เทพมรณะทุกคนที่อยู่ในตำหนักดับเซียนนั้นล้วนแล้วแต่มีสถานะที่ลึกลับ และอย่างน้อย ๆ ต้องมีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิทุกคน
แค่ความแข็งแกร่งของระดับการบ่มเพาะขอบเขตมหาจักรพรรดินั้นก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งจนเป็นตัวตนที่อยู่อันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้ว และยิ่งเมื่อรวมกับเคล็ดวิชาของตำหนักดับเซียนเข้าไป เหล่าเทพมรณะทั้งหลายจึงนับว่าเป็นตัวตนที่แทบจะไร้เทียมทาน
ดังนั้นเหล่าเทพมรณะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีใครถูกฆ่าตายสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่การตายของพวกเขาจะมีเพียงแค่การแก่ตายลงไป
แต่แล้วเมื่อหลายหมื่นปีก่อน กลับมีคนผู้หนึ่งที่ฆ่าเทพมรณะหมายเลข 9 ของพวกเขาได้
เหตุการณ์ครั้งนั้น หลิงตู้ฉิงไม่ได้สังหารเทพมรณะหมายเลข 9 เพียงอย่างเดียว แต่หลิงตู้ฉิงกลับตามไปเจอแหล่งกบดานสาขาหนึ่งของตำหนักดับเซียน และทำลายล้างที่นั่นซะจนไม่มีใครเหลือรอดชีวิต ซึ่งมันทำให้เหล่าผู้คนของตำหนักดับเซียนแค้นใจกันเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าตำหนักดับเซียนจะแค้นจนแทบกระอักเลือด แต่ด้วยความแข็งแกร่งอันไร้เทียมทานของหลิงตู้ฉิงในเวลานั้น พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะส่งคนมาแก้แค้น แต่แล้วเมื่อพวกเขาได้ข่าวว่าหลิงตู้ฉิงหายตัวไป พวกเขาจึงลงมือระบายความแค้นกับเทพกระบี่และเหล่าภูตนางฟ้าผีเสื้อทันที
เรื่องราวเหล่านี้สมาชิกทุกคนในตำหนักดับเซียนต่างรู้กันหมดทุกคนโดยเฉพาะเหล่าเทพมรณะทั้งหลาย ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่หยูห้าวหลงจะรู้ในทันทีว่า หลิงตู้ฉิงเป็นใครเมื่อเขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงเคยฆ่าเทพมรณะหมายเลข 9 ไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน
“เป็นเจ้า!” หยูห้าวหลงพูดขึ้นด้วยสีหน้าหดหู่
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครแบบนี้มันก็ยิ่งดีเลย ข้าจะได้ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เอาล่ะ ข้ามีตัวเลือกให้เจ้า 2 ข้อ ข้อแรกคือเจ้าจงร่วมมือกับข้าและบอกตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักดับเซียนมาให้ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดต่อไป ส่วนอีกข้อก็คือหากเจ้าไม่ยอมบอก ข้าจะทรมานเจ้าอย่างช้า ๆ เพื่อเค้นความลับออกมา และจากนั้นข้าจะฆ่าเจ้าโดยที่เจ้าจะไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดใหม่อีกเลย”
หยูห้าวหลงรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก เนื่องจากเขาเคยอ่านเรื่องของหลิงตู้ฉิงในอดีตมาบ้าง ซึ่งมันทำให้เขารู้ดีว่าคนผู้นี้มันเป็นปีศาจที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่มีความรู้สึกใด ๆ ดังนั้นความคิดของเขาในตอนนี้จึงไม่มีคำว่าหนีอยู่ในหัว เขานึกถึงแค่เขาอยากจะตายโดยไม่ต้องทรมานก็เท่านั้น
หยูห้าวหลงครุ่นคิดยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักดับเซียนจริง ๆ แล้วมันอยู่ที่ไหน ข้าเพิ่งได้รับตำแหน่งเทพมรณะมาแค่ 1,000 ปีก็เท่านั้น และทุกครั้งที่มีการพบปะกับเทพมรณะคนอื่น ๆ พวกข้าก็พบกันแต่ในเหวมรณะตามรอยต่อของอาณาเขตต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเทพมรณะคนอื่น ๆ แท้จริงแล้วเป็นใครกันบ้าง”
หลิงตู้ฉิงพ่นลมออกจมูก “นี่ตำหนักดับเซียนของพวกเจ้ามุดหัวกันอยู่แต่ในนรกเหรอยังไงกัน?”
