ตอนที่ 988 ความอบอุ่นในฤดูหนาว

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 988 ความอบอุ่นในฤดูหนาว

รัชสมัยเทียนเต๋อปีที่สาม วันที่แปด เดือนสิบสอง เทศกาลล่าปา1

หิมะตกหนักปกคลุมเมืองกวนหยุน ประตูสีแดงเข้มของจวนโหยวเซียนจือเสนาบดีกรมคลังถูกเปิดออกจนเกิดเสียงดังเอี๊ยด

ปรากฏคุณหนูนางหนึ่งสวมเสื้อขนสัตว์สีขาวดั่งหิมะเดินออกมาจากประตูบานนั้น พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาที่กว้างใหญ่ไพศาล

ด้านหลังของนางมีสาวใช้ที่สวมกระโปรงลายดอกไม้คอยเดินตาม โดยมือข้างหนึ่งถืออาหารและอีกข้างถือร่มกระดาษลายดอกไม้เอาไว้

นางยืนอยู่ด้านหลังของคุณหนูพร้อมกับร่มกระดาษลายดอกไม้ที่ยื่นไปบังหิมะให้กับเจ้านาย บนใบหน้าของนางมีความกังวลปรากฎออกมาให้เห็นเล็กน้อย เมื่อมองแผ่นหลังของคุณหนู…

นายท่านเอ่ยว่าจะให้คุณหนูแต่งงานกับท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋ยู่เหลียน

นี่ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเสียทีเดียว

เนื่องจากชื่อเสียงของท่านแม่ทัพไป๋ยู่เหลียนได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองกวนหยุนแล้ว

เขาเป็นคนสนิทขององค์จักรพรรดิ ทั้งยังเป็นผู้ที่ฝึกฝนเหล่าทหารที่แสนเก่งกาจจำนวนมากมายให้แก่จักรพรรดิ อีกทั้งยังได้นำทหารเรือไปสู้รบจนได้รับชัยชนะคราใหญ่ นอกจากนี้ยังนำกองทัพเรือไปแย่งชิงสมบัติของศัตรูกลับมาอีกด้วย

ทราบข่าวมาว่าฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้ท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋ยู่เหลียนเป็นผู้บัญชาการสามเหล่าทัพ… บัดนี้เขาอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น ทว่าก็ได้อยู่ในตำแหน่งสูงสุดแล้ว เขาต้องเป็นผู้ที่มีอนาคตรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน

ทว่าคุณหนูกลับมิเห็นด้วยกับเรื่องนี้ !

คุณหนูโหยวซีเฟิ่งเริ่มอ่านบทกวีตั้งแต่เยาว์วัย ดังนั้นบุรุษที่อยู่ในใจของคุณหนูจึงมิใช่ท่านแม่ทัพที่เก่งกาจ แต่เป็นคนที่ช่วยองค์จักรพรรดิปกครองประเทศด้วยความสามารถ…อย่างเช่น หยุนซีเหยียนหัวหน้ากรมการค้า !

แต่ก็มิรู้ว่าความรู้สึกนี้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด หรือจะเป็นเหตุการณ์ตอนอยู่บนหอหลิวหยุน ณ หลิวหยุนถาย ที่คุณหนูและใต้เท้าหยุนเดินสวนกันแล้วหันกลับมาสบตากันคราแรก

ตั้งแต่นั้นมาคุณหนูก็ราวกับคนโง่งมที่ลอบยิ้มตลอดเวลาและมิรู้ว่านางกำลังยิ้มเรื่องอันใดอยู่กันแน่

หลังจากนั้นคุณหนูก็ได้ไปหาหยุนซีเหยียนที่กรมการค้า ทั้งยังไปทานหม้อไฟด้วยกัน !

จิตใจของคุณหนูร้อนรุ่มดั่งน้ำซุปที่อยู่ในหม้อไฟ นางเริ่มกระตือรือร้นและหลงใหลในตัวหยุนซีเหยียนมากขึ้น โดยเอ่ยว่าชายผู้นี้น่าสนใจมากยิ่งนัก นอกจากเขาแล้ว นางจะมิแต่งงานกับผู้ใดตลอดชีวิต !

