ตอนที่ 787 เรื่องอื้อฉาวของตระกูล

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในห้อง เวลานี้เถียนเยี่ยนจือปลดอาภรณ์ของตนครึ่งหนึ่งและนอนลงบนเตียงขนาดใหญ่ในท่าทางที่ยั่วยวน

ด้วยอาภรณ์ผ้าบางที่นางสวมในวันนี้ กอปรกับกลิ่นประหลาดจากร่างกาย ทันทีที่หานโม่ฉือเข้ามาในห้อง นางมั่นใจว่าเขาจะต้องเคลิบเคลิ้มและกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของนางอย่างแน่นอน

ตราบใดที่ข้าวสารหุงกลายเป็นข้าวสุกแล้ว เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น หานโม่ฉือก็ไม่มีทางปฏิเสธอะไรได้อีก

* 生米煮成熟饭 ข้าวสารหุงเป็นข้าวสุก หมายถึง เรื่องราวเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้อีก ความหมายใกล้เคียงกับสำนวนไทยว่า “สายเกินแก้”

หน้าห้องส่วนตัวของเถียนเยี่ยนจือในตอนนี้ เสียงฝีเท้าของหานโม่ฉือหยุดลงและนางเชื่อว่าเขายืนอยู่หน้าประตูแล้ว

แววตาของเถียนเยี่ยนจือแสดงความดีใจอย่างที่สุดและเผยรอยยิ้มกว้างอย่างมิอาจปกปิดออกมา

“คุณชายโม่ฉือ ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่แล้ว โปรดเข้ามาเถอะ !”

เถียนเยี่ยนจือกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานเพื่อเชิญหานโม่ฉือเข้าไปในห้อง ทว่าเมื่อสิ้นเสียงนั้น จู่ ๆ นางก็รู้สึกราวกับหมดสติไป…

ภายในโถงงานเลี้ยง เถียนโป๋อัน เหมียวเหรินจวินและคนอื่น ๆ กำลังนั่งดื่มและสนทนาพาทีกันอย่างออกรส ทั้งสองแสดงความเคารพและความสนิทสนมต่อกันราวกับเป็นพี่น้องกันมาช้านานจนดูเหมือนกับความบาดหมางทั้งหมดก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

หลังจากรอเวลาประมาณสองก้านธูปทว่าหานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินยังไม่กลับมา เหมียวเหรินจวินก็เริ่มอยู่ไม่ติดและเกิดความกังวลขึ้นเล็กน้อย

“นี่ก็ผ่านมานานแล้ว เหตุใดสหายน้อยโม่ฉือ เจินเจินและคุณหนูเถียนยังไม่มาอีกเล่า ?”

เหมียวเหรินจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงลองเชิง

“เราลองไปดูที่เรือนของนางกันเถอะว่าเหตุใดนางและคนอื่น ๆ ยังไม่มาที่นี่กันอีก”

เถียนโป๋อันคำนวณเวลาและคิดว่าแผนการของพวกตนน่าจะสมบูรณ์แล้ว เขาจึงจงใจกล่าวออกไปเพื่อให้คนอื่น ๆ ไปที่เรือนของเถียนเยี่ยนจือพร้อมกัน

“นายท่าน ท่าไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ !”

สาวรับใช้คนหนึ่งวิ่งตาตื่นเข้ามาพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กังวลใจมาก แน่นอนว่านางมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นสาวรับใช้ส่วนตัวที่อยู่กับเถียนเยี่ยนจือก่อนหน้านี้

“มีเรื่องอะไรรึ ?”

เถียนโป๋อันโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสาวรับใช้วิ่งเข้ามา เดิมทีพวกเขาวางแผนไว้ว่าตราบใดที่เถียนเยี่ยนจือทำภารกิจเสร็จสมบูรณ์ สาวรับใช้ก็จะวิ่งมาที่นี่เพื่อเป็นส่งสัญญาณให้พวกเขาไปที่เรือนของเถียนเยี่ยนจือ เมื่อถึงตอนนั้น ทุกคนก็จะได้เห็นสิ่งที่หานโม่ฉือทำต่อคุณหนูตระกูลเถียนและเขาไม่มีทางบอกปัดความรับผิดชอบได้อย่างแน่นอน

“คุณหนู…คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูกับท่านจอมยุทธ์หานโม่ฉือ…”

สาวรับใช้จงใจแสดงท่าทีลังเลโดยไม่กล่าวอย่างชัดเจนและเผยให้เห็นถึงสีหน้าความกระดากอาย

“เกิดอะไรขึ้น ?! บอกข้ามาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ !”

