ปรากฏว่า ด้านในไม่มีเสียงตอบกลับมา หลังจากนั้นได้ยินเพียงดังเอี๊ยดอ๊าด รออยู่สักพัก เห็นชายหนุ่มกระโดดขาเดียว มาเปิดประตูห้องนอนบานนี้ออก
สาวใช้:“……”
มองดูใบหน้าหล่อเหลาอยู่นิ่งๆ อย่างคิดไปเอง เหมือนกับมีชายหนุ่มรูปงามมาปรากฏอยู่ด้านหน้าของเธอ เธอมองจนเกิดความหวั่นไหวขึ้นมา
“ไปเอาวีลแชร์ของผมมา”
“……อ๋ออ๋อ ได้ค่ะ”
สาวใช้กระวนกระวายรีบก้มหน้าลง หันหลังกลับไปเอาวีลแชร์มา
หลายวันมาแล้ว มือกับเท้าของแสนรัก ความจริงแล้วดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่า ยังไม่มีแรงมากเท่าไหร่ แผลจากการถูกยิงอยากจะให้หายดีเป็นเหมือนเดิม ก็ไม่ง่ายนัก
แสนรักนั่งลงบนวีลแชร์ นั่งลิฟต์ลงไปแล้ว
“สวัสดีตอนเช้าครับ คุณชายเล็ก!”
“คุณชายเล็ก อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เมื่อมาถึงชั้นล่าง เหล่าคนรับใช้ที่รอรับใช้อยู่นานแล้ว ยืนอยู่ในห้องรับแขกอย่างเป็นระเบียบทักทายสวัสดีตอนเช้ากับเขา
อีกทั้งอาหารเช้า ก็เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วอย่างตั้งอกตั้งใจ อาหารจีนอาหารฝรั่งต่างก็มี
แสนรักถูกเข็นเข้ามา
เดิมทีเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันเรื่องหนึ่ง แต่ว่าเมื่อเขามานั่งอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะอาหาร หลังจากนั้นสาวใช้ก็ใส่ถุงมือแล้วนำถ้วยกับตะเกียบมาวางด้านหน้าของเขา เขามองไปยังอาหารเช้าที่ตระการตาไปหมด และในวินาทีนั้น
เขานึกถึงอาหารเช้าของเมื่อวานนี้
“คุณชายเล็ก นี่คือบะหมี่ไข่ นี่คือโจ๊กเนื้อ และก็ยังมีนมสดที่พึ่งจะรินออกมา กับแซนด์วิชที่พึ่งจะอบเสร็จ คุณอยากจะลองทานอันไหนดีคะ”
สาวใช้ถามออกไปอย่างรักษากฎมารยาทและให้ความเคารพต่อเขาเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการในการแนะนำ หรือว่าวิธีการที่ใช้มือแตะจานถ้วยเหล่านั้น ต่างไม่ได้แตะต้องในส่วนที่เขาต้องห้าม
แต่ว่า แสนรักกลับมีความไม่อยากอาหารขึ้นมาอย่างกะทันหัน ความหงุดหงิดออกมาจากภายในใจของเขา เขากลับหลังหันแล้วออกจากโต๊ะอาหารไป
“คุณชายเล็ก?”
“ยกน้ำเปล่ามายังสวนดอกไม้ด้านหลัง ผมจะฝึกการเดิน!”ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขุ่นเคืองขึ้นมา พูดออกมาอย่างเย็นชา
หลังจากนั้นไม่กี่นาที สาวใช้ก็ยกน้ำเปล่าหนึ่งแก้วเข้ามา หลังจากนั้น คนคนนี้ก็กำลังฝึกขาของเขา รวมถึงไหล่ทั้งสองข้างของเขา ทำให้เหงื่อไหลออกมามากมาย
ในตอนที่ไชยันต์พาคนเข้ามา ได้เห็น ฉากแบบนี้
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่กำลังร้อนแผดเผา ในสวนดอกไม้ด้านหลังนี้อุณหภูมิสูงขึ้นจนจะเผาคนได้อยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มคนนี้ยังคงยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายอย่างแข็งขัน ออกกำลังกายที่ขาที่ได้รับบาดเจ็บของเขา
ส่วนไหล่ของเขานั้น ในมือทั้งสองถือดัมเบลเอาไว้ยังไม่หยุดพัก
ทั้งร่าง พยายามอย่างหนักเหมือนกับว่าพึ่งถูกยกออกมาจากน้ำ
“คุณท่าน คุณดูสิ ผมบอกแล้ว คุณชายเล็กนั้นเขาว่าง่ายมาก ในกระดูกของเขายังเหลือเลือดของคุณชายอยู่ จะปล่อยให้ตัวเองยอมแพ้ไปได้อย่างไร”
หลังจากที่พ่อบ้านสินที่อยู่ด้านข้างได้เห็นแล้ว ทันใดจึงยิ้มออกมาแล้วชื่นชมออกมาหนึ่งประโยค
ไชยันต์ได้ยินแล้ว ภายในใจก็รู้สึกว่าไม่เลวทีเดียว แต่ปากยังพูดออกมาว่า:“หึม!รักษาจนหายแล้วค่อยมาจัดการผมทีหลังน่ะเหรอ”
ตาสิน:“……”
โอ้ย!