ทว่าบัดนี้นายท่านกำลังจะให้คุณหนูแต่งงานกับท่านแม่ทัพไป๋ ส่วนคุณหนูรู้สึกชอบพออยู่กับใต้เท้าหยุน… ใต้เท้าหยุนก็มิธรรมดาเช่นกัน เขาเองก็เป็นผู้ที่มาจากราชวงศ์หยูเหมือนกันกับฝ่าบาท เขาเพิ่งอายุ 23 ปีก็ได้เป็นขุนนางขั้นสามแล้ว และฝ่าบาทยังทรงวางพระทัยให้เขาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญอีกด้วย

เมื่อคืนที่ผ่านมานายท่านและคุณหนูมีปากเสียงกันเรื่องนี้ ในที่สุดนายท่านก็ยอมแพ้…เนื่องจากหยุนซีเหยียนไร้ที่ติอย่างแท้จริง

วันนี้เป็นวันขึ้นแปดค่ำเดือนสิบสอง หากผ่านคืนเทศกาลล่าปานี้ไปก็ถือว่าผ่านพ้นไปอีกหนึ่งปีแล้ว คุณหนูเอ่ยว่าจวนของบุรุษผู้นั้นมิมีบ่าวรับใช้เลยสักคน คุณหนูจึงเกิดความสงสารและลงมือทำโจ๊กล่าปาด้วยตนเอง และถือโอกาสที่หิมะตกหนักเยี่ยงนี้นำโจ๊กไปให้บุรุษผู้นั้น…

เสี่ยวหลิงผู้เป็นสาวใช้รู้สึกว่านี่คือชายหนุ่มและหญิงสาวที่ลุ่มหลงในความรักมิต่างจากบทละครงิ้ว

จากนั้นก็มีรถม้าวิ่งออกมาจากด้านข้างของจวนโหยว และได้มาหยุดอยู่เบื้องหน้าประตู โหยวซีเฟิ่งจึงพาเสี่ยวหลิงขึ้นไปนั่งบนรถม้า จากนั้นก็สั่งให้มุ่งหน้าไปยังกรมการค้าทันที

……

……

เป็นเวลาสามวันแล้วที่หยุนซีเหยียนกลับมาจากมณฑลต้าหลี่และเยวี่ยซานทั้งสี่

เมื่อวานเขาเดินทางเข้าวังหลวงเพื่อสนทนากับฝ่าบาทนานสองนานในห้องทรงพระอักษร ฝ่าบาทได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับแผนพัฒนาการค้าในมณฑลต้าหลี่และเยวี่ยซานทั้งสี่

นี่คืองานใหญ่และฝ่าบาทก็ทรงให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้มากยิ่งนัก

ในฐานะหัวหน้ากรมการค้า ตามหลักแล้วเขามีหน้าที่ให้คำปรึกษาเรื่องระบบเศรษฐกิจและเป็นมันสมองของฝ่าบาท ดังนั้นเขาต้องมีความรอบคอบที่จะร่างโครงการต่าง ๆ ขึ้นมา… ซึ่งมิใช่การวางกลยุทธด้วยตัวอักษรเพียงเท่านั้น แต่เขาต้องไปเยือนสถานที่นั้นด้วยตนเอง อีกทั้งยังได้แลกเปลี่ยนความคิดกับกงซุนเซ่อและจงสือจี้อีกด้วย

กงซุนเซ่อและจงสือจี้ต่างก็ทุ่มกำลังทำงานอย่างหนักในมณฑลต้าหลี่ทั้งสอง หากโครงการนี้ได้รับการอนุมัติจากฝ่าบาท หยุนซีเหยียนก็เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ามณฑลต้าหลี่ทั้งสองและมณฑลเยวี่ยซานทั้งสองจะเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วในปีหน้าอย่างแน่นอน

หยุนซีเหยียนเคยไปเยี่ยมเยียนจ่งตูฝานเทียนหนิงที่ปกครองทั้งสี่มณฑล อดีตองค์ชายสิบสามแห่งแคว้นฝานผู้นั้นมีความรู้ในเรื่องระบบเศรษฐกิจระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาและส่งเสริมระบบเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นตามสภาพจริงของแต่ละพื้นที่อีกด้วย

