ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 671 สิบสองลมหายใจ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ไม่มีคนดูอยู่ด้านข้างคอยเติมเต็มความภาคภูมิใจจอมปลอมของตนอย่างเต็มเปี่ยม เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเสียดายอยู่หลายส่วน

ทว่าสงครามนี้ สิ่งที่เขาคิดใช้มีความลับอยู่ค่อนข้างเยอะ

เพื่อแผนการระยะยาว มีเพียงแต่สองฝ่ายสู้กันโดยไม่มีมือที่สาม จะสมเจตนายิ่งกว่า

วังฝูงมังกรโผล่ขึ้นเหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ ประตูวังเปิดอ้าออกอย่างสะเทือนเลือนลั่น ก่อนจะมีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากด้านใน

คนผู้นั้นสวมอาภรณ์สีขาว เสื้อคลุมสีน้ำเงินเหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอ ขอบเสื้อคลุมขลิบขอบดำ มัดผมเป็นหางม้า

ดาบยาวสีดำในมือเฟิงอวิ๋นเซิงออกจากฝัก

ครั้นเห็นคมดาบสีดำที่ไร้ประกายแม้แต่น้อย ตาสองข้างของหนงอวี่ซวนก็ลุกวาว “ดาบราหูเหลือซากไว้จริงๆ!”

ที่เสียท่าเมื่อครั้งพิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือกก็เป็นเพราะดาบเล่มนี้ บัดนี้ในดวงตาของเขามีทั้งความเคียดแค้นและความเร่าร้อน “ประเสริฐ! ประเสริฐนัก! เมื่อได้ดาบนี้มา จะสามารถทำให้อานุภาพของดาบราหูปรากฏขึ้นโดยสมบูรณ์ได้”

“สามของวิเศษที่ยิ่งใหญ่ของพระจันทร์ พระอาทิตย์ พระราหู จะกลายเป็นของสำนักเราทั้งหมด!”

กลิ่นอายมารเพลิงทมิฬอันน่ากลัวรอบๆ ร่างของหนงอวี่ซวนมีสภาวะเทียมฟ้า

แต่ว่าบนตัวเขากลับมีดวงอาทิตย์สีทองสว่างขึ้น สะท้อนแสงใส่ปราณดาบแสงทมิฬอันน่าสะพรึงนั้น

แสงสว่างของพระอาทิตย์กับพลังแห่งการกลืนอาทิตย์ ประกอบกันเป็นการปะทะกัน และทำลายซึ่งกันและกัน แต่ว่าในตอนปะทะกัน กลับเกิดเป็นพลังน่ากลัวกว่าเดิม

หนงอวี่ซวนในนาทีนี้ ถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าเฉิงซงกับจางเชาที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น

สายตาของหนงอวี่ซวนเย็นชานัก “ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะมีซากดาบราหู แต่ไม่อาจส่งผลกระทบต่อข้าแม้แต่นิดเดียว”

ขณะที่พูด หนงอวี่ซวนวูบไหวท่าร่าง พุ่งเข้ามาหาเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่ร่วมทางกับเขา ยามนี้ล้อมวงเข้ามาเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเบาๆ คำหนึ่ง ก่อนจะส่งกระแสเสียง “อวิ๋นเซิง สิบสองลมหายใจ จำไว้ด้วย”

เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็เปลี่ยนแปลง

แสงสว่างสีฟ้าอ่อนโผล่ขึ้นจากด้านใน ม่านตาทั้งสองข้างของเฟิงอวิ๋นเซิงเปลี่ยนเป็นสีฟ้าในชั่วพริบตา กลิ่นอายที่แข็งแกร่งแต่เย็นเยือกแผ่ออกมาจากด้านใน

เหมือนกับอาทิตย์ยะเยือกสีฟ้าสองดวงลอยขึ้นในดวงตานาง สาดแสงไปทั่วฟ้าดิน

บนตัวดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกสีดำขลับ ลวดลายแสงสีฟ้าที่ลี้ลับงดงามหลายสายสว่างขึ้น กระจายไปทั่วทุกส่วนตั้งแต่คมดาบไปถึงด้ามดาบ

พลังที่เย็นยะเยียบแต่ยิ่งใหญ่ ทรงพลังและน่าสะพรึงพลันสะท้อนออกมา ทำให้ทุกคนตกตะลึง

หนงอวี่ซวนมองดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกในมือเฟิงอวิ๋นเซิงด้วยความประหลาดใจ

หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงเลื่อนเป็นระดับมหาปรมาจารย์ ดาบเล่มนี้ก็เติบโตขึ้นเป็นอาวุธวิญญาณชั้นต่ำด้วยตัวเอง

