บทที่ 941 ปล้นอย่างหน้าไม่อาย

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 941 ปล้นอย่างหน้าไม่อาย
ครั้งหนึ่งมันเคยคิดว่านายหญิงจะจากไปตลอดกาลแล้ว

โชคดีที่นายหญิงปราดเปรื่อง รู้จักการยืมร่างกายของคนอื่นมาหล่อเลี้ยงรักษาวิญญาณที่บาดเจ็บสาหัส

และยังดีที่ร่างกายของผู้หญิงคนนี้เหมาะสมกับการหล่อเลี้ยงวิญญาณของนายหญิง

เพียงแต่……

นายหญิงจะจำอดีตไม่ได้

หากนายหญิงคิดถึงอดีตที่ผ่านมาทุกอย่าง วิญญาณของนางก็จะกลายเป็นฟองสบู่ และหายสาบสูญไปจากโลกโดยสมบูรณ์

เมื่อคิดถึงคนที่จับวิญญาณของนายหญิงไป เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็โมโหจนกัดฟันกรอด แทบอยากจะกินเขาไปในคำเดียว

กู้ชูหน่วนกล่าว “ก็แค่ให้เจ้านำทาง ถึงขั้นที่เจ้าจะต้องโกรธมากขนาดนี้เชียวหรือ? เก็บความคิดจะฆ่าของเจ้าไว้ซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะต้มเจ้าเป็นซุปงูกินก่อน”

“ฟ่อฟ่อ……”

ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พึมพำอะไรอีก

กู้ชูหน่วนเตะออกไปทีหนึ่ง

“เจ้าตัวเล็กเช่นนี้ จะต้องเลื้อยไปอีกนานเท่าไหร่กว่าจะถึง เปลี่ยนเป็นตัวใหญ่ขึ้นหน่อย”

“นายหญิง ก้นน้อยของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โดนท่านเตะจนเจ็บหมดแล้ว”

“เพ้อเจ้อให้น้อยๆหน่อย”

“ก็ได้ นายหญิงถ้าท่านยังป่าเถื่อนเช่นนี้อีก ต่อไปจะไม่มีใครรักท่านนะ”

ปากของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บ่นด้วยความขุ่นข้องหมองใจ ลำตัวของงูตัวน้อยเปลี่ยนเป็นหนึ่งเมตรกว่าในพริบตา เลื้อยบิดลำตัวงูมาถึงห้องลับห้องหนึ่งด้วยความรวดเร็ว

หลังจากเห็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำอะไรครู่หนึ่ง ก็หาแหวนมิติพบวงหนึ่ง วางไว้เบื้องหน้าของกู้ชูหน่วน

ทั้งตัวเรือนแหวนเป็นสีเขียวหยก แม้ว่าพื้นที่จัดเก็บจะไม่ใหญ่ แต่อย่างน้อยก็มีพื้นที่ยี่สิบถึงสามสิบตารางเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับบรรจุสิ่งของได้มากมายแล้ว

“เจ้าตัวดี แหวนมิติวงนี้ถูกเก็บซ่อนมิดชิดขนาดนี้ แต่เจ้ากลับหามาได้”

“นั่นเป็นเรื่องธรรมดา สมบัติล้ำค่าทุกชิ้นในหอสมบัติเก็บซ่อนไว้ที่ใดข้าก็รู้ทั้งหมด”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดูแคลนแหวนนั่น

แหวนวงนี้ แย่กว่าแหวนที่อี้เฉินเฟยเคยมอบให้นายหญิงก่อนหน้านี้มากนัก

ไม่คุ้มที่ตระกูลไป๋หลี่จะเห็นเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า เก็บซ่อนไว้ชั้นแล้วชั้นเล่า ทั้งยังจัดวางค่ายกลมากมายขนาดนั้นเพื่อคุ้มกันแหวนวงเล็กๆวงนี้อีก

ดวงตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกายทันที “อ๋อ….เช่นนั้นยาไม่กี่เม็ดที่ตระกูลไป๋หลี่ขโมยมาจากตระกูลซ่างกวน เจ้าก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน?”

“รู้สิ”

“รีบพาข้าไปดูหน่อย”

“นั่นเป็นแค่ยาชั้นสูงระดับสองเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร”

ชั้นสูงระดับสอง?

แค่ยาชั้นสูงระดับสองเท่านั้นหรือ?

ได้ยินไป๋หลี่เจิ้นพูดเล่าอ้างละเอียดขนาดนั้น

นางยังคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องถึงระดับสี่ระดับห้าน่ะ

ได้ยินว่าเป็นยาชั้นสูงระดับสอง กู้ชูหน่วนก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“มีก็ดีกว่าไม่มี ไปเถอะ พวกเราไปดูกัน”

“ไปปล้นสิไม่ว่า”

“ป๊อก……”

กู้ชูหน่วนแขกหัวมันอีกครั้ง

“จะพูดให้โจ่งแจ้งขนาดนั้นทำไม พวกเราแค่ไปชื่นชม ไม่เรียนรู้ไว้ พวกเราจะหลอมยาดีๆออกมาได้ยังไง”

“ไม่เจอกันสามปี นายหญิงยิ่งหน้าไม่อายขึ้นเรื่อยๆแล้ว”

ยาชั้นสูงระดับสองเก็บซ่อนไว้ลึกยิ่งกว่าแหวนมิติ

หากไม่ใช่เพราะเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นำทาง เกรงว่ากู้ชูหน่วนก็คงจะหาไม่เจอตลอดไป

“นี่ ทั้งหมดสามเม็ด อยู่ในนี้ทั้งหมด” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สะบัดหาง เหวี่ยงยาไปให้กู้ชูหน่วนโดยตรง

กู้ชูหน่วนเปิดออกดม แค่ดมก็รู้สึกว่าสบายไปทั้งตัว

ยาชั้นสูงระดับสอง เทียบกับวันนั้นที่ปล้นที่ภูเขาเจียงเจ๋อก็ดีกว่ามากจริงๆ

ยานี้เกือบจะถึงระดับสามแล้ว

กู้ชูหน่วนเทยาออกมา ยัดเข้าไปในปากทันที

หากว่าเป็นคนอื่น บางทีอาจจะกังวลเรื่องชีพจรยุทธ์อันจิ๊บจ๊อยของกู้ชูหน่วนเป็นอย่างมาก ที่กล้ากินยาชั้นสูงระดับสองทีเดียวติดกันสามเม็ด ไม่กลัวเลยว่าจะกินมากเกินไปจนรับไม่ไหว

แต่ทว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับสบายใจเป็นอย่างมาก นอนหมอบชูหางขึ้นมาปากก็ฮัมเพลงฟ่อๆอยู่ด้านข้าง รอกู้ชูหน่วนบรรลุด้วยความสงบ

“อย่าอยู่ว่างๆ นอกจากเบ้าหลอมยาและสมุนไพรปรุงยา ยัดของทุกอย่างที่นี่ใส่ลงไปในแหวนมิติให้หมด อย่าให้ตกหล่นสักอย่างเดียว”

ร่างกายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แทบจะเซ

“ของทุกอย่างเหรอ? พวกเราเอาของมากมายขนาดนี้ไปอะไร?”

“แน่นอนว่าต้องทำให้พวกมันได้พบแสงสว่างอีกครั้ง ของดีขนาดนี้ จะให้ตระกูลไป๋หลี่ดูแคลนอยู่ตลอดได้อย่างไร”