ตอนที่ 786 แผนการสกปรก

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ในเวลานี้ใบหน้าของเถียนโป๋อันประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ราวกับว่าตระกูลเถียนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใด ๆ กับหานโม่ฉือและเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น

“เถียนโป๋อัน ไม่ต้องเสแสร้งทำเป็นพังพอนที่มาอวยพรปีใหม่ให้กับไก่หรอก อย่าคิดว่าพวกข้าจะไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”

* 黄鼠狼给鸡拜年 มาจากสำนวน พังพอนมาสวัสดีปีใหม่ให้กับไก่ ไม่มีทางมาดีแน่นอนหมายถึง ต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ห่วงใย แต่ใจจริงมุ่งร้ายไม่หวังดี

ก่อนที่หานโม่ฉือจะตอบสิ่งใด เหมียวเจินเจินก็เดินออกมาขวางและสาดวาจาตอบโต้เถียนโป๋อันอย่างไม่ไว้หน้า

ตระกูลเหมียวของนางและตระกูลเถียนมีเรื่องบาดหมางกันมานานหลายปีและแน่นอนว่าพวกนางย่อมทราบนิสัยของเถียนโป๋อันดีกว่าใคร การที่จู่ ๆ เขาก็คิดจัดงานเลี้ยงและอ้างว่าต้องการขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าพวกเขาจะต้องมีแผนการบางอย่างซ่อนไว้

“เจินเจิน ระหว่างเราสองตระกูลมีเรื่องเข้าใจผิดกันมากในอดีต นั่นคือสาเหตุที่เจ้าเข้าใจข้าผิดไป การที่ท่านพ่อของข้าอยากจะจัดงานเลี้ยงมิใช่เพียงเพื่อขอโทษคุณชายหานเท่านั้น ทว่ายังต้องการให้เราสองตระกูลสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย”

เถียนเยี่ยนจือผู้ซึ่งผ่านการคัดเลือกมาได้เช่นกันก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่าวอย่างใจเย็น

ท่าทางทะนงตนและเผด็จการที่มักแสดงออกตามปกติของนางหายไปอย่างสิ้นเชิงและในเวลานี้มีเพียงท่าทางของสตรีอ่อนโยนนุ่มนวลเท่านั้น

เถียนเยี่ยนจือในวันนี้แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าของนางไม่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงเครื่องสำอางบาง ๆ ดูเป็นธรรมชาติ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางสวมก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ก่อนหน้านี้คุณหนูตระกูลเถียนผู้นี้มักสวมใส่อาภรณ์หลากสีสันสะดุดตาทว่าในวันนี้กลับสวมชุดยาวสีขาวสะอาดซึ่งดูเรียบง่ายทว่าสง่างาม

แม้รูปลักษณ์ของเถียนเยี่ยนจือจะไม่โดดเด่นนัก ทว่าชุดขาวในวันนี้ก็ทำให้คุณหนูของตระกูลเถียนดูบอบบางน่าทะนุถนอมขึ้นมาก

น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ทราบถึงธาตุแท้ของนางเป็นอย่างดีและไม่มีทางหลงกลเชื่อว่านางจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากถึงเพียงนี้

เหมียวเจินเจินก็กำลังจะกล่าวบางอย่างตอบโต้ ทว่าถูกหานโม่ฉือปรามไว้เสียก่อน

“ในเมื่อผู้นำเถียนเมตตาเช่นนี้ก็ยากที่ข้าจะปฏิเสธได้ ไม่ต้องห่วง เราจะไปที่นั่นอย่างแน่นอน”

เขากล่าวตอบรับเบา ๆ และสงสัยอย่างมากว่าตระกูลเถียนแอบซ่อนแผนการอะไรไว้ จากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ พวกเขาไม่มีทางทำอะไรตระกูลเหมียวอย่างซึ่ง ๆ หน้าอย่างแน่นอน ทว่าการแอบเล่นงานลับหลังก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น หานโม่ฉือรู้สึกได้ว่าแผนการของตระกูลเถียนในครานี้จะต้องเล็งเป้าหมายมาที่ตนโดยตรง