หยูห้าวหลงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับ
เขาจะไปรู้คำตอบของคำถามนี้ได้ยังไงกัน?
หลิงตู้ฉิงจ้องเขม็งไปที่หยูห้าวหลง และพูดต่อ “งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน จงทำสัญญากฎสวรรค์และหาข้อมูลของตำหนักดับเซียนให้กับข้า ข้าไม่ได้มีความแค้นอะไรกับพวกเจ้าที่เป็นมือสังหารสักเท่าไหร่ หากพวกเจ้าไม่มายุแหย่ข้าก่อน ข้าแค่มีความแค้นกับผู้นำของพวกเจ้าก็เท่านั้น อ๋อแล้วอีกอย่าง ทำไมกู่ตงฉิงต้องโจมตีข้าด้วย? มันเป็นเพราะเขาได้ภารกิจมาจากเจ้ารึเปล่า?”
หยูห้าวหลงเงียบไปสักพัก จากนั้นเขาตอบกลับหลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีที่อ่อนลง “การสังหารท่านนั้นเป็นภารกิจที่ถูกส่งต่อมาจากเทพมรณะหมายเลข 7 ซึ่งกู่ตงฉิงนั้นมีความแค้นกับท่านอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบรับภารกิจทันทีและมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้เข้าร่วมกับตำหนักดับเซียนด้วยเช่นกัน”.
“เทพมรณะหมายเลข 7?” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ข้าไม่คิดว่าจะมีใครในตำหนักดับเซียนรู้ว่าแท้จริงแล้วข้าเป็นใครนี่นา ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าคงไม่กล้ามายุแหย่ข้าแบบนี้ หรือไม่อย่างนั้นถ้าจะฆ่าข้า พวกเจ้าก็คงต้องยกกันมาทั้งหมดไปแล้วเพื่อข้าฆ่าให้ตายในทีเดียว จะเป็นไปได้ไหมที่เทพมรณะหมายเลข 7 จะอยู่ในภูมิภาคหนานลี่?”
หลิงตู้ฉิงพยายามจะปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ในเมื่อเทพมรณะหมายเลข 9 อยู่ที่นี่ ดังนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เทพมรณะหมายเลข 7 จะอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ และก่อนหน้านี้เขาก็บังเอิญเห็นว่าฉีหานหยูพบกับมือสังหารของตำหนักดับเซียนในเหวมรณะแถว ๆ เกือบจะถึงภูมิภาคหนานลี่ ดังนั้นเขาจึงเดาว่าเทพมรณะหมายเลข 7 น่าจะต้องอยู่ในภูมิภาคหนานลี่แน่นอน แต่ปัญหาสำคัญก็คือในภูมิภาคหนานลี่นั้นมีสำนักมหาอำนาจอยู่ไม่น้อย ซึ่งมันอาจจะเป็นสำนักไหนก็ได้ที่เทพมรณะหมายเลข 7 แฝงตัวอยู่
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเทพมรณะหมายเลข 7 อยู่ที่ไหน” หยูห้าวหลงส่ายหัว “ข้ารู้เพียงแค่อย่างเดียวก็คือเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ถนัดการใช้สายฟ้า”
“บ่มเพาะเต๋าสายฟ้างั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดทบทวนหารายชื่อของคนที่น่าจะมีโอกาสเป็นเทพมรณะหมายเลข 7
แต่เมื่อเขาคิดไปได้สักพักเขาก็เลิกคิด เนื่องจากในภูมิภาคหนานลี่นั้นมีผู้คนมากมายที่บ่มเพาะเต๋าสายฟ้า
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว จากนั้นเขาพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะค่อย ๆ หาคำตอบนี้เองก็แล้วกัน ว่าแต่สรุปแล้วเจ้าจะตกลงในข้อเสนอของข้าไหม? แต่ถ้าเจ้าไม่ตกลง ข้าก็ยินดีที่จะทำให้เจ้าตายอย่างไม่ทรมานเพราะข้อมูลที่เจ้าให้มาค่อนข้างจะมีประโยชน์พอสมควร”
หยูห้าวหลงรีบพยักหน้าทันที “ข้ายอมรับข้อเสนอ!”
