตราหยกจักรพรรดิ กระบี่กังฉี และกระบี่เหินเงาธนู กำลังหมุนรอบตัวหลิงหยุน ทำให้เขาดูราวกับเทพสังหารก็ไม่ปาน!
  ตู้เจี๋ยที่เพิ่งได้สติรีบเหาะกลับไปรวมกับจ้าวหมิงถัง และเหวียนถงซึ่งอยู่ไกลออกไปในทันที และคนสุดท้ายคือตี๋เฮ่อหมิง เขารีบเหาะตามไปด้วยความรู้สึกร้อนๆหนาวๆ  สำนักกระบี่เทียนซานก่อตั้งมานานหลายร้อยปีศิษย์คุนหลุนสามารถหนีจากไปเมื่อใดก็ย่อมได้ แต่เขาไม่สามารถไปที่ใดได้อีก เพราะที่นี่คือบ้านของเขา ต่อให้เขาจะหวาดกลัวมากเพียงใด เขาก็ไม่มีทางหนีไปโดยเด็ดขาด!
  เวลานี้บรรยากาศโดยรอบมีเพียงความเงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงเจรจาพูดคุย..
  ตุ้บ..ตุ้บ..
  เสียงของแข็งตกกระทบพื้นดังขึ้นถึงสองครั้งและแน่นอนว่ามันคือเสียงศรีษะ และร่างของหลัวหย่งฉีที่ร่วงหล่นลงไปนั่นเอง และนับจากนี้ศิษย์คุนหลุนผู้นี้จักต้องเป็นวิญญาณเฝ้าที่นี่ไปตลอดนิจนิรันดร์
  “ศิษย์พี่จ้าวพลังปราณในขั้นก่อสร้างรากฐานของพวกเรา กลับไม่มีความหมายใดเมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กนั่น เช่นนี้แล้ว.. พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”
  หลังจากที่ได้ยินเสียงร่างและศรีษะของหลัวหย่งฉีตกกระแทกกับพื้นเช่นนั้นตู้เจี๋ยจึงเอ่ยถามขึ้นมา และพยายามขับไล่ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นภายในใจของตนออกไป
  แต่เป็นไปมิได้เลยที่จะทำให้ตนเองหายจากความหวาดกลัวเพราะหลิงหยุนเพิ่งจะหมายหัว และไล่ล่าหลัวหย่งฉีไม่นาน แต่เวลานี้หลัวหย่งฉีกลับศรีษะหลุดร่วงออกจากร่างไปแล้ว
  “เป็นเพราะกระบี่นั่นต่างหาก..นั่นมิใช่กระบี่ธรรมดาเป็นแน่..”
  จ้าวเหอหมิงจ้องมองกระบี่สีแดงดั่งโลหิตในมือของหลิงหยุนกระบี่เล่มนี้นอกจากจะยาวมากแล้ว มันยังเป็นสีแดงประหนึ่งว่าฉาบไว้ด้วยโลหิตตลอดเวลา อีกทั้งยังเปล่งประกายสีแดงสุกใสอย่างน่าสะพรึงกลัว!
  “แม้หลิงหยุนจะใช้พลังจิตควบคุมหอกมังกรทองทำร้ายเหวียนถงได้แต่ก็ไม่สามารถใช้ทำร้ายยอดฝีมือระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐานเช่นเจ้าได้มากนัก เขาจึงจงใจจู่โจมเหวียนถงแทน เพื่อให้ข้าต้องคอยคุ้มครองปกป้องเขา..”
  “นั่นเพราะหลิงหยุนรู้ดีว่าหากใช้หอกมังกรทองจู่โจมข้า ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากเช่นกัน!”
  “เขารู้ว่าเพียงแค่อาวุธที่ควบคุมด้วยพลังจิตเหล่านั้นมิอาจทำร้ายพวกเราได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้พยายามไล่ล่าเข้าประชิดตัวศิษย์น้องหลัว เพื่อที่จะได้ใช้กระบี่เล่มนั้นเล่นงานยังไงเล่า..”
  “ถึงแม้ว่ากระบี่นั่นจะวิเศษมากเพียงใดแต่การที่สามารถทำลายร่างของยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานได้ง่ายดายเช่นนี้.. เรื่องนี้.. ช่างเหนือความคาดหมายของข้าไปมากจริงๆ!”
  จ้าวหมิงถังวิเคราะห์การต่อสู้ก่อนหน้านี้ให้กับยอดฝีมือทั้งสามฟังเพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมในการต่อสู้ครั้งต่อไป..
  ศิษย์คุนหลุนผู้นี้นับว่าฉลาดเฉลียวไม่น้อยสามารถวิเคราะห์ออกมาได้อย่างละเอียดทีเดียว
  หลิงหยุนนั้นรู้ตัวดีว่าขั้นพลังของตนยังห่างไกลจากอีกฝ่ายมาก แม้พลังจิตของเขาจะแข็งแกร่งไม่น้อย แต่ด้วยขั้นพลังที่ต่ำกว่าจึงมีข้อจำกัดมากมาย หากเขาจะใช้อาวุธที่ควบคุมด้วยพลังจิตสังหารยอดฝีมือระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐาน ก็จะต้องบุกให้หนักขึ้น แต่ต้องเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง หากเป็นกรุ้มรุมเช่นนี้ ก็เป็นการสิ้นเปลืองเสินหยวนโดยใช่เหตุ..