“ดีเลย ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะรอต้อนรับเจ้าที่จวน”

เมื่อหานโม่ฉือตกปากรับคำ เถียนโป๋อันและเถียนเยี่ยนจือก็แสดงสีหน้าดีใจทันที ทั้งสองลอบสบตากันและพยักศีรษะเบา ๆ อย่างรู้กัน

แน่นอนว่าหานโม่ฉือสังเกตเห็นท่าทางของทั้งสองและประกายบางอย่างฉายวาบในแววตาของเขา ไม่ว่าตระกูลเถียนจะวางแผนอะไรไว้ เขาจะไม่มีทางหลงกลอย่างแน่นอน

เมื่อสมาชิกตระกูลเถียนกล่าวอำลาและจากไป หานโม่ฉือและคนอื่น ๆ ก็มุ่งหน้ากลับจวนตระกูลเหมียวเช่นกัน

“พี่หาน เห็นได้ชัดว่าสองพ่อลูกตระกูลเถียนนั่นแอบคิดการร้ายไว้ เหตุใดท่านจึงรับปากพวกเขาไปเช่นนั้นเล่า ?”

เหมียวเจินเจินถามด้วยความฉงนสงสัย นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดหานโม่ฉือจึงตอบรับคำเชิญของเถียนโป๋อันไปเช่นนั้น

“หากไม่เข้าถ้ำเสือ เราก็ไม่มีวันได้ลูกเสือมาครอง”

หานโม่ฉือยกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น หลังจากการคัดเลือกสิ้นสุดลง เขาก็ต้องไปจากเมืองเทียนยินแล้ว เพราะเหตุนั้นเขาจึงต้องการสะสางปัญหาเรื่องตระกูลเถียนให้ได้เสียก่อน

สำหรับเหตุการณ์เมื่อครู่ เหมียวเหรินจวินเดินทางกลับไปก่อนแล้วและไม่ทราบว่าหานโม่ฉือตอบรับคำเชิญของตระกูลเถียน

เมื่อพวกเขากลับถึงจวนตระกูลเหมียวและเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เหมียวเหรินจวินก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหานโม่ฉือ

“เราไม่ทราบเลยว่าตระกูลเถียนวางแผนอะไรไว้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางปิดบังไปได้ตลอดหรอก ถูกแล้วที่โม่ฉือรับปากว่าจะไปที่จวนตระกูลเถียนเพื่อไปเห็นด้วยตาตนเองว่าสุดท้ายแล้วแผนการของพวกเขาคือสิ่งใดกันแน่”

ตระกูลเหมียวและตระกูลเถียนขัดแย้งกันมานานหลายปีและถึงเวลาต้องตัดสินผู้ชนะเสียที เมืองเทียนยินแห่งนี้ต้องการผู้ปกครองที่แท้จริง การคัดเลือกครานี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะสะสางความบาดหมางระหว่างทั้งสองตระกูลใหญ่ให้จบสิ้น

“คืนนี้…ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

เหมียวเหรินจวินตัดสินใจจะไปที่จวนตระกูลเถียนพร้อมกับหานโม่ฉือ

ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ตระกูลเถียนไม่มีทางทำอะไรพวกเขาได้ง่าย ๆ แน่ กอปรกับความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือ ต่อให้ตระกูลเถียนมีแผนการชั่วร้ายซ่อนไว้ พวกเขาก็จะหาทางหนีทีไล่ได้ทัน

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไปด้วย”

เหมียวเจินเจินเริ่มแสดงสีหน้าตื่นเต้นและต้องการเข้าร่วมสนุกด้วยเช่นกัน

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นทุกคนก็ไปร่วมสนุกด้วยกันเถอะ ถือซะว่าเป็นการฉลองการผ่านการคัดเลือกในวันแรกก็แล้วกัน”

เหมียวเหรินจวินก็ตัดสินใจที่จะพาสมาชิกคนอื่น ๆ ไปด้วย

หลังจากพักผ่อนอยู่ที่จวนตระกูลเหมียวพักหนึ่ง ทุกคนก็เตรียมตัวและมุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลเถียน

ณ จวนตระกูลเถียน งานเลี้ยงได้ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดีแล้ว ราวกับว่าพวกเขาต้องการขอโทษหานโม่ฉือและตระกูลเหมียวอย่างแท้จริงโดยที่เตรียมการทุกอย่างไว้อย่างพิถีพิถัน

อาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดแทบที่จะทำให้ทุกคนน้ำลายสอออกมา

คนของตระกูลเถียนก็กระตือรือร้นอย่างยิ่งเมื่อเห็นทุกคนจากตระกูลเหมียว ซึ่งพวกเขาให้การต้อนรับเป็นอย่างดีโดยไม่แสดงความเป็นปฏิปักษ์แม้แต่น้อย

ทุกคนในตระกูลเหมียวไม่ทราบถึงแผนการของตระกูลเถียน และผู้นำตระกูลเหมียวก็ได้กำชับพวกเขาไว้ว่าเมื่อมาถึงที่นี่ให้พวกเขาปล่อยตัวตามสบายและรับประทานอาหารและดื่มได้อย่างอิสระ เพราะเหตุนั้นทุกคนจึงไม่ได้กังวลมากนักและมีความสุขกันอย่างมาก

หานโม่ฉือและเหมียวเหรินจวินก็ถือเป็นแขกคนพิเศษของตระกูลเถียน พวกเขาจึงถูกเชิญให้ไปนั่งในตำแหน่งที่แยกออกไป

“สหายเหมียว ก่อนหน้านี้ตระกูลของเราทั้งสองมีเรื่องบาดหมางกันมากเกินไป หลังจากวันนี้ ข้าหวังว่าตระกูลของเราจะลืมเรื่องราวในอดีตและสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เราจะไม่ต่อสู้หรือมีเรื่องขัดแย้งกันอีกในอนาคต”

เถียนโป๋อันหยิบแก้วสุราขึ้นมาและกล่าวกับเหมียวเหรินจวินพร้อมรอยยิ้ม

“หากสหายเถียนทำได้อย่างที่กล่าวมา ตระกูลเหมียวของเราก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่ข้ากลัวว่าวันนี้จะมีคนคิดร้ายและวาจาที่กล่าวมาทั้งหมดก็ล้วนเป็นเพียงลมปาก”

เหมียวเหรินจวินคลี่ยิ้มทว่ากล่าววาจาที่แฝงไปด้วยความหมายชัดเจน

เถียนโป๋อันเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีทว่าไม่สนใจและไม่รู้สึกหงุดหงิดแม้แต่น้อย

“ฮ่า ๆ ๆ สหายเหมียวช่างเป็นคนตลกจริง ๆ”

เขาเพียงกล่าวออกไปพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ ทว่าเขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายทราบความหมายของตน เพียงแต่มันจะเป็นความจริงหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าแผนการต่อไปของพวกเขาจะสัมฤทธิผลหรือไม่

“เถียนเยี่ยนจือหายไปไหนเสียล่ะ ?”

เหมียวเจินเจินหันมองไปรอบ ๆ และไม่พบแม้แต่เงาของเถียนเยี่ยนจือ ผู้อาวุโสและศิษย์คนสำคัญของตระกูลเถียนล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ทว่าคุณหนูของตระกูลกลับไม่โผล่หน้ามาให้เห็น แน่นอนว่านั่นทำให้เหมียวเจินเจินรู้สึกแปลกใจในทันที

“จือเอ๋อร์คงจะยังเตรียมตัวอยู่ในเรือน”

เถียนโป๋อันกล่าวขณะสายตากวาดมองทุกคนก่อนหยุดลงที่หานโม่ฉือ

“สหายน้อยโม่ฉือและเสี่ยวเจินเจินเพิ่งมาที่ตระกูลเถียนของเราเป็นครั้งแรก ข้าจะให้คนพาพวกเจ้าทั้งสองไปเที่ยวชมรอบ ๆ อีกอย่าง…เจ้าช่วยไปแวะดูที่เรือนของจือเอ๋อร์ได้หรือไม่ ? ข้าคิดว่านางเตรียมตัวนานเกินไปแล้ว”

เขากล่าวอย่างลองเชิง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพร้อมที่จะดำเนินตามแผนการของตนเองแล้ว