ในความคิดของหยุนซีเหยียน ฝ่าบาททรงใช้งานได้ถูกคนมากยิ่งนัก การที่ให้ฝานเทียนหนิงดูแลทั้งสี่มณฑล เขากำลังจะนำรางวัลใหญ่มาให้ประเทศต้าเซี่ย

จากนั้นเขาก็มานั่งอยู่ในห้องทำงานที่สำนักงานกรมการค้าแต่เพียงลำพัง โดยมีถ่านที่ติดไฟวางอยู่ในเตาและต้มน้ำชาหนึ่งกาพลางจ้องมองหิมะที่ตกโปรายปรายนอกหน้าต่างอย่างอารมณ์

เขานั่งคิดเรื่องส่วนตัวของตนเอง… ตัวเขาก็อายุมากแล้ว บุตรีของท่านเสนาบดีโหยวเยี่ยงคุณหนูโหยวซีเฝิ่งเป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์เมตตา มีความรู้ มีเหตุผล อีกทั้งยังบังเกิดความคิดและความรู้สึกดี ๆ ร่วมกันอีกด้วย นางรู้จักทำนองคลองธรรม ช่างเป็นสตรีที่ดีและเหมาะสมกับตนมากยิ่งนัก ดูเหมือนต้องให้ท่านพ่อเดินทางมาเจรจาเรื่องการหมั้นหมายกับตระกูลโหยว ณ เมืองกวนหยุนเสียแล้ว

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ประตูห้องทำงานก็เปิดออก จากนั้นก็เห็นโหยวซีเฟิ่งอยู่นอกประตูซึ่งกำลังสะบัดหิมะที่ติดอาภรณ์ออก จากนั้นก็เดินเข้ามาด้านในด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า

หยุนซีเหยียนเผยอยิ้ม จากนั้นโหยวซีเฟิ่งก็สั่งให้เสี่ยวหลิงนำกล่องอาหารไปวางไว้บนโต๊ะน้ำชา “ข้า… ข้า…วันนี้ขึ้นแปดค่ำเดือนสิบสองมิใช่หรือ ? ข้าใคร่ครวญว่าท่านตัวคนเดียวและมิมีสถานที่ให้ไปฉลอง จึง…ตัดสินใจทำโจ๊กด้วยตนเอง ทำไปทำมาก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี ท่านทานตอนที่มันยังร้อนอยู่เถิด”

จิตใจของหยุนซีเหยียนเกิดความรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาทันใด “ซีเฟิ่ง… นั่งลงให้ร่างกายอบอุ่นก่อนเถิด”

จากนั้นโหยวซีเฟิ่งก็นั่งลงอย่างว่าง่าย หยุนซีเหยียนกำลังจะเอ่ยคำว่าขอบคุณ ทว่าสิ่งที่มิคาดคิดก็คือประตูบานนั้นถูกเปิดออกอีกครา… และผู้ที่เดินเข้ามาด้านในคือโจ่งฟางหยวนจากตระกูลโจ่งแห่งหลินจื๋อ รองหัวหน้ากรมการค้าคนใหม่นั่นเอง

โจ่งฟางหยวนมองไปเบื้องหน้า ไอหยา…มามิถูกเวลาหรือนี่ ! ทว่าก็ไร้ทางเลือกเพราะมีคนสำคัญมาจัดการเรื่องจดทะเบียนบริษัทและเรื่องนี้จำเป็นต้องปรึกษาหัวหน้าหยุน

จากนั้นเขาก็ทำความเคารพ ยกยิ้มแล้วเอ่ยออกมาว่า “เรียนท่านใต้เท้าหยุน ข้าน้อยมิได้อยากมารบกวนเวลาส่วนตัวของท่าน… ทว่าเรื่องเป็นเช่นนี้ หลี่จินโต้วผู้ว่าการธนาคารได้เดินทางมาจดทะเบียนบริษัท 8 แห่งด้วยตนเอง ข้าน้อยคิดว่านี่เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ควรเชิญผู้อาวุโสหลี่ขึ้นมาสนทนาและเอ่ยถามถึงสภาพการณ์ว่าน่าเชื่อถือมากเพียงใด ดีหรือไม่ขอรับ ? ”

เมื่อหยุนซีเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงขึ้นมาทันใด เพราะตนรู้จักหลี่จินโต้วผู้นี้เป็นอย่างดี

ท่านผู้ว่าการธนาคารผู้นี้ติดตามฝ่าบาทตั้งแต่ตอนที่อยู่จินหลิง !

