ตอนที่ 785 การคัดเลือกของเมืองเทียนยิน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ในขณะที่ฉินอวี้โม่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการคัดเลือกในรอบที่สองซึ่งจะเกิดขึ้นในเมืองเทียนหยวน หานโม่ฉือซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของดินแดนก็กำลังเตรียมตัวเช่นกัน

เนื่องจากเข้าร่วมเป็นสมาชิกของตระกูลเหมียวในเมืองเทียนยิน เขาจึงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการคัดเลือกรอบแรกและเข้าสู่รอบที่สองได้ทันทีซึ่งถือว่าง่ายกว่าฉินอวี้โม่เล็กน้อย

ในการคัดเลือกในรอบของเมืองเทียนยิน ตระกูลเหมียวก็ส่งตัวแทนไปหลายสิบคนซึ่งรวมถึงหานโม่ฉือและเหมียวเจินเจิน

ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา หานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลานี้เด็กสาวนับถือหานโม่ฉือเป็นพี่ชายอย่างแท้จริงและไม่มีความคิดอื่นใดหลงเหลือแม้แต่น้อย

“พี่หาน ทั้งที่ส่งคนไปสืบหาเบาะแสเป็นเวลานานแล้ว ข้าก็ไม่ได้รับข่าวเรื่องพี่สะใภ้เลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสถานที่ที่นางอาศัยอยู่ในตอนนี้คงจะอยู่ไกลกับเรามากจึงไม่ได้เบาะแสใด ๆ แต่พี่หานมั่นใจได้เลยว่าในการแข่งขันคัดเลือกรอบสุดท้ายที่จะเกิดขึ้น ท่านจะได้พบกับพี่สะใภ้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

วันก่อนถึงการคัดเลือกของเมืองเทียนยิน เหมียวเจินเจินแวะมาพบหานโม่ฉือผู้ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมรวมถึงบอกข่าวความคืบหน้าล่าสุด

ทุกวันที่ผ่านมานี้ ตระกูลเหมียวก็ส่งคนออกไปสืบหาข่าวคราวของฉินอวี้โม่ทั่วบริเวณทว่ายังไม่มีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้ขยายวงการค้นหาออกไปยังเมืองใกล้เคียงรอบด้านแล้ว ทว่าการที่ยังไม่ได้เบาะแสเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าฉินอวี้โม่น่าจะไม่ได้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองเทียนยิน เพราะหากฉินอวี้โม่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้จริง ด้วยความโดดเด่นของนางตามคำอธิบายของหานโม่ฉือและด้วยความงามของนางตามภาพวาด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับนาง

“เข้าใจแล้ว การเตรียมตัวของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?”

หานโม่ฉือพยักศีรษะและไม่ได้แปลกใจนัก ดินแดนมหาเทพแห่งนี้กว้างใหญ่กว่าดินแดนเทพมายาหลายเท่าตัว ต่อให้ตระกูลเหมียวมีอิทธิพลที่มากพอสมควร พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะเดินทางหรือสืบข่าวทั่วทั้งดินแดนในเวลาสั้น ๆ ได้ การที่ยังไม่พบเบาะแสของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ถือว่าไม่ผิดจากที่เขาคาดเดาไว้แล้ว

แผนการเดิมของเขาคือการเข้าสู่การคัดเลือกรอบสุดท้ายให้ได้ และเขาเชื่อว่าในตอนนั้นจะต้องได้พบกับสตรีคนรักอย่างแน่นอน

“คงจะไม่มีปัญหาในการผ่านเข้ารอบสุดท้าย”

เหมียวเจินเจินกล่าวพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ ความแข็งแกร่งของนางพัฒนาขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา แม้ไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดจะได้เข้าร่วมสามสำนักและเก้านิกายหรือไม่ นางก็มั่นใจว่าจะได้เข้าร่วมการคัดเลือกในรอบสุดท้ายอย่างแน่นอน

ในการแข่งขันคัดเลือกศิษย์รอบที่สองนี้ เมืองรองแต่ละเมืองจะคัดเลือกจอมยุทธ์ฝีมือดีที่สุดห้าสิบคนแรกไปรวมกันที่เมืองหลักของมณฑลเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกรอบสุดท้ายต่อไป

เมืองเทียนยินมีจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งไม่มากนักและมียอดฝีมือมากพรสวรรค์ในจำนวนน้อย ผู้ที่สามารถบรรลุขอบเขตราชาเซียนในวัยต่ำกว่าห้าสิบปีก็ถือว่าพบได้ยากอย่างยิ่ง

ในฐานะคุณหนูของตระกูลเหมียว เหมียวเจินเจินย่อมมีไพ่ตายสำหรับเอาตัวรอดมากมายแม้พลังของนางจะยังไม่เข้าสู่ขอบเขตราชาเซียนก็ตาม เพราะฉะนั้น การผ่านเข้าไปเป็นหนึ่งในห้าสิบคนของรอบนี้จึงมิใช่เรื่องยาก

“พี่หาน พวกคนจากตระกูลเถียนมีการเคลื่อนไหวน้อยมากในช่วงที่ผ่านมานี้ ท่านพ่อกำชับให้ข้ามาเตือนให้ท่านระวังตัวในการคัดเลือกที่จะมาถึง คนตระกูลเถียนอาจวางแผนทำอะไรบางอย่างก็เป็นได้”

เมื่อนึกถึงข่าวอีกเรื่องที่ได้รับเมื่อไม่นานมานี้ เหมียวเจินเจินก็กังวลใจเล็กน้อย

หลังจากความขัดแย้งในครานั้น ตระกูลเถียนก็นิ่งเงียบอย่างผิดปกติ ด้วยลักษณะนิสัยที่ทราบกันดี ผู้นำตระกูลเถียนและเถียนเยี่ยนจือมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าสาเหตุที่พวกเขานิ่งเงียบและแทบไม่มีการเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นเพราะกำลังรอโอกาสที่เหมาะสมอยู่

และการคัดเลือกที่กำลังจะมาถึงก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุด

วิธีการคัดเลือกศิษย์มากฝีมือในครานี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ โดยครานี้จะเป็นระบบการแพ้คัดออกซึ่งถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากทีเดียว

ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคนต้องแสดงฝีมือในการดวลตัวต่อตัวโดยการจับเลือกคู่แบบสุ่มและระบบการคัดออกนี้ก็เข้มงวดอย่างมาก ตราบใดที่พ่ายแพ้แม้เพียงคราเดียว ผู้เข้าแข่งขันผู้นั้นจะถูกคัดออกจากการคัดเลือกทันที ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเพียงใด คนผู้นั้นก็จะไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการคัดเลือกในรอบสุดท้ายอีก

การจับคู่ดวลจะใช้วิธีการสุ่มและมีแผ่นกระดาษว่างเปล่าจำนวนหนึ่งที่ช่วยให้ผ่านเข้ารอบต่อไปได้โดยไม่ต้องต่อสู้เช่นกัน ไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้าว่าตนจะได้พบกับคู่ต่อสู้คนใดหรือคู่ต่อสู้ในรอบต่อไปจะเป็นใคร แม้แต่บรรดาจอมยุทธ์ฝีมือโดดเด่นก็ยังไม่แน่ใจว่าตนเองจะถูกคัดออกเมื่อใด

การคัดเลือกด้วยวิธีการเช่นนี้ถือว่าเข้าทางตระกูลเถียนมากทีเดียว ตราบใดที่หาทางตัดกำลังหานโม่ฉือไปเรื่อยๆ เมื่อถึงตอนนั้น จอมยุทธ์แข็งแกร่งจากตระกูลเถียนก็จะมีโอกาสเอาชนะหานโม่ฉือได้

แม้เหมียวเจินเจินจะแสดงสีหน้ามั่นอกมั่นใจ แท้จริงแล้วนางก็กังวลพอสมควร จริงอยู่ว่านางมีไพ่ตายสำหรับเอาตัวรอดมากมาย ทว่าหลังจากฝึกฝนในช่วงที่ผ่านมา นางก็พบว่าสิ่งเหล่านั้นอาจไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับหานโม่ฉือแล้ว ตัวนางยังด้อยกว่าอีกมากนัก หากประจันหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งและประมาทเพียงเล็กน้อย ก็มีแนวโน้มสูงว่านางจะถูกกำจัดไปได้ง่าย ๆ และไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการคัดเลือกในรอบสุดท้าย

ในทางตรงกันข้าม หานโม่ฉือไม่กังวลแต่อย่างใด หากเป็นการคัดเลือกด้วยวิธีอื่น เขาก็อาจกังวลใจสักหน่อย ทว่าระบบการแพ้คัดออกนี้เหมาะกับเขาอย่างมาก ต่อให้คนจากตระกูลเถียนจะช่วยกันตัดกำลังเพื่อให้เขาสูญเสียพลังไปก่อน พวกเขาเหล่านั้นก็ยังเทียบชั้นกับเขาไม่ได้ ถึงอย่างไรแล้วสภาพร่างกายของเขาก็แตกต่างจากเดิมมาก พลังมายาในร่างของเขาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างต่อเนื่องแม้ในขณะที่กำลังต่อสู้ก็ตาม เพราะฉะนั้น คนเหล่านั้นไม่มีทางเอาชนะหรือสังหารเขาได้เลย

อย่างไรก็ตาม เขาก็จะจดจำคำเตือนของเหมียวเจินเจินให้ขึ้นใจและไม่ประมาทจนเกินไป ด้วยความน่ารังเกียจและไร้ยางอายของตระกูลเถียน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องระวังตัวให้มากที่สุด

หลังจากใช้เวลาอยู่ในเรือนที่พักของหานโม่ฉือพักใหญ่ เหมียวเจินเจินก็กำชับให้เขาพักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อนเดินจากไป

หานโม่ฉือหยิบภาพวาดของฉินอวี้โม่ออกมามองดูอย่างทะนุถนอม

ทั้งสองพลัดพรากจากกันมานานครึ่งปีแล้วและยังไม่มีเบาะแสข่าวคราวใด ๆ อุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดก็ยังไม่ปฏิกิริยาตอบสนองซึ่งพิสูจน์ได้ว่าฉินอวี้โม่อยู่ห่างไกลกับเขาอย่างมาก

“โม่เอ๋อร์ ไม่ต้องห่วง…เราจะได้พบกันในอีกไม่นาน”

หานโม่ฉือกล่าวด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมในหัวใจก่อนที่จะผล็อยหลับไป

เช้าตรู่วันต่อมา ทุกคนก็มุ่งหน้าไปที่ลานจัตุรัสด้วยกัน

การคัดเลือกในรอบสองนี้ถูกจัดขึ้นโดยเจ้าเมืองเทียนยินซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับการคัดเลือกนี้มากเพียงใด บุคคลสำคัญจากตระกูลใหญ่หลากหลายตระกูลก็นั่งอยู่รอบลานจัตุรัสและมองดูอย่างพินิจพิจารณาโดยไม่กล้าละสายตาแม้แต่น้อย

เมื่อตระกูลเหมียวมาถึง พวกเขาก็พบกับหลายคนที่มาถึงก่อนแล้ว

เถียนเยี่ยนจือนั่งอยู่ข้างเถียนโป๋อันด้วยท่าทีเรียบร้อย ทว่าเมื่อเห็นหานโม่ฉือเดินเข้ามาจากระยะห่างออกไป นางก็อดลุกขึ้นไม่ได้

แม้หลังจากกลับไปในวันนั้น บิดาของนางจะกล่าววาจาโน้มน้าวอย่างจริงจังว่าตราบใดที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปในสามสำนักและเก้านิกาย บุรุษอย่างหานโม่ฉือก็มิใช่ผู้ที่ต้องคำนึงถึง เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่านางจะต้องการหานโม่ฉือมากสักกี่คน นางก็จะสมหวังได้อย่างแน่นอน

ทว่าน่าเสียดายที่เมื่อได้พบหานโม่ฉืออีกครั้ง นางก็ยังไม่อาจหักห้ามใจได้เลย หานโม่ฉือคือบุรุษที่เพียบพร้อมที่สุดที่เถียนเยี่ยนจือเคยพบและไม่มีผู้ใดที่จะเข้ามาแทนที่เขาได้

ไม่ว่าจะด้านรูปลักษณ์ภายนอก พรสวรรค์หรือความสง่างาม ไม่มีบุรุษผู้ใดที่เทียบเขาได้เลย ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องการแต่งงานกับเขาและจะไม่มีทางยอมแพ้อย่างเด็ดขาด

“ฮึ !”