  อย่างเช่นจ้าวหมิงถังเขาสามารถใช้ฝ่ามือยักษ์ของตนสะกัดกั้นหอกมังกรทองของหลิงหยุนได้อย่างง่ายดาย
  ตรงข้ามหากจ้าวหมิงถังจู่โจมหลิงหยุนด้วยกระบี่เหิน ย่อมต้องสามารถทำร้ายเขาได้ไม่ยาก หลิงหยุนจึงต้องใช้ตราหยกจักรพรรดิสะกัดกั้นไว้ และใช้กระบี่เหินเงาธนู กับกระบี่กังฉีสะกัดกั้นกระบี่เหินของยอดฝีมือระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐานทั้งสองแทน
  ฉะนั้น..อาวุธสังหารของหลิงหยุนที่แท้จริงก็คือกระบี่โลหิตเทวะในมือนั่นเอง!
  หลังจากที่ดวงจิตของมังกรแดนใต้ได้ถูกปลดปล่อยออกจากตัวกระบี่ไปแล้วกระบี่เล่มนี้จึงกลับคืนสู่สภาพกระบี่เดิมที่แท้จริงของมัน ซึ่งก็คือกระบี่โลหิตเทวะ หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงพลังที่น่ากลัวของกระบี่เล่มนี้ เพราะแม้แต่ศิลากลั่นวิญญาณที่แข็งแกร่งนั้น กระบี่เล่มนี้ยังสามารถตัดขาดได้อย่างง่ายดาย
  ต่อให้เป็นยอดฝีมือในขั้นก่อสร้างรากฐานกายก็ยังคงเป็นเลือดเนื้ออยู่ดี มีหรือจะต้านทานพลังของกระบี่โลหิตเทวะได้!
  และการที่หลิงหยุนเรียกของวิเศษทั้งสี่ของตนออกมาใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้นั้นนอกจากจะใช้ป้องกันตัว และจู่โจมคู่ต่อสู้แล้ว ยังเป็นการหลอกล่อ และปกปิดอาวุธสังหารที่แท้จริงของตนมิให้คู่ต่อสู้ล่วงรู้ด้วย
  และที่สำคัญกระบี่เล่มนี้มีพลังโจมตีที่รุนแรงเกินกว่าที่หลิงหยุนจะใช้พลังจิตของตนควบคุมได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเวลานี้..
  และนี่คือเหตุผลที่หลัวหย่งฉีถูกตัดศรีษะขาดได้อย่างง่ายดาย!
  “แต่..จากคำบอกเล่าของจางคุนหลุนกับหลี่คุนหลุน กระบี่ของหลิงหยุนมิใช่กระบี่โลหิตแดนใต้หรอกรึ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
  ตู้เจี๋ยจ้องมองกระบี่โลหิตเทวะในมือของหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ..
  จ้าวเหอหมิงเองก็จนปัญญาที่จะตอบ“เจ้าถามข้า แล้วจะให้ข้าไปถามผู้ใดกัน เอาล่ะ.. พวกเราจัดการกับหลิงหยุนก่อน แล้วจึงค่อยนำสมบัติทั้งหมดที่เขามีกลับคุนหลุนไปด้วย!”
  “…”
  ตู้เจี๋ยกับเหวียนถงได้ฟังถึงกับนิ่งเงียบไปในทันที
  ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าหลิงหยุนครอบครองสมบัติล้ำค่าไว้มากเพียงใด แต่ปัญหาคือหลิงหยุนแข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถจัดการกับหลิงหยุนได้อย่างไร
  “ศิษย์พี่ในเมื่อกระบี่นั่นสามารถสังหารพวกเราได้ง่ายดายเช่นนี้ เหตุใดหลิงหยุนจึงไม่ใช้พลังจิตของตนควบคุมเล่า เหตุใดยังต้องถือไว้ในมือเช่นนั้น?”
  เหวียนถงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย..
  “ดูจากสีของกระบี่ประกายเจิดจ้า และรังสีอำมหิตของมันแล้ว.. กระบี่ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ คงมิใช่ว่าผู้ใดจะสามารถใช้พลังจิตของตนควบคุมได้ง่ายๆ!”
  นับว่าจ้าวเหอหมิงมีความรู้ไม่น้อยทีเดียวและสามารถวิเคราะห์ออกมาได้อย่างมีเหตุมีผล แต่แล้วจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา จนต้องพึมพำออกมา
  “เดี๋ยวก่อน..กระบี่เล่มนี้ทำให้ข้านึกถึงกระบี่โลหิตเทวะในตำนาน.. แต่.. ไม่น่าจะเป็นไปได้!”