เมื่อฝ่าบาททรงเปิดธนาคารซื่อทงสาขาเมืองจินหลิง ก็ได้แต่งตั้งหลี่จินโต้วเป็นหลงจู๊ใหญ่

ธนาคารซื่อทงบัดนี้ได้เลื่อนขั้นเป็นธนาคารเพื่อราษฎรต้าเซี่ยแล้ว กลายเป็นสถาบันการเงินที่สำคัญอย่างยิ่งของประเทศต้าเซี่ย นอกจากนี้บุตรชายสามในสี่ของท่านผู้ว่าการธนาคารก็เป็นผู้ว่าการธนาคารของแต่ละสาขาอีกด้วย และมีหลี่ฉายอดีตหลงจู๊อาวุโสที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรมการค้าประจำเมืองหลวงรองจินหลิง

ขณะนี้ธนาคารเพื่อราษฎรต้าเซี่ยกำลังขยายไปยังทุกเขตของผืนปฐพีและสถาบันการเงินระดับเขตทั้งแปดร้อยเก้าสิบเขตในประเทศต้าเซี่ย จะมีธนาคารเปิดอยู่หลายพันแห่งเลยทีเดียว

แน่นอนว่าตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารเกือบทั้งหมดของธนาคารหลายพันแห่งที่จะก่อตั้งขึ้นมานั้น ล้วนเป็นลูกศิษย์ที่หลี่จินโต้วคัดเลือกมาด้วยตนเองทั้งสิ้น

ดังนั้นจึงมิมีผู้ใดในประเทศต้าเซี่ยดูถูกความสามารถของหลี่จินโต้ว แม้แต่ท่านเสนาบดีใหญ่ทั้งสามก็มิกล้ายืนค้ำหัวท่านอาวุโสหลี่ท่านนี้

โจ่งฟางหยวนเอ่ยว่าท่านผู้ว่าการธนาคารหลี่มาจัดการเรื่องบริษัททั้งแปดแห่งด้วยตนเอง… เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวแทนมาจัดการเรื่องนี้ผ่านคำสั่งของใครบางคน

หากฉลาดสักนิด ย่อมพบว่าผู้ที่สามารถสั่งท่านผู้อาวุโสหลี่ให้มาทำธุระแทนที่กรมการค้าได้นั้น มิจำเป็นต้องคิดให้มากความ ก็รู้ได้เลยทันทีว่าต้องเป็นสมาชิกจากราชวงศ์อย่างแน่นอน

“รีบไปเชิญท่านผู้อาวุโสหลี่เข้ามาเถิด มิได้ ! พวกเราทั้งสองต้องลงไปเชิญด้วยตนเอง ! ”

1เทศกาลล่าปา วันขึ้น 8 ค่ำเดือน 12 เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วก็เตรียมไหว้เทวดาฟ้าดินและบรรพบุรุษ เพื่อขอให้บรรพบุรุษปกป้องรักษาและฟ้าดินประทานโชคลาภ ทำให้อากาศดีฝนตกตามฤดูกาล ในสมัยโบราณก่อนทำการเซ่นไหว้ก็ต้องไปล่าสัตว์มาเป็นเครื่องสังเวย จึงเรียกเดือน 12 ว่าเดือนล่า(腊)ซึ่งหมายถึงเดือนแห่งการล่าสัตว์และพิธีบวงสรวงเทพเจ้าในเดือน 12 ก็คือการล่าสัตว์มาเซ่นไหว้ การเซ่นไหว้เทพเจ้านั้นมีอยู่ 8 องค์ ดังนั้นจึงเรียกว่า “ล่าปา” คำว่า “ปา” ในที่นี้หมายความว่า 8