บทที่ 720 ควบคุมสำนักอักขระศักดิ์สิทธ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ในขณะนี้หลิงตู้ฉิงได้กลับมาถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว และเวลาที่เขาออกไปจัดการกับหยูห้าวหลงนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ

ส่วนทางด้านเหล่าผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงรู้สึกตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เลย เนื่องจากไม่มีใครในพวกเขาที่เคยคิดมาก่อนว่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะกลายเป็นคนของตำหนักดับเซียน

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกลับมาแล้ว เซียงกวนก็รีบเข้ามาถามทันที “เป็นยังไงบ้าง?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “เขาหนีรอดไปได้”

ในเมื่อหลิงตู้ฉิงต้องการให้หยูห้าวหลงสืบเรื่องของตำหนักดับเซียนให้กับเขา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่หลิงตู้ฉิงจะต้องพูดโกหกว่า หยูห้าวหลงหนีพ้นเงื้อมมือของเขาไปได้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นมีคนของตำหนักดับเซียนแฝงตัวอยู่อีกหรือเปล่า

ถ้าหากในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังมีคนของตำหนักดับเซียนแฝงตัวอยู่อีก เหตุผลที่เขาอ้างไปว่าหยูห้าวหลงหนีไปได้นั้นมันจะทำให้หยูห้าวหลงไม่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยเมื่อเขากลับไปเจอกับพวกตำหนักดับเซียนของเขา

เซียงกวนถอนหายใจ “น่าเสียดายจริง ๆ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ยิ้มอย่างขมขื่นเช่นกัน การที่ตำหนักดับเซียนแฝงตัวมาอยู่ในสำนักของพวกเขาได้แบบนี้และหนีรอดไปได้มันย่อมไม่ใช่เรื่องดี

หลิงตู้ฉิงหันไปจ้องเขม็งที่หยูปิงที่ถูกตรึงร่างอยู่ และพูดว่า “ถึงแม้ว่าหยูห้าวหลงจะหนีรอดไปได้ แต่มันก็ยังมีบางคนที่ต้องจัดการอยู่!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงเหวี่ยงง้าวเทวะพินาศจำลองฟันร่างของหยูปิงจนแยกออกเป็นสองส่วนทันที

ในเมื่อตอนนี้เขามีเทพมรณะเป็นผู้ให้ข้อมูลตำหนักดับเซียนแล้ว มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะเก็บหยูปิงไว้

แต่การฆ่าหยูปิงเช่นนี้มันก็ยิ่งทำให้รอยร้าวในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยิ่งยากที่จะประสานได้ติด

ถึงแม้ว่าหยูปิงจะเข้าร่วมกับตำหนักดับเซียน แต่เขาก็ยังคงเป็นคนของตระกูลหยูอยู่ดี

หลิงตู้ฉิงชี้ไปที่หยูหงเว่ยกับคนอื่น ๆ และพูดว่า “พวกเจ้าทั้งหมดจงมาลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์ และนับจากนี้พวกเจ้าต้องยอมติดตามและเชื่อฟังพ่อตาของข้าโดยไม่มีข้อแม้!”

หยูหงเว่ยตอบกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจทันที “ทำไมข้าจะต้องฟังเจ้าด้วย! เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาสั่งให้ข้าทำนู่นทำนี่?”

“คนตระกูลหยูของเจ้าเป็นสมาชิกของตำหนักดับเซียนถึง 3 คน แถมพวกเขาทุกคนต่างพยายามที่จะสังหารข้าแล้วแบบนี้เจ้ายังกล้าถามข้าอีกเหรอว่าทำไม?” หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจด้วยคว่ามหงุดหงิด “พวกเจ้าตระกูลหยูสร้างความรำคาญให้ข้ามาแล้วหลายต่อหลายรอบ อันที่จริงถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเจ้ายังมีประโยชน์อยู่ ข้าคงฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดไปนานแล้ว เอาล่ะตอนนี้ข้าให้พวกเจ้าเลือก ถ้าหากพวกเจ้าเลือกที่จะไม่ลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์ ข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องฆ่าพวกเจ้าให้ตายให้หมด!”

เนื่องจากขั้วอำนาจหลัก ๆ ในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้นั้นมีอยู่ 3 ขั้วอำนาจ ซึ่งประกอบไปด้วยตระกูลเย่ ตระกูลหยู และตระกูลหาน

หากเขาทำให้ตระกูลหยูยอมสยบต่อเย่ชางคงได้ ในอนาคตตระกูลหานจะไม่มีวันต่อกรกับเย่ชางคงได้อีกต่อไป ซึ่งเขาแน่ใจว่าหลังจากนั้นเขาน่าจะไม่มีปัญหากับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อีก

แต่คำสั่งนี้ไม่เพียงแต่ตระกูลหยูจะไม่พอใจ แต่บรรดาบรรพบุรุษของตระกูลหานก็รู้สึกยอมไม่ได้เหมือนกัน พวกเขารีบโทรจิตถามเซียงกวนในทันที “ไอ้หนุ่มนี่มันเป็นใครกันแน่?”.