  ในระหว่างนั้นจู่ๆหลิงหยุนที่ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศมาครู่หนึ่ง ก็พุ่งตัวออกไปด้านหน้า ศิษย์คุนหลุนทั้งสามและตี๋เฮ่อหมิง ถึงกับถอยกรูดออกห่างจากหลิงหยุนทันที
  แต่หลิงหยุนก็เพียงแค่พุ่งออกไปด้านหน้าไม่กี่เมตรแล้วก็หยุดเขาจ้องมองยอดฝีมือทั้งสี่คนพร้อมกับยิ้มกริ่มในขณะที่ร้องตะโกนถามออกไปว่า
  “นี่..พวกเจ้าทั้งสี่คน ปรึกษาหารือกันได้หรือยังว่าจะจัดการกับข้าเช่นใด”
  หลิงหยุนยังไม่รีบร้อนลงมือนักแต่หาใช่เพราะเขามีจิตเมตตาไม่ เพียงแต่หลังจากที่สังหารหลัวหย่งฉีเมื่อครู่นั้น เขาได้ใช้พลังไปมากมาย เวลานี้จึงต้องคิดวางแผนการต่อสู้ใหม่อีกครั้ง
  ยอดฝีมือขั้นอู่เฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-5) แต่ต้องรับมือกับยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานถึงสี่คน การต่อสู้สี่ต่อหนึ่งเช่นนี้ ผู้ใดก็ยากที่จะรับมือได้!
  อีกอย่างการที่หอกมังกรทอง และตราหยกจักรพรรดิของเขาปะทะกับกระบี่เหินของจ้าวหมิงถังเช่นนี้ ทำให้จุดซือไห่ของเขาได้รับแรงกดดันที่รุนแรง!
  พูดง่ายๆก็คือว่าจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของเขาเวลานี้ ราวกับกำลังจะระเบิดออก!   หลิงหยุนรู้ดีว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาเองก็คงมิอาจที่จะทานทนต่อไปได้เช่นกัน
  อีกทั้งการประมือกับหลัวหย่งฉีและตู้เจี๋ยเมื่อครู่ก็ได้ทำให้กายเนื้อของเขามีบาดแผลไม่น้อย แม้จะไม่หนักหนาสาหัสอะไร แต่ก็มีผลต่อโลหิตภายในร่างกาย
  หลิงหยุนใช้เปลวเพลิงห้าธาตุหยิน–หยางทำลายกระบี่ลมปราณที่ทิ่มแทงเข้าไปในร่างของตนและทำการฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหาย จากนั้นจึงเริ่มเดินลมปราณภายในร่างอีกครั้ง กระบวนการทั้งหมดนี้ก็เพื่อฟื้นฟูลมปราณ และร่างกายของตน
  “หลิงหยุนกระบี่ในมือของเจ้าคือกระบี่อะไร” จ้าวหมิงถังเอ่ยถามหลิงหยุนอย่างระมัดระวังตัว
  “เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้!”หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
  ก่อนหน้านี้เขาถามจ้าวหมิงถังเกี่ยวกับคุนหลุนอีกฝ่ายก็ตอบเขากลับมาเช่นนี้ หลิงหยุนจึงย้อนคำพูดของเขากลับคืนไป  “หลิงหยุนด้วยพรสวรรค์ของเจ้าเวลานี้ หากเจ้ากลับไปคุนหลุนกับพวกเรา เจ้าย่อมต้องได้เป็นศิษย์คุนหลุนอย่างแน่นอน หากเจ้ายินยอมตามข้ากลับไปคุนหลุน พวกเราก็จะไม่ต้องต่อสู้กันอีก เจ้าคิดเห็นเช่นใดบ้าง”
  จู่ๆจ้าวหมิงถังก็เปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน และหันมาใช้ไม้อ่อนกับหลิงหยุนแทน
  “ฮ่าๆๆๆ”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดังราวกับว่ากำลังได้ยินได้ฟังเรื่องที่ตลกขบขันอย่างที่สุด
  “จ้าวหมิงถังข้าว่าเจ้ามุดหัวอยู่แต่ในกะลาใบเล็กๆของคุนหลุนนานเกินไป สมองของเจ้าจึงได้มีแต่ขี้เลื่อยเช่นนี้!”
  หลังจากหัวเราะเสียงดังแล้วหลิงหยุนก็หันไปจ้องมองจ้าวหมิงถัง ราวกับว่าเขาเป็นคนที่โง่เขลามากผู้หนึ่ง
  “นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กอมมือหรืออย่างไรกันให้ข้ากลับไปคุนหลุนกับเจ้า ก็เท่ากับข้าไปตายน่ะสิ!”
  “แต่เจ้าไม่ต้องห่วงข้าต้องไปคุนหลุนแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้!”
  “เพราะเวลานี้ข้ายังมีภารกิจต้องสะสางให้จบสิ้นนั่นก็คือการเอาชีวิตของเจ้า!”
  ยังไม่ทันสิ้นเสียงของหลิงหยุนดีร่างของเขาก็พุ่งไปยืนอยู่ตรงหน้าของยอดฝีมือทั้งสี่ ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเสียงถึงห้าเท่า
  “พวกเจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!”