GGS:บทที่ 1149 ไม่ควรเป็นอย่างนี้

ฉากที่กำลังเกิดขึ้นผ่านการถ่ายถอดสดอยู่ตอนนี้เต็มไปด้วยความโกลาหล ทั้งผู้ชมที่หนีตายในทันทีที่เห็นว่า กรรมการและเจ้าหน้าที่ถูกจัดการจนแน่นิ่งไป
และในตอนนี้เองการถ่ายทอดสดนี้ได้ตัดสัญญาณภาพไปแล้ว แต่ผู้ชมนั้นยังคงตกตะลึงกับฉากที่มีคนตายต่อหน้าต่อตาแบบนี้อยู่ดี
“เกิดอะไรขึ้นกัน”
“ใครกันที่มันหาญกล้ามาฆ่าคนในที่สาธารณะที่เต็มไปด้วยผู้คนแบบนี้เนี่ย”
“การรักษาความปลอดภัยของงานโอลิมปิกในครั้งนี้แย่ถึงขนาดปล่อยให้ไอ้พวกนักเลงนั่นเข้ามาในงานได้ยังไง”

“แต่ฉากเมื่อกี้นี้ฉันว่าพวกมันแข็งแกร่งมากเลยนะ ขนาดตบนักมวยรัสเซียนั่นตกตายในทีเดียวเลย”
เหล่าผู้คนที่สนิทกลับซูจิ้งและเพื่อนของซูจิ้งอย่างหวังจ้าว เฉิงหนาน หวังซือหยา มู่หรงเซียนเอ๋อที่เห็นฉากนี้ต่างก็อดที่จะเป็นห่วงซูจิ้งไม่ได้ในทันที

ในตอนนี้ทั้งซงจุนฮ่าว โอฉิงซง และคนอื่นนั้นต่างก็ไม่แยแสกับผู้คนที่กำลังหนีตายแม้แต่น้อย พวกมันนั้นเพียงมองที่ซูจิ้งด้วยสายตาอำมหิตและพูดออกมาว่า “คนอย่างแกนี่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเลยนะซูจิ้ง ฉันว่าคงไม่ต้องลูกพี่ของพวกเราหรอก แค่พวกเราก็พอแล้ว”
“ลูกพี่? โห่ ฉันละอยากจะรู้จริงๆว่าไอ้ลูกพี่ของแกนี่มันเป็นใครกัน” ซูจิ้งถามออกมาในขณะที่กำลังปล่อยกระแสจิตออกไปตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างไม่ว่างเว้น เขานั้นยังไม่พบร่องรอยเงาดำนั่นแม้แต่น้อยแต่ก็ยังมั่นใจเต็มสิบว่าเงาดำนั่นต้องมาแน่จึงได้เตรียมโต้ตอบเต็มอัตราศึก

ไป๋ฮิตูที่เคยมีหน้าที่คอยป้องกันฉือชิงและครอบครัวของซูจิ้งนั้นในอตนนี้ได้มายืนเคียงข้างซูจิ้งพร้อมทั้งมีสแตนด์สายฟ้าของหลัวฉือหลินที่มายืนขนาบอีกข้างหนึ่งเตรียมพร้อมรบเช่นเดียวกัน
ซงจุ่นฮ่าวได้สบถออกมาว่า “หึหึหึ ฉันก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าพี่ใหญ่ของเรานั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เขานั้นทำให้ฉันรู้ได้ก็แล้วกันว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนที่มีความสามารถเหนือมนุษย์อยู่
ลูกพี่ของฉันถามเรื่องของแกมากมายเลยทีเดียวจนทำให้ฉันเขาใจได้ว่าตัวแกนั้นเป็นพวกเหนือมนุษย์เช่นเดียวกัน

ไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมแกนั้นที่มาจากการเป็นเศษขยะแต่นับวันกลับทรงพลังมากยิ่งขึ้นได้ถึงขนาดนี้ ไม่แปลกในเลยจริงๆที่ทำไมฉันนั้นทำอะไรแกไม่ได้เลย การที่ต้องสู้กับการในฐานะมนุษย์ธรรมดานั้นช่างเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ แต่ตอนนี้พวกเราไม่เหมือนเดิมอีกแล้วโว้ย….”

