บทที่ 930 เหย้ซูหลิงโมโห

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 930 เหย้ซูหลิงโมโห
เหย้ซูหลิงมองไปยังเย่เซิ่งเทียนด้วยความโมโห และพูดขึ้นว่า: “ทำไมนายถึงไม่คล้อยตามคุณปู่เขาไปบ้างล่ะ? เขาก็แค่สอบถามนายถึงความเป็นไปได้เท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นจริงสักหน่อย ทำเหมือนกับว่าฉันจะไปแย่งผู้ชายมาจากภรรยาของนายอย่างไรอย่างนั้น”

เย่เซิ่งเทียนพูดขึ้นว่า: “เรื่องบางเรื่อง ควรที่จะพูดกันอย่างชัดเจนเป็นการดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาพัวพันที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง”

เหย้ซูหลิงโมโหจนถึงกับกัดฟันแน่น

ความหมายของคำพูดนี้ ชัดเจนว่าไม่ต้องการที่จะมีความพัวพันอะไรกับเธอมากเกินไป และเพื่อบอกเธอว่า ระหว่างทั้งสองคนนอกจากความร่วมมือแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีก

มีอยู่ช่วงขณะหนึ่ง เหย้ซูหลิงคิดที่จะพูดเรื่องจริงที่ตนเองกำลังตั้งครรภ์ออกมา เพื่อดูว่าเย่เซิ่งเทียนจะทำอย่างไร

แต่สุดท้ายเธอก็อดกลั้นเอาไว้

ไอ้สารเลวคนนี้มันช่างไร้สิ้นอารมณ์ความรู้สึกขนาดนี้ จะไม่มีทางปล่อยให้เขาอยู่ดีเป็นสุขได้แน่

เตรียมตัวรอไว้ได้เลย

ไอ้สารเลว ฉันสวยงดงามขนาดนี้ แต่นายกลับไม่หวั่นไหวเลย และยังจะปฏิเสธไม่รับฟังความคิดของคนอื่นด้วย

ฉันจะดูหน่อยว่า ในอนาคตฉันจะพาลูกของนายไปหานาย แล้วดูว่านายจะชี้แจงกับภรรยาของนายว่าอย่างไร

เหย้ซูหลิงจ้องมองไปยังเย่เซิ่งเทียนด้วยสายตาที่โหดร้าย และพูดขึ้นว่า: “ฉันไม่ได้อยากจะได้ตัวนายสักหน่อย นายคิดว่านายเองเป็นใครกัน”

เย่เซิ่งเทียนพูดขึ้นอย่างสงบว่า: “ขอให้เป็นแบบนี้จะดีที่สุด”

เหย้ซูหลิงโมโหขึ้นอย่างมาก กัดฟันพูดว่า: “การแต่งงานจะจัดขึ้นในสิบวันหลังจากนี้ ฉันจะให้ทุกคนทราบว่า หยวนเย่นี้เป็นสถานะปลอม ในขณะเดียวกันภายในสิบวันนี้ นายก็ไปก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายที่ตระกูลเซียว แล้วฉันจะให้เหล่าอู๋ปลอมตัวเป็นหยวนเย่แทน”

เย่เซิ่งเทียนพยักหน้า โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของเหย้ซูหลิงเลย

เขาไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่ฉลาดอย่างเหย้ซูหลิง จะยอมล้มเลิกความร่วมมือเพราะเรื่องดังกล่าว

ก็เหมือนกับที่เหย้ซูหลิงได้เคยพูดเอาไว้ก่อนว่า ตระกูลลี้ลับไม่ยินยอมที่จะให้สรวงสวรรค์กดขี่ข่มเหงตนเองในฐานะเจ้านายอย่างแน่นอน

แม้ว่าในตอนนี้ตระกูลลี้ลับจะไม่ได้คัดค้านต่อต้าน นั่นเป็นเพราะขาดผู้นำเท่านั้น ซึ่งใครต่างก็ไม่กล้าจะเป็นจันทันที่ยื่นออกไป

ประโยชน์ของเย่เซิ่งเทียนนั้น ก็คือมาเป็นผู้นำ เริ่มก่อความยุ่งยากวุ่นวายขึ้นก่อน

เพียงแค่มีคนนำ ตระกูลลี้ลับก็จะต้องมีคนที่เริ่มต้นแอบลงมือจัดการกับสรวงสวรรค์แน่นอน

ที่ตระกูลเหย้มาร่วมมือกับเขานั้น ก็เพราะเห็นถึงจุดนี้เป็นสำคัญ

เย่เซิ่งเทียนถามขึ้นว่า: “ตระกูลเซียวอยู่ที่ไหน? ”

“ฉันจะส่งข้อมูลไปให้นายทางโทรศัพท์มือถือ”

เหย้ซูหลิงเดินจากไปพร้อมด้วยความโกรธเคือง โดยที่ไม่ได้กล่าวลาเย่เซิ่งเทียนเลย

เย่เซิ่งเทียนเองก็ไม่ได้สนใจเธอ ตอนนี้สิ่งที่เขากังวลก็คือ การตายของพญาดำนั้น ทางสรวงสวรรค์จะสงสัยมาที่ตัวเขาหรือไม่