ตาแก่คนนี้ ทำไมเป็นแบบนี้
ตาสินเดินตามคุณท่านออกไปแล้ว กำลังคิดว่าจะพูดอะไรดีๆให้คุณชายเล็กสักหน่อย ทันใดนั้น ก็มีสาวใช้เข้ามาจากด้านนอก
“คุณท่าน ด้านนอกคุณแม่ของคุณชายม็อกโกมาค่ะ จะให้เธอเข้ามาไหมคะ”
“เธอมาทำไม”
ไชยันต์ได้ยินว่าเป็นลูกสะใภ้ ทันใดสีหน้าก็ไม่ค่อยดีขึ้นมา
สาวใช้รีบอธิบาย:“เหมือนกับว่าถือข้าวของบางอย่างมา อ๋อใช่แล้วค่ะ ยังพาหลานสาวของเธอมาด้วย คนที่ทำกับข้าวเก่งๆคนนั้น”
เป็นเธอ?
ตาสินที่อยู่ด้านข้างได้ยินแล้ว ดวงตาทั้งสองก็เบิกกว้างขึ้นมา:“คุณท่าน ใช่คนที่ไวท์ พาเลซจัดงานเลี้ยงระดับประเทศแล้วเชิญไปทำอาหารบ่อยๆคนนั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นเธอละก็ วันนี้ให้เธอมาทำอาหารให้คุณสักมื้อก็ได้นะ”
ตาสินคนนี้ พูดตรงไปตรงมาจริงๆ
แต่ว่า หลังจากที่ไชยันต์ได้ยินเขาเตือนขึ้นมา นึกถึงฝีมือของเด็กคนนั้น ก็ทำให้คนหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว
สุดท้ายแล้ว เขาจึงให้คนปล่อยพวกเขาเข้ามา
“คุณพ่อ คุณลงมาแล้วจริงๆด้วย เมื่อสักครู่ตอนที่อยู่ที่เรด พาวิเลี่ยนได้ยินไชกุพูดขึ้นมา ยังไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่”มินตราพาหลานสาวเข้ามาแล้ว มองเห็นพ่อสามีคนนี้ ทันใดก็สรรหาคำดีๆพูดออกมาประจบ
เธอคนนี้ เพื่อจะรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ เป็นแบบนี้มาตลอด
ไชยันต์มองไปที่เธออย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ:“มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ พอดีว่าขวัญเด็กคนนี้กลับมาพอดี ฉันนึกได้ว่าคุณพ่อคุณชอบทานอาหารที่เธอทำ จึงพาเธอมาแล้ว ช่วงนี้เธออยู่ที่ไวท์ พาเลซก็ยุ่งมากจนแทบจะปลีกตัวออกมาไม่ได้ ยากมากที่จะได้กลับมาสักครั้ง”
ปรากฏว่าผู้หญิงคนนี้ดันตัวหลานสาวที่อยู่ด้านหลังตัวเองออกมา
ขวัญเมือง เป็นเชฟที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง เธออายุไม่มาก แต่ว่าฝีมือนั้น ยอดเยี่ยมมากจนได้รับการยอมรับจากไวท์ พาเลซแล้ว หลายปีมานี้ ขอแค่มีงานเลี้ยงระดับประเทศ ต่างเป็นเธอที่เป็นเชฟหลัก
“คุณปู่ไชยันต์ สวัสดีค่ะ ไม่ได้พบกันเสียนาน สบายดีไหมคะ”
ขวัญเมืองมาอยู่ต่อหน้าของไชยันต์คนนี้ ก็รู้ความเป็นอย่างมากถามออกมาหนึ่งประโยค
ไชยันต์ได้เห็นแล้ว
เด็กสาวคนนี้ ความจริงแล้วก็หน้าตาใช้ได้ ไม่ได้ตั้งใจแต่งหน้าจนจัดจ้าน การแต่งหน้าแต่งตัวของเธอ ต่างก็สวยสดงดงาม อีกทั้งน่าจะเป็นเพราะว่าได้เข้าร่วมงานเลี้ยงระดับประเทศบ่อยๆ ได้พบปะกับผู้คนชั้นสูง จึงทำให้สง่างามและรู้จักกาลเทศะ
ไชยันต์มองอย่างพออกพอใจ:“ก็ไม่เลว ก็ค่อนข้างคิดถึงฝีมือการทำอาหารของเด็กน้อยคนนี้”