ทั้งซงจุนฮ่าวและโอฉิงซงนั้นหลังจากที่สิ้นสภาพโดยซูจิ้งมานับครั้งไม่ถ้วน ในตอนนี้พวกมันมีความมั่นใจอย่างเต็มสูบราวกับว่าได้รับทักษะที่สุดแสนจะทรงพลังมาเรียบร้อยแล้ว
พวกมันทั้งแปดคนได้ทำการรุมล้อมซูจิ้งในทันทีก่อนที่จะปลดปล่อยไอปีศาจออกมา เหล่าผู้คนที่กำลังสับสนอลอ่านหนีตายอยู่นั้น ในตอนนี้กลับหยุดนิ่งไม่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้สักก้าวเดียว สายตาของทุกคนเหม่อลอยและกลอกกลิ้งไปมาราวกับเป็นลูกตาปลอมพร้อมร่างกายที่สั่นราวกับถูกเข้าทรง แม้แต่หน่วยรักษาความปลอดภับที่ถูกส่งเข้ามาจัดการสถานะการก็มีสภาพไม่ต่างกัน

ในตอนนี้เอง กลิ่นไอปีศาจได้ไหลออกมาจากร่างของเหล่าผู้คนที่เกิดอาการ นี่คนผลมาจากลำแสงชะระล้างจากเหรียญตราเทวฑูตของซูจิ้ง แต่ถึงแม้ผู้คนเหล่านี้จะได้รับการชำระล้างและขับไล่ไอปีศาจออกไปได้แต่ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของพวกเขานั้นจะได้รับผลกระทบไปไม่น้อยจนยากจะฟื้นคืนทีเดียว

“ระยำ” ซูจิ้งหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ผู้คนที่ยังเหลืออยู่นี้มีบางคนเป็นแฟนคลับขั้นเทพของเขาแน่นอนว่าซูจิ้งนั้นย่อมห่วงใยคนเหล่านี้เพียงรองจากครอบครัว คนสนิทและ เพื่อนๆของเขาเท่านั้น
“ฆ่า” ซูจิ้งออกคำสั่งในทันที สแตนด์สายฟ้าได้พุ่งเข้าไปประชิดราวกับสายฟ้าและหมายที่จะต่อยอัดโอฉิงซงไปเต็มแรง
อย่างไรก็ตาม โอฉิงซงนั้นราวกับสัมผัสได้ มันได้ใช้ฝ่ามือที่มีไอสีดำล้อมรอบทำการหยุดการโจมตีนั้นไป ไป๋ฮิตูที่เห็นเองก็ได้โจมตีด้วยเช่นกัน เขาได้ปล่อยแสตนด์หมายที่จะเสียบชายชาวแอฟริกันที่ยืนอยู่ด้ยดาบปลายปืน แต่ชายชาวแอฟริกันคนนั้นกลับว่องไวอย่างมาก มันได้ใช้มือที่มีไอปีศาจตั้งท่ารับและจับดาบปลายปืนเอาไว้ได้ด้วยมือเปล่า

“ก็อย่างที่พวกเราบอกล่ะนะว่าพวกเรานั้นก็เป็นพวกเหนือมนุษย์เหมือนกัน” ซงจุนฮ่าวสบถออกมา ด้วยความเร็วประดุจเสือชีต้า มันพุ่งเขาใส่ซูจิ้งและโจมตีไปที่หน้าอกของซูจิ้งในทันที
“ปัง” ทันทีที่สิ้นเสียง หมดของซงจุนฮ่าวนั้นหยุดอยู่กับที่กลางอากาศ ซูจิ้งได้ยื่นมือของตัวเองไปจับหมัดนั้นอย่างรวดเร็วนี่ทำให้ซงจุนฮ่าวนั้นหน้าถอดสีไปเล็กน้อย