เมื่อเห็นท่าทางออกนอกหน้าของเถียนเยี่ยนจือ เหมียวเจินเจินก็ชำเลืองมองนางด้วยแววตาเย้ยหยันและกลอกตาเบา ๆ

มีเพียงฉินอวี้โม่ผู้เดียวเท่านั้นที่คู่ควรกับหานโม่ฉือ ตัวตลกอย่างเถียนเยี่ยนจือทำได้เพียงกระโดดโลดเต้นเพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่น ๆ เท่านั้น

“เหอะ !”

เถียนเยี่ยนจือเรียกสติกลับคืนมาและแค่นเสียงเบา ๆ ทว่ายังเมินเฉยต่อเหมียวเจินเจินต่อไปและส่งสายตาหวานหยดย้อยให้กับหานโม่ฉือ

น่าเสียดายที่หานโม่ฉือเมินนางอย่างสิ้นเชิงและไม่ชำเลืองมองแม้แต่หางตา เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าคณะของตระกูลเหมียว กลิ่นอายที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของเขาก็ดึงดูดสายตาทุกคู่ในบริเวณลานจัตุรัสได้อย่างง่ายดาย

“เอาล่ะ ทุกคนคงจะทราบกฎของการแข่งขันคัดเลือกในวันนี้แล้ว ข้าจะไม่พูดให้เสียเวลามากนัก ทว่าจะเน้นย้ำเพียงสิ่งเดียว…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามมีการตายเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด !”

เมื่อทุกคนมาถึงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หยางเจี้ยนชื่อ—เจ้าเมืองเทียนยินก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ดินแดนมหาเทพมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน นั่นคือในการคัดเลือกรอบแรกและรอบที่สอง ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามสังหารคู่ต่อสู้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ในทันที

ส่วนการคัดเลือกในรอบที่สามก็ขึ้นอยู่กับกฎของมันซึ่งมักจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

แน่นอนว่าหยางเจี้ยนชื่อทราบถึงความบาดหมางระหว่างตระกูลเหมียวและตระกูลเถียนเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาก็ชาญฉลาดพอที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องของทั้งสองฝ่ายและเพียงพยายามรักษาความเป็นกลางเท่านั้น

ไม่ว่าตระกูลเถียนหรือตระกูลเหมียว ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์ปกครองเมืองแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว

นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตำแหน่งเจ้าเมืองของเขามั่นคงอย่างมาก

“เอาล่ะ ทีนี้ข้าจะทำการสุ่มและเรียกชื่อจับหมายเลข ผู้ที่ได้หมายเลขจะได้ต่อสู้ดวลเป็นคู่และฝ่ายที่แพ้จะถูกคัดออกจากการแข่งขัน”

หยางเจี้ยนชื่อไม่เสียเวลาและประกาศเริ่มต้นการคัดเลือกทันที

จำนวนผู้เข้าร่วมการคัดเลือกในรอบที่สองของเมืองเทียนยินถือว่ามีจำนวนมากพอสมควร การใช้วิธีการเช่นนี้จะสามารถช่วยให้การคัดเลือกสิ้นสุดเร็วมากขึ้น

ผู้เข้าแข่งขันถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มละยี่สิบคนโดยผู้ที่มีหมายเลขเดียวกันจะได้ดวลฝีมือกัน หากผู้ใดพ่ายแพ้ คนผู้นั้นก็จะถูกคัดออกจากการแข่งขันทันทีและจะไม่มีโอกาสผ่านเข้าไปในการคัดเลือกต่อไปได้อีก

เรียกได้ว่าบรรดาผู้ที่อ่อนแอจะถูกกำจัดออกไปก่อน

แน่นอนว่านอกเหนือจากหมายเลขที่สอดคล้องกันก็ยังมีแผ่นกระดาษว่างเปล่าอยู่ในกล่อง ทว่ามันยากที่จะพบได้และแม้แต่หยางเจี้ยนชื่อเองก็ไม่ทราบว่ามันอยู่ที่ใด

หลังจากขานเรียกชื่อยี่สิบคน จอมยุทธ์ก็ขึ้นมาหยิบสุ่มหมายเลขทีละคนและมีสมาชิกตระกูลเถียนสองคนที่อยู่ในกลุ่มแรก