กว่าที่เขาจะสามารถบ่มเพาะมาจนถึงปัจจุบันได้นั้นมันลำบากเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากมีทางรอดหยูห้าวหลงก็ไม่ลังเลที่จะคว้าเอาไว้
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าตอบรับเช่นกัน “เอาล่ะ ถ้างั้นก็เข้ามาลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์ของข้า”
หยูห้าวหลงไม่กล้าที่จะมีความคิดตุกติกแม้แต่น้อย เขารีบลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์ด้วยความโล่งใจทันที ซึ่งในสัญญาที่หลิงตู้ฉิงร่างขึ้นมานั้นมันก็ไม่ได้กดดันอะไรเขาจนเกินไป เขาแค่ต้องเก็บเรื่องราวทั้งหมดของหลิงตู้ฉิงไว้เป็นความลับ และในเวลาเดียวกันเขาเองก็ต้องคอยส่งข้อมูลความลับของตำหนักดับเซียนที่เขาค้นพบให้กับภูเขาฟีนิกซ์ ทะเลชางหมาง หรือไม่ก็มู่หลงหยาน
ข้อตกลงเหล่านี้มันไม่ได้ยากสักเท่าไหร่สำหรับเขา
แต่แน่นอนว่าเขาคงจะไม่กลับไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว เพราะว่าตัวตนของเขาได้ถูกเปิดเผยไปเรียบร้อย
หลังจากลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์เสร็จ หลิงตู้ฉิงก็คลายพลังของง้าวเทวะพินาศที่สถิตอยู่ในบาดแผลของหยูห้าวหลงให้หายไป จากนั้นเขาพูดว่า “ข้าให้เวลาเจ้าหาข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับตำหนักดับเซียน 1,000 ปี หากพ้นจาก 1,000 ปีไปเจ้ายังไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์แบบเป็นชิ้นเป็นอัน ข้าจะเล่นงานเจ้าซะ และอย่าได้คิดว่าจะหนีข้าพ้น ด้วยสัญญากฎสวรรค์ที่เจ้าเพิ่งทำกับข้า มันไม่ยากเลยที่ข้าจะตามหาเจ้าต่อให้เจ้าจะหนีไปจนสุดขอบโลก”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ใช้พนเจรไร้จำกัดกลับไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ในชั่วพริบตา
ทั้งหมดที่หลิงตู้ฉิงทำลงไปในตอนนี้ก็เพราะเขาได้เข้าใจสัจจะธรรมอย่างหนึ่งว่า ในบางครั้งการฆ่ามันก็ไม่ช่วยให้แก้ปัญหาได้
หากเขาฆ่าหยูห้าวหลงไปตอนนี้ แน่นอนว่าปัญหาต่าง ๆ มันก็คงจบลง แต่มันคงจบลงแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะตำหนักดับเซียนก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่สั่นคลอนอะไร เนื่องจากเทพมรณะหมายเลข 9 แค่คนเดียว ตำหนักดับเซียนหาคนอื่นมาแทนได้อยู่แล้ว
ดังนั้นเขาจึงคิดแผนใช้งานหยูห้าวหลงให้ไปหาข้อมูลของตำหนักดับเซียน เพื่อทำลายล้างตำหนักดับเซียนไปในทีเดียวเลย แบบนี้มันถึงจะเป็นทางแก้ไขที่ถูกต้อง
แต่ว่าหลิงตู้ฉิงก็ยังคงข้องใจอยู่ดีว่าใครกันที่อยากจะสังหารเขา?
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงจากไปแล้ว หยูห้าวหลงก็ยิ้มอย่างขมขื่นพลางคิดในใจ หากเขารู้ว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใครตั้งแต่แรก เขาจะไม่มีวันสั่งให้หยูปิงลงมือเด็ดขาด
ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย แต่หยูปิงน่าจะต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถแน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ การกระทำของหลิงตู้ฉิงในตอนนี้มันไม่เห็นจะน่ากลัวเหมือนในตำนานที่เขาได้ยินมา ตอนนี้หลิงตู้ฉิงได้กลายเป็นคนที่พอจะคุยต่อรองด้วยได้ไปแล้ว
แต่แล้วเมื่อเขานึกถึงภารกิจของเขาที่ต้องทำในอนาคต เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความหดหู่ เนื่องจากการที่เขาจะต้องค้นหาความลับว่าเทพมรณะคนอื่น ๆ เป็นใครกันนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย!
หลังจากถอนหายใจอยู่ได้สักพัก หยูห้าวหลงก็ใช้วิชาตัวเบาวายุพริบตาจากไปเพื่อหาที่สงบในการรักษาอาการบาดเจ็บ