มันพยายามที่จะดึงมือตัวเองออกมาจากมือของซูจิ้ง แต่นั่นทำให้มันรู้สึกได้ว่ามือตัวเองนั้นราวกับติดอยู่ในก้อนหินที่ต่อยทะลุเข้าไปจนยากจะดึงออก
มันได้จ้องมองซูจิ้งด้วยสายตาที่อาฆาตแต่ซูจิ้งนั้นหาได้สนใจมันไม่ ซูจิ้งกำลังมองดูโดยรอบราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

“ทำไมกันว….”ซงจินฮ่าวที่ยังไม่ทันได้พูดจบดี ในตอนนี้มันรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่เกิดขึ้นภายในร่างกายตัวเองที่เกิดจากความหวาดกลัว
มันนั้นถือตัวเองว่าได้ลูกพี่ที่สุดแสนจะมหัศจรรย์มาช่วยเหลือจนหลุดออกมาจากคุกจิตเวชได้ แถมยังมอบพลังเหนือมนุษย์ให้กับมันอีกจึงทำให้มันเข้าใจได้ว่าทำไมตัวเองนั้นจึงไม่สามารถสู้ซูจิ้งได้

และด้วยการที่ได้รับพลังเหนือมนุษย์มานี้นั้นทำให้มันมั่นใจได้ว่าตัวเองนั้นจะจัดการซูจิ้งได้เพราะพลังของมันนั้นทำได้แม้แตะทั่งตัดหินผาด้วยมือเปล่า มันเชื่อมั่นว่าตัวเองก็กลายเป็นพวกเหนือมนุษย์ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อมันฆ่าซูจิ้งได้และคอยติดตามลูกพี่ของมันไปเรื่อยๆล่ะก็ ไม่นานมันจะเป็นผู้ควบคุมโลกนี้อย่างแน่นอน และซูจิ้งจะเป็นเพียงก้อนหินที่มันจะได้ขึ้นไปเหยียบย่ำโลกใบนี้

อย่างไรก็ตาม เพียงหมัดเดียวนี้มันกลับบังเกิดความรู้สึกราวกับพึ่งจะปีนสวรรค์แต่กลับโดนถีบสู่นรกอเวจีในทันที หมัดที่สามารถผ่าหินผาได้แต่กลับโดนซูจิ้งจับเอาไว้โดยไม่สามารถขยับเลยแม้แต่น้อย ฉากนี้ช่างแตกต่างจากสิ่งที่มันนั้นจินตนาการไว้อย่างมาก
ในตอนนี้ซงจุนฮ่าวนั้นได้ตั้งฝ่ามือให้กลายเป็นมือดาบก่อนที่จะสับไปยังคอของซูจิ้งเพื่อที่จะพยายามดิ้นให้หลุดจากซูจิ้งให้จงได้

อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งนั้นรวดเร็วกว่า เขาได้ต่อยสวนมือดาบของโอฉิงหยุนไปด้วยท่าทีธรรมดาแต่กลับแผงไว้ด้วยกลิ่นอายของกระบวนท่าที่หนึ่งในตำราวิถีมังกร ตราประทับมังกร
ทันทีที่สิ้นเสียงดังสนั่น อกของซงจุนฮ่าวนั้นยุบตัวลงราวกับโดนค้อนทุบ หลังของมันนั้นโค้งงอจนทำให้เสื้อที่อยู่ด้านหลังนั้นฉีกขาด ยังไม่ต้องพูดถึงสภาพในตอนนี้ที่มันนั้นโดนซัดกระเด็นจนจมฝังเข้าไปในกำแพงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซงจุ่นฮ่าวนั้นราวกับพึ่งเข้าใจได้ว่าตัวเองนั้นโดนต่อยอย่างรุนแรง มันได้พ่นเลือดออกมาคำโตพร้อมกับสายตาที่สับสนว่าเกิดอะไรขึ้น มันแข็งแกร่งขึ้นเพราะได้รับทักษะเหนือมนุษย์มาแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมซูจิ้งยังแข็งแกร่งกว่ามันได้อีกกัน