แท้ที่จริงแล้วเถียนโป๋อันรู้สึกสุขใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกไปพร้อมตวาดเสียงดัง

“นายท่านไปดูด้วยตัวเองจะดีกว่าเจ้าค่ะ คงไม่เหมาะนักที่จะให้ข้ากล่าวออกไป…”

สาวรับใช้ส่ายศีรษะก่อนหันหลังและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“สหายเหมียว ขอโทษด้วย ข้าขอตัวก่อน”

เถียนโป๋อันมองตรงไปที่ผู้นำตระกูลเหมียวและหันหลังเพื่อเดินจากไป

“สหายเถียน เราไปด้วยกันจะดีกว่า ข้าก็อยากเห็นเช่นกันว่าสหายน้อยโม่ฉือทำอะไรคุณหนูเถียน”

สีหน้าของเหมียวเหรินจวินไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทว่าหัวใจของเขาก็เริ่มหวั่นไหวอยู่เล็กน้อย เขาเชื่อว่าหานโม่ฉือไม่มีทางหลงกลแผนการของเถียนเยี่ยนจืออย่างแน่นอน ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของสาวรับใช้ที่ดูแนบเนียนจนไม่น่าจะเป็นการแสดง เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าอาจเกิดสิ่งใดที่คาดไม่ถึง

ยิ่งไปกว่านั้น บุตรสาวของเขาก็หายไปพร้อมหานโม่ฉือและทั้งสองยังไม่กลับมา หรือว่านางและพ่อหนุ่มโม่ฉือจะตกหลุมพรางของคนตระกูลเถียนแล้ว ?

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะไปด้วย”

สมาชิกตระกูลเหมียวคนอื่น ๆ ก็ไม่อาจอยู่เฉยได้เช่นกัน พวกเขายืนขึ้นพร้อมกับยืนยันว่าจะไปกับผู้นำตระกูลทั้งสอง

แน่นอนว่าเถียนโป๋อันไม่มีทางปฏิเสธคนเหล่านั้น ยิ่งมีคนไปมากเพียงใด มันก็ยิ่งเป็นผลดีกับแผนการของพวกเขามากเพียงนั้น ในเมื่อมีพยานเห็นเหตุการณ์มากมาย หานโม่ฉือก็จะยิ่งดิ้นไม่หลุดมากขึ้น

ทุกคนมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนที่พักส่วนตัวของเถียนเยี่ยนจือ แม้เถียนโป๋อันจะแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวไม่พอใจไปตลอดทาง แต่ในหัวใจของเขาตอนนี้ก็เปี่ยมไปด้วยความสุขใจ เขากระตือรือร้นอย่างมากที่จะไปที่นั่นเพื่อเปิดเผยต่อทุกคนว่าสถานการณ์ของหานโม่ฉือและเถียนเยี่ยนจือเป็นอย่างไร เมื่อถึงตอนนั้น แผนการของเขาและบุตรสาวก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

สำหรับจอมยุทธ์มากพรสวรรค์อย่างหานโม่ฉือ แน่นอนว่าพวกเขาต้องการดึงมาอยู่ข้างกายตนเอง ตราบใดที่เขาเข้าร่วมกับตระกูลเถียน ความแข็งแกร่งของตระกูลเถียนจะเหนือกว่าตระกูลเหมียวอย่างแน่นอนและเมืองเทียนยินจะมีตระกูลใหญ่เพียงตระกูลเดียว

แม้เหมียวเหรินจวินจะหวั่นใจเล็กน้อย เขาก็ยังรักษาท่าทีได้อย่างสงบนิ่ง เขาเชื่อมั่นว่าหานโม่ฉือจะไม่ติดกับในแผนการของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

เมื่อมาถึงหน้าประตูเรือนส่วนตัวของเถียนเยี่ยนจือ ทุกคนก็พบกับสาวรับใช้คนเดิมที่วิ่งมาถึงก่อนและยืนนิ่งด้วยสีหน้ากังวล

“ท่านผู้นำเจ้าคะ การที่มีคนมากมายเช่นนี้…เกรงว่าชื่อเสียงของคุณหนูจะเสื่อมเสียเอาได้…”

หลังจากมาถึงที่นี่ ความหมายของสาวรับใช้ก็ชัดเจนอย่างที่สุด

“เหอะ ผู้อาวุโสหานมีครอบครัวแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะทำอะไรคุณหนูของพวกเจ้า ? ไม่ต้องปิดบังหรอก ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเห็นสิ่งใดอีก หากผู้อาวุโสหานเป็นบุคคลเช่นนั้นจริง ๆ ตระกูลเหมียวของเราก็จะไม่