“เข้าใจแล้ว”

หานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินสบตากันก่อนพยักศีรษะเบา ๆ ทั้งสองทราบดีว่าการให้พวกตนไปเที่ยวชมรอบ ๆ นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการ เกรงว่าแท้จริงแล้วเถียนเยี่ยนจือกำลังเตรียมการบางอย่างและเพียงรอให้เป้าหมายเข้าไปติดกับ…

หนึ่งในพี่ชายของเถียนเยี่ยนจือที่เคยประจันหน้ากับหานโม่ฉือก่อนหน้านี้ก็ลุกขึ้นยืนและอาสาที่จะพาหานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินไปเที่ยวชมรอบ ๆ

แน่นอนว่าทั้งสองไม่ปฏิเสธและออกจากบริเวณงานเลี้ยงไปกับบุรุษผู้นั้น

ในตอนแรกเริ่ม บุรุษผู้นั้นก็พาหานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินเดินท่องไปรอบตระกูลขณะกล่าวบรรยายถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบของตระกูลอย่างคร่าว ๆ

ต้องกล่าวเลยว่าในฐานะที่เป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนยิน พื้นเพของตระกูลเถียนไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย เพียงลานกว้างของตระกูลเถียนเพียงอย่างเดียวก็กว้างใหญ่ยิ่งกว่าตระกูลเหมียวเสียอีก และการตกแต่งสวนของพวกเขาก็งดงามหรูหราอย่างยิ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตระกูล

หลังจากเดินชมสวนหลายจุด ในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดตรงหน้าลานบริเวณที่เป็นเรือนที่พักของเถียนเยี่ยนจือ

ในฐานะบุตรสาวคนเดียวและเป็นบุตรหัวแก้วหัวแหวนของเถียนโป๋อัน แน่นอนว่าที่พักของนางทั้งโอ่อ่าและสวยงามเป็นพิเศษ

เรือนของเถียนเยี่ยนจือมีขนาดใหญ่เป็นรองเพียงเรือนของเถียนโป๋อันเท่านั้นและเป็นสถานที่ที่มีสภาวะพลังหนาแน่นเป็นพิเศษ

ภายในลานแห่งนี้ก็มีศาลาที่สร้างขึ้นจากหินตั้งอยู่ รวมถึงมีสวนเล็ก ๆ ที่ปลูกสมุนไพรวิญญาณไว้หลากหลายประเภท

ส่วนเรือนส่วนตัวของเถียนเยี่ยนจือก็คืออาคารสองชั้นซึ่งดูประณีตและหรูหราอย่างยิ่ง

“ท่านทั้งสอง ข้ามาส่งได้เพียงแค่ตรงนี้ น้องเล็กไม่ชอบให้ผู้ใดเข้าไปในบริเวณเรือนโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต”

บุรุษหนุ่มที่นำทางทั้งสองมาถึงที่นี่กล่าวขึ้นเบา ๆ แม้เป็นเพียงข้ออ้างในการแยกตัวออกไปก่อน ทว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมาก็เป็นความจริง

เถียนเยี่ยนจือไม่ชอบให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปในบริเวณที่ส่วนตัวของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเหล่าบุรุษของตระกูลเถียน นอกเหนือจากเถียนโป๋อันก็ไม่มีผู้ใดที่กล้าเข้าไปในลานของนางตามอำเภอใจ

“ขอบคุณมาก”

หานโม่ฉือกล่าวพร้อมสบตาบุรุษผู้นั้นจนเขาประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

“จอมยุทธ์โม่ฉือไม่ต้องสุภาพนักหรอก”

เขากล่าวด้วยท่าทางนอบน้อมและรีบหันหลังเดินจากไปทันที

หานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินไม่ขัดขวางเขาไว้และเพียงปล่อยไปแต่โดยดี จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในลานที่พักของเถียนเยี่ยนจือด้วยกัน

บริเวณลานที่พักส่วนตัวของเถียนเยี่ยนจือกนั้นเงียบสงบอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้นางไล่ทุกคนที่เคยทำงานอยู่ที่นี่ออกไปจนหมดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนการครานี้

หานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินเดินเข้าไปจนถึงอาคารเรือนของเถียนเยี่ยนจือทว่ายังคงไม่เห็นวี่แววของผู้ใด

“เจินเจิน เจ้าไปหาที่ซ่อนตัวก่อนเถอะ”

หานโม่ฉือส่งกระแสจิตหาเหมียวเจินเจินเพื่อให้นางหาที่ซ่อนตัวสักพัก

หากยังไม่ทราบว่าแผนการของตระกูลเถียนเป็นอย่างไร ทางที่ดีที่สุดก็คือการเตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้า

“ถ้าเช่นนั้นพี่หานก็ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”

เหมียวเจินเจินตอบกลับก่อนหันมองไปรอบ ๆ และเข้าไปซ่อนตัวหลังก้อนหินที่อยู่ไม่ไกลออกไป

จากนั้นร่างของหานโม่ฉือก็กะพริบหายไปและปรากฏตัวขึ้นมาเหนืออาคารสองชั้น

ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นที่สองของเรือน เวลานี้มีเพียงเถียนเยี่ยนจือและสาวรับใช้ส่วนตัวของนางเท่านั้น

“หานโม่ฉือมาถึงรึยัง ?”

ในวันนี้เถียนเยี่ยนจือสวมชุดยาวที่ดูเย้ายวนซึ่งเป็นผ้าบางที่ทำให้มองเห็นเรือนร่างได้อย่างเลือนราง เส้นผมยาวของนางก็ถูกปล่อยไว้อย่างสบาย ๆ เสริมให้ดูน่ามองยิ่งขึ้น อีกทั้งร่างกายของนางก็มีกลิ่นประหลาดของบางอย่างที่แผ่โชยไปทั่วทั้งห้อง

“คุณหนู เขามาถึงแล้วเจ้าค่ะ และตอนนี้เขาก็อยู่ตรงชั้นล่างแล้ว จะให้ข้าจัดการอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ ?”

สาวรับใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเพื่อรอคำสั่งต่อไปของเถียนเยี่ยนจือ

“ทำตามแผนการที่วางไว้ อีกประเดี๋ยวเจ้าไปเชิญหานโม่ฉือเข้ามา ส่วนข้าจะถอดเสื้อผ้าออกและรออยู่ที่นี่ ตราบใดที่เขาได้เห็นเรือนร่างของข้า เขาก็จะต้องดูแลรับผิดชอบข้า !”

เถียนเยี่ยนจือกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะทำอะไรกับร่างของนางหรือไม่นั่น นางก็ได้เตรียมแผนการไว้แล้วเช่นกัน ไม่ว่าเสื้อผ้าอาภรณ์และกลิ่นบนเรือนร่างของนาง ไม่ว่าบุรุษใดก็ไม่มีทางต้านทานได้ เมื่อใดที่หานโม่ฉือมีความสัมพันธ์กับนาง เขาก็ไม่มีทางบอกปัดความรับผิดชอบได้อีก !

“เจ้าค่ะคุณหนู”

สาวรับใช้พยักศีรษะรับคำและเดินออกไป

แน่นอนว่าหานโม่ฉือซึ่งอยู่บนหลังคาของอาคารได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน

สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ และเหาะกลับลงไปปรากฏกายหน้าอาคารอีกครั้งราวกับเฝ้ารออยู่ที่นี่มาตลอด

“คุณชายโม่ฉือ คุณหนูเชิญท่านไปพบเจ้าค่ะ”

หลังจากรอครู่หนึ่ง สาวรับใช้คนเดิมก็เดินลงมาชั้นล่างและกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“อืม”

หานโม่ฉือเพียงพยักศีรษะตอบรับและเดินขึ้นไปชั้นบน ในขณะที่สาวรับใช้เดินออกไปด้านนอกและซ่อนตัวพร้อมคำนวณเวลาที่ค่อย ๆ ผ่านไป

ภายในห้องบนชั้นที่สอง หัวใจของเถียนเยี่ยนจือก็กำลังเต้นแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของหานโม่ฉือที่ใกล้เข้ามา