เนื่องจากพวกเขาเห็นท่าทีที่เซียงกวนปฏิบัติกับหลิงตู้ฉิง พวกเขาจึงเข้าใจว่าเซียงกวนจะต้องรู้จักหลิงตู้ฉิงแน่นอน

เซียงกวนยิ้มอย่างขมขื่น และโทรจิตตอบกลับทุกคนที่ถามเขาว่า “เขาคือผู้สร้างแดนกระดูกขาว! และข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากลับมาปรากฏตัวได้ยังไง แต่พวกท่านทุกคนน่าจะเข้าใจดีว่าความลับนี้มันสำคัญแค่ไหน ดังนั้นพวกท่านอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ส่วนสถานการณ์ในตอนนี้ข้ามีความคิดเห็นว่าพวกเราควรจะทำตามที่เขาบอก ไม่อย่างนั้นข้าคิดว่าวันนี้สำนักของเราคงจะต้องถูกย้อมไปด้วยเลือด”

บรรดาบรรพบุรุษของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เมื่อได้ยินเช่นนี้ต่างก็พากันรู้สึกตกตะลึง

ในตอนนี้เมื่อพวกเขารู้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร พวกเขาจึงไม่สงสัยในคำพูดของหลิงตู้ฉิงอีกแล้วที่ลั่นวาจาว่าจะฆ่าคนของตระกูลหยูทั้งหมด

พวกเขาแน่ใจว่าถ้าหากตระกูลหยูยังคงดื้อดึงอยู่แบบนี้ หลิงตู้ฉิงจะต้องฆ่าคนตระกูลหยูทั้งหมดแน่นอน และพวกเขาก็คงไม่น่าจะต่อต้านอะไรได้อีกด้วย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ บรรพบุรุษตระกูลหยูผู้หนึ่งก็ตะโกนสั่งหยูหงเว่ยว่า “การกระทำที่ผ่านมาของหยูหงเว่ยได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสคุมกฎของสำนักอีกต่อไป ดังนั้นข้าขอถอดถอนตำแหน่งนี้ของเขาและรวมไปถึงข้าขอสั่งให้สมาชิกตระกูลหยูทุกคนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าขอบเขตราชันจงลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์ เพื่อติดตามเจ้าสำนักเย่ชางคงโดยไม่มีข้อแม้!”

คำพูดของบรรพบุรุษตระกูลหยูทำให้หยูหงเว่ยถึงกับตกตะลึง

ทำไมบรรพบุรุษของเขาถึงได้ไปเข้าข้างคนอื่นแบบนี้?

ไม่เพียงแค่เท่านั้น บรรพบุรุษคนอื่น ๆ ต่างก็แสดงท่าทีเห็นด้วยไปตาม ๆ กันจนหมดทุกคน และสั่งให้คนของตระกูลหยูยอมตกลงในสิ่งที่หลิงตู้ฉิงต้องการ

เมื่อถูกกดดันจากเหล่าบรรพบุรุษแบบนี้ บรรดาผู้คนของตระกูลหยูก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์ทั้งน้ำตา แต่เมื่อพวกเขาอ่านในข้อตกลงของสัญญาแล้วพวกเขาก็โล่งใจกันได้อยู่บ้าง เพราะข้อตกลงในนั้นมันมีแค่พวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของเย่ชางคงโดยไม่มีข้อแม้ และจะต้องไม่ทำการใด ๆ ที่เป็นการทรยศต่อสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์

หลังจากที่ตระกูลหยูลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์เรียบร้อย บรรดาบรรพบุรุษสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายต่างก็พากันแยกย้ายกลับไปปิดด่านเก็บตัวกันเหมือนเดิม ทิ้งไว้แต่เซียงกวนให้คอยรับหน้าหลิงตู้ฉิงต่อไป

สิ่งที่พวกเขาต้องทำหลังจากนี้ก็มีแค่รอถามผลลัพธ์เรื่องราวต่าง ๆ จากเซียงกวนหลังจากนี้ก็พอ

ส่วนทางด้านศิษย์สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ต่างก็พากันแยกย้ายไปด้วยสีหน้าหดหู่เช่นกัน ยกเว่นแต่คนของตระกูลเย่ที่มีสีหน้าเบิกบานอย่างเห็นได้ชัด

พวกเขาทั้งหมดต่างรู้เป็นอย่างดีแล้วว่า นับจากนี้เย่ชางคงจะกลายเป็นตัวตนที่มีอำนาจมากที่สุดในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง เพราะตระกูลหยูในตอนนี้ก็เหมือนกับกลายเป็นตระกูลเย่ไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนทางด้านของเย่ชางคงก็ได้แต่รู้สึกตกตะลึงจนทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่มันพลิกผันอย่างรุนแรงเช่นนี้

มันเป็นไปได้ยังไง?

ทำไมบรรพบุรุษทั้งหลายถึงได้ยอมทำตามที่หลิงตู้ฉิงพูดได้ง่าย ๆ แบบนั้น?

ส่วนหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้เมื่อเขาเห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว เขาก็ไม่สนใจกับเหล่าผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อีก เขาเดินไปหามู่หลงหยานและบอกให้นางถอนค่ายกลออก จากนั้นเขาก็ขอบคุณนางและพาคนในครอบครัวของเขาเดินกลับเข้าไปในเรือนของเย่ชิงเฉิง

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินกลับเข้าไปด้านในเรือนแล้ว มู่หลงหยานและเซียงกวนก็เดินตามหลิงตู้ฉิงเข้าไปด้วยเช่นกัน ยกเว้นแต่เย่ชางคงที่ยังคงต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในสำนัก เขาจึงไม่ได้เดินตามเข้าไปด้านใน

“หยูห้าวหลงหนีไปได้จริง ๆ งั้นเหรอ?” เซียงกวนถามขึ้นด้วยความแคลงใจ “ท่านช่วยบอกข้าได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “เขาไม่ได้หนีไปได้หรอก ข้าเป็นคนปล่อยเขาไปเอง ข้าทำข้อตกลงกับเขาเพื่อให้เขาไปช่วยสืบเรื่องของตำหนักดับเซียนให้กับข้า ซึ่งถ้าหากเขาได้ข้อมูลอะไร เขาจะส่งข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง นับจากนี้พวกเจ้าคิดซะว่าหยูห้าวหลงอยู่ฝั่งเดียวกับเราเถอะ”