“…..ในเมื่อฉันหาไอ้เวรนั่นไม่เจอ….งั้นก็ขอฆ่าพวกแกเลยแล้วกัน” เมื่อสิ้นเสียง ซูจิ้งได้ก้าวเท้าอย่างหนักหน่วงจนเกิดแรงกระแทกมหาศาลและได้พุ่งเข้าใส่ชาวแอฟริกันในทันที
ชาวแอฟริกันที่เห็นดังนั้นทำได้เพียงแค่ตกใจจนหน้าถอดสีเท่านั้น และยังไม่ทันที่จะทำอะไรได้ ซูจิ้ง ก็ได้ตบลงไปบนชายโครงของชายคนนี้ไปหนึ่งที และทำให้ร่างกายของชายคนนี้โค้งงอราวกับกุ้งพร้อมรอยละลิ่วไปอีกคน

ในครั้งนี้ ซูจิ้งไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษอะไรเลย เขาใช้เพียงพละกำลังที่มีพลังราวห้าพันกิโลเท่านั้น อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่รถบรรทุกสักคัน ในตอนนี้ซูจิ้งก็สามารถพลิกมันได้ด้วยมือเปล่า
เมื่อได้ลองดูแล้ว ซูจิ้งก็ไม่ยากจะเสียเวลาอีกต่อไป เขาได้ใช้ตราประทับมังกรใส่คนที่เหลือขนตกตายไปในทันที

หลังจากโอฉิงซงได้เห็นพวกพ้องของตัวเองบินลอยละลิ่วไปทั่วภายในเสี้ยววินั้นก็มีสีหน้าเป็นกังวล แต่ยังไม่ทันที่จะได้สติดี มันก็โดนแสตนด์สายฟ้ากระชากออกมาจากกำแพง และลากไปหาซูจิ้งในทันที
ในตอนนี้ในความคิดของมันนั้นมีเพียงหาวิธีเอาตัวรอดเท่านั้น มันรู้ดีว่าในครั้งนี้มันจบแล้วแต่ก็ยังต้องการจะดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
แต่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น โอฉิงซงก็พบว่าตัวเองมาอยู่ตรงหน้าของซูจิ้งเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่โอฉิงซงจะได้พูดหรือขัดขืนอะไร มันรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นกำลังรอยไปบนอากาศ พร้อมหัวสมองที่ขาวโพลน มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับมันบ้าง

ถึงแม้คนทั้งแปดนี้จะเหนือกว่าไป๋ฮิตูและหลัวฉือหลินอย่างมากและเรียกได้ว่าแกร่งสุดในโลกเลยก็ว่าได้ และพวกมันนั้นไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไป แต่เมื่อเทียบกับซูจิ้งแล้วนั้น คนเหล่านี้ไม่ได้ต่างไปจากขี้เล็บเลยจริงๆ
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก
เสียงแปลกประหลาดราวกับเสียงโครงกระดูกในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ได้ดังขึ้น เหล่าคนทั้งแปดในตอนนี้ที่ก่อนหน้านี้กระเด็นกระดอนไปทั่วพร้อมสภาพที่ไม่เหลือชิ้นดีนั้น อยู่ๆก็ได้ขยับรุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่แปลดประหลาดราวกับหนังซอมบี้ในวันวิปโยกเลยทีเดียว
เหล่ากรรมการและหน่วยรักษาความปลอดภัยที่พึ่งตื่นขึ้นมาเองนั้น อยู่ๆพวกเขาก็ขยับไม่ได้อีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่พวกเขามีอาการสั่นอย่างหนัก และในที่สุดวิญญาณก็ได้หลุดลอออกจากร่างไป