หลังจากการสุ่มตัวเลขเสร็จสิ้น เว้นเพียงคนเดียวที่โชคดีจับได้แผ่นกระดาษว่างเปล่า คนอื่นทุกคนล้วนมีหมายเลขเป็นของตัวเอง มีสามคนที่โชคร้ายจับได้หมายเลขเดียวกันซึ่งหมายความว่าคนอื่น ๆ จะมีคู่ต่อสู้เพียงคนเดียว ทว่าทั้งสามคนนั้นจะต้องต่อสู้กันแบบพบกันหมด

ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการแข่งขันคัดเลือก ทุกคนก็ทราบถึงความสำคัญของการคัดเลือกนี้เป็นอย่างดีและแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่

ภายในเวลาเพียงไม่นาน หลายคนก็ถูกกำจัดออกจากการแข่งขัน สำหรับสมาชิกตระกูลเถียนสองคน คู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่แข็งแกร่งนักและพวกเขาก็เอาชนะจนผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ

ผู้เข้าแข่งขันครึ่งหนึ่งจากยี่สิบคนในรอบแรกถูกกำจัดและอีกครึ่งหนึ่งผ่านเข้ารอบต่อไป

จากนั้นทุกคนในกลุ่มอื่น ๆ ก็ทำการสุ่มหมายเลขและเริ่มต่อสู้กันท่ามกลางบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน

คู่ต่อสู้คนแรกของหานโม่ฉือไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก เขาจึงใช้เวลาเพียงไม่นานและกำจัดคนผู้นั้นได้สำเร็จก่อนผ่านเข้ารอบต่อไป

เมื่อเวลาครึ่งวันผ่านไป ผู้เข้าแข่งขันครึ่งหนึ่งก็ถูกกำจัดไปแล้วและยังเหลือจำนวนรวมอีกมากกว่าสองร้อยคน

สมาชิกจากทั้งตระกูลเหมียวและตระกูลเถียนยังไม่ถูกกำจัดแม้แต่คนเดียวและทุกคนล้วนผ่านเข้าไปในรอบต่อไปได้

การแข่งขันในรอบที่สองก็เหมือนกับรอบแรก เว้นเพียงแต่จะไม่มีผู้ใดที่จับได้แผ่นกระดาษว่างเปล่าและผ่านเข้ารอบโดยที่ไม่ต้องสู้อีก

ครานี้คู่แข่งของหานโม่ฉือแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก เขาเป็นจอมยุทธ์ราชาเซียนครึ่งก้าวที่มีอายุยี่สิบแปดปีซึ่งถือว่าแกร่งกล้าพอสมควรในดินแดนมหาเทพแห่งนี้

น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาในครานี้คือหานโม่ฉือ

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน ต่อให้ประจันหน้ากับจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับสูงกว่า หานโม่ฉือก็มีพลังมากพอที่จะต่อสู้ได้ กล่าวได้ว่าจอมยุทธ์ราชาเซียนครึ่งก้าวมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยด้วยซ้ำ และก็เป็นดังที่คิดไว้ หานโม่ฉือชนะการดวลได้อย่างง่ายดายและผ่านเข้าไปรอในรอบต่อไป

ในการแข่งขันคัดเลือกรอบนี้ สมาชิกตระกูลเหมียวสองคนก็ฟาดเคราะห์ร้ายไปและเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีพรสวรรค์อยู่ในอันดับต้น ๆ ของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด ส่งผลให้พวกเขาพ่ายแพ้และถูกกำจัดไป

อย่างไรก็ตาม ในรอบนี้เหมียวเจินเจินก็ยังเอาชนะมาได้อย่างง่ายดายและผ่านเข้ารอบโดยไม่เผชิญกับอุปสรรคใด ๆ

เมื่อการดวลในรอบที่สองสิ้นสุดลง ในเวลานี้ก็เหลือผู้เข้าแข่งขันมากกว่าหนึ่งร้อยคน

เวลานี้ท้องฟ้าก็มืดลงแล้วและทุกคนหารือกันก่อนได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการแข่งขันรอบต่อไปในวันพรุ่งนี้

“สหายน้อยหานโม่ฉือ ตระกูลเถียนของเราจะจัดงานเลี้ยงเพื่อแสดงความขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธ”

ทว่าเมื่อหานโม่ฉือกำลังจะเดินทางกลับที่พัก จู่ ๆ เขาก็ถูกขวางไว้โดยเถียนโป๋อัน—ผู้นำของตระกูลเถียน