ยามปกติดูธรรมดา แต่ว่าตอนนี้กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมา กลับเหนือกว่าอาวุธวิญญาณเป็นอย่างมาก

พลังแห่งอาทิตย์ยะเยือกมากกว่าแปดส่วนจากผลลัพธ์ของพิธีกรรม ถูกเฟิงอวิ๋นเซิงกับดาบเล่มนี้ดูดซับ ยังไม่ทันหลอมเปลี่ยนโดยสมบูรณ์ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพหลับไหล ค่อยๆ ถูกดูดซับและหลอมเปลี่ยน

ทว่าลักษณะพิเศษของเฟิงอวิ๋นเซิงกับดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก ทำให้พลังแห่งอาทิตย์ยะเยือกอันแสนอันตรายนี้ หลังจากผสมกับปราณดาบแสงทมิฬปริมาณน้อยที่ดาบยาวให้กำเนิดแล้ว ก็ก่อเกิดเป็นความพิเศษที่เหนือความคาดหมายของคนทุกคน

เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าไร้อารมณ์ ในดวงตาที่เหมือนกับอาทิตย์ยะเยือกอันเย็นยะเยียบสองดวง เหมือนกับสูญเสียอารมณ์ของที่มนุษย์ควรจะมีไป

นางชูดาบขึ้น สืบเท้าออกหนึ่งก้าว

ลมหายใจแรก

หญิงสาวดันดาบออก แสงสว่างสีฟ้าแผ่กระจายทั่วฟ้าดิน เหมือนกับอาทิตย์ยะเยือกสีฟ้าดวงหนึ่งลอยกลางหาว สาดส่องไปทั่วหล้า

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่ล้อมเข้ามา จิตใจเกิดความเย็นเยียบและความวังเวง

สภาวะดาบที่รุนแรงและบ้าคลั่งแหวกฟ้าดิน ทำให้ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้ประกายอันคมกล้าของมัน!

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างทั้งหมดใบหน้าปรากฏความตื่นตระหนก

เมื่อรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังแข็งแกร่ง จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่เข้าร่วมการล้อมสังหารในครั้งนี้ที่อยู่ในบริเวณรอบๆ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ กอปรกับมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ

แกนกลางที่แท้จริง ล้วนเป็นยอดฝีมือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ในกลุ่มยังมียอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้ายเหมือนกับหนงอวี่ซวนอยู่ด้วย

แต่ว่าดาบแสงสว่างที่ฝ่าท้องฟ้าฟันผืนดินตรงหน้าเพียงดาบเดียว กลับทำให้ทุกคนไม่อาจหลบหลีกความคมกล้าของมันได้ชั่วคราว

หนงอวี่ซวนแค่นเสียง สืบเท้าขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง มือซ้ายเป็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์สีทอง มือขวาคือปราณดาบเพลิงทมิฬสีดำ ประสานการโจมตีทั้งซ้ายและขวา

พลังการระเบิดพลันหยุดสภาวะดาบของเฟิงอวิ๋นเซิง ทั้งยังโต้ตอบกลับ

ลมหายใจที่สอง

สายตาของเฟิงอวิ๋นเซิงเย็นเยียบไร้อารมณ์

นางไม่มองคนอื่นแม้แต่น้อย เป้าหมายของนางคือหนงอวี่ซวนที่อยู่ด้านหน้า

ต่อให้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งและน่ากลัวกว่าเดิมหลังจากหลอมปราณดาบแสงทมิฬได้แล้ว

ต่อให้ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกในตอนนี้ไม่อาจสะกดหนงอวี่ซวนได้

ต่อให้ตนในตอนนี้ไม่อาจสู้อีกฝ่ายได้ อีกทั้งแสงอาทิตย์และแสงสีดำอันน่าสะพรึงตรงหน้าม้วนพัดเข้าหาตนเหมือนกับคลื่นคลั่ง

มือที่กระชับดาบของเฟิงอวิ๋นเซิงก็ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย ฝีเท้าไม่มีถอยหลัง ยังคงสาวไปด้านหน้าพร้อมกับโบกดาบ

ที่ด้านหลังนาง เยี่ยนจ้าวเกอออกหมัดในเวลาเดียวกัน

ครั้นหมัดนี้พอต่อยออก พลันมีแสงสว่าง ความร้อน และพลังงานไร้สิ้นสุด รวมกันที่ปลายกำปั้นของชายหนุ่ม

ตราประทับสีทองอันหนึ่งโผล่ขึ้นกลางอากาศ ปกคลุมท้องฟ้า สาดแสงไปทั่วสิบทิศ

ราวกับว่าดวงอาทิตย์ของจริงได้ตกลงมายังทะเลหวงเจีย บนโลกซ้อนโลกแห่งนี้

เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ตราประทับตะวัน!