หลายวันผ่านไป ทางสรวงสวรรค์ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย มันผิดปกติ

ไม่นานนัก เหย้ซูหลิงก็ส่งข้อมูลมามากมาย

ทั้งข้อมูลของสรวงสวรรค์ รวมถึงข้อมูลของตระกูลเซียว

เย่เซิ่งเทียนอ่านดูไปอย่างช้า ๆ

“5 เทพอาวุโส 8 เจ้าพญาสวรรค์ทั้งแปด นายพลสวรรค์ พลังความสามารถของพวกเขา แข็งแกร่งมากขนาดนี้เลยเหรอ? ”

เมื่อเห็นรายละเอียดแนะนำในข้อมูลแล้ว เย่เซิ่งเทียนถึงกับตกตะลึง

108 นายพลสวรรค์ แต่ละคนล้วนอยู่ในแดนเหนือโลกีย์

36 ขุนพลผู้พิทักษ์สวรรค์ ทั้งหมดอยู่ในแดนลอยเมฆ

เหนือขึ้นไปอีกยังมี 12 เทวดา ซึ่งต่างก็อยู่ในแดนฉ่องทิพย์!

“ที่จริงแล้วด้านบนของแดนลอยเมฆ ก็คือแดนฉ่องทิพย์นี่เอง โดยแดนลอยเมฆคือเทพอารัก แดนฉ่องทิพย์คือเทพหลอมรวม เพียงแต่อะไรคือเทพอารัก ? อะไรคือเทพหลอมรวม ”

เย่เซิ่งเทียนมึนงงไปหมด

“นอกจากนี้ รากวิญญาณที่ก่อนหน้านี้ได้มาจากการฝึกฝนนั้น จะจัดการกับมันอย่างไร? เจ้าพญาสวรรค์ทั้งแปดต่างก็อยู่ในแดนสะพานเทพ แล้วแดนสะพานเทพนี้จะทำการฝึกฝนให้ถึงขั้นนั้นได้อย่างไร? ”

ข้อมูลเหล่านี้ เย่เซิ่งเทียนไม่เข้าใจอะไรเลย

สรวงสวรรค์กับตระกูลลี้ลับ ได้ผูกขาดกับสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด ส่วนที่ภายนอกรับรู้และเข้าใจนั้น มากที่สุดก็คือแดนเหนือโลกีย์

แม้แต่แดนลอยเมฆ เย่เซิ่งเทียนเองก็เพิ่งจะรับรู้ในภายหลัง

คิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นที่คุณพ่อทำการต่อสู้กับเทวดาหมายเลขสิบ เย่เซิ่งเทียนก็เกิดมโนภาพขึ้นมาอย่างเลือนลาง

ในตอนนั้น ก่อนหน้าที่คุณพ่อยังไม่ได้ใช้วิชาต้องห้ามของตระกูลเย่ เมื่อเทวดาหมายเลขสิบปรากฏตัวขึ้น อานุภาพแรงดันอันยิ่งใหญ่ ก็กดทับพวกเขาจนไม่สามารถเงยศีรษะขึ้นมาได้เลย

สุดท้ายคุณพ่อก็ต้องใช้วิชาต้องห้ามของตระกูลเย่ เผาผลาญพลังชีวิต ถึงได้จบชีวิตลงไปพร้อมกับเทวดาหมายเลขสิบ!

หลังจากนั้นพญาดำก็ปรากฏตัวขึ้น ถึงขนาดที่ไม่ต้องลงมือ ใช้แค่อานุภาพแรงกดดัน ก็ทำให้พวกเขาได้แต่คุกเข่าลงบนพื้นโดยที่ไม่สามารถลุกยืนขึ้นได้

แม้แต่พลังที่จะตอบโต้กลับก็ยังไม่มีเลย

ในตอนนั้นหากไม่ใช่เลือดเทพของเผ่าซวนหยวนตื่นตัวขึ้น และใช้แววตาที่แปลกประหลาดสังหารพญาดำแล้ว พูดได้เลยว่าการที่พญาดำจะสังหารพวกเขานั้นก็เหมือนกับการเหยียบย่ำมดตัวหนึ่งให้ตายเท่านั้น

“แดนเหนือโลกีย์ แดนลอยเมฆ แดนฉ่องทิพย์ แดนสะพานเทพ แดนทะลุเทพ โดยห้าเทพอาวุโสชั้นสูงสุดของสรวงสวรรค์นั้น ล้วนแต่อยู่ในแดนทะลุเทพใช่หรือไม่? ซึ่งอยู่เหนือกว่าแดนเหนือโลกีย์ถึงสี่แดนเลยทีเดียว……”

เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้วขึ้นอย่างหนัก

ก่อนหน้านี้รู้แต่เพียงว่าสรวงสวรรค์แข็งแกร่งทรงพลัง แต่ก็ไม่มีมโนภาพที่เป็นรูปธรรม

ตอนนี้จึงรับรู้อย่างแท้จริงแล้ว ถึงความน่ากลัวของสรวงสวรรค์