ผ่านไปแล้วหนึ่งปี ตราประทับตะวันปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอสั่งความคิด ตราประทับสีทองเหมือนกับดวงอาทิตย์ตกดิน พุ่งใส่ศีรษะของหนงอวี่ซวน!

เมื่อเห็นว่าตราประทับตะวันอยู่บนตัวเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ หนงอวี่ซวนก็รู้สึกยินดี จากนั้นก็ประหลาดใจ

ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสู้กับเฉิงซง ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้ตราประทับตะวัน เขาอาศัยอะไรถึงตัดสินใจเช่นนี้?

ลมหายใจที่สาม

ไม่รอให้หนงอวี่ซวนคิดอย่างละเอียด ดวงอาทิตย์อันเจิดจริศพุ่งเข้ามาหา ทำให้ปราณดาบแสงทมิฬรอบตัวเขาดับลงหลายส่วน

หนงอวี่ซวนไม่กล้าชักช้า ปล่อยปราณดาบแสงทมิฬที่สามารถใช้ได้อย่างอิสระในตอนนี้ออกด้านนอกทั้งหมด เกิดเป็นคมดาบคลุมฟ้า พาดผ่านท้องนภา

คมดาบอันน่ากลัวทำลายดวงอาทิตย์ ทำลายดวงจันทร์ ปะทะกับดวงอาทิตย์อันเจิดจรัสนั้น

ไม่มีเสียง ไม่มีคลื่น เห็นเพียงแสงอาทิตย์ริมหรี่ลงอย่างต่อเนื่อง แสงทมิฬสลายไม่หยุด

ฟ้าดินรอบๆ ต่างพังทลายพร้อมกันอย่างไร้สุ้มเสียง

เฟิงอวิ๋นเซิงฝีเท้าไม่หยุดลง สภาวะดาบยิ่งใหญ่ดุจมังกร ฟันประกายดาบสีฟ้าใส่หนงอวี่ซวนต่ออย่างดุดัน!

หนงอวี่ซวนแค่นเสียง ใช้ปราณดาบแสงทมิฬหยุดตราประทับตะวัน จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือยกดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เข้าปะทะเฟิงอวิ๋นเซิง

ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หมุนเวียน กระแทกพลังอาทิตย์ย้อนที่น่าสะพรึง ทั้งสองฝ่ายทำให้มิติบิดเบี้ยว

ครั้นไม่มีปราณดาบแสงทมิฬ พลังของหนงอวี่ซวนก็กลับคืนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามเหมือนเดิม

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็เป็นผู้โดดเด่นท่ามกลางจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ในระดับเดียวกัน!

เฟิงอวิ๋นเซิงสายตาตั้งมั่น พริบตาเดียวออกท่าทางร้อยพันดาบ ดวงตาสีฟ้าครอบคลุมฟ้าดิน

ลมหายใจที่สี่ ลมหายใจที่ห้า ลมหายใจที่หก…

เวลาไหลไปอย่างรวดเร็ว เฟิงอวิ๋นเซิงออกดาบอย่างแกร่งกร้าวดุจมังกร ชิงโจมตีอย่างว่องไว ไม่เห็นแววลังเลและถอยหนีแม้แต่น้อย

ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันหยุดปราณดาบแสงทมิฬของหนงอวี่ซวนแล้ว กลับไม่ได้สนใจหนงอวี่ซวนอีก

เขาเดินเข้าไปหาจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่เหลือ

เยี่ยนจ้าวเกอในนาทีนี้ ไม่ได้ถือของวิเศษอย่างอื่นอีก มีเพียงดาบรุ้งพร่างพราวเล่มเดียวในมือ

ชายหนุ่มถือกระบี่เล่มหนึ่งตัวคนเดียวเดินอยู่ระหว่างฟ้าดิน แสงสว่างไหลเวียนบนศีรษะของเขา ประกับกันเป็นรูปญาณวรยุทธ์

รูปญาณวรยุทธ์ของเขาในตอนนนี้ กลับเป็นกระบี่เล่มหนึ่งลอยอยู่กลางหาาว

ปราณกระบี่กระเพื่อม น่ากลัวไร้สิ่งใดเทียม

ไม่เห็นแสงวิญญาณ ไม่เห็นร่องรอยของวิชา มีเพียงการทำลาย ความอ้างว้าง การเข่นฆ่า คงอยู่ในตอนนี้ไม่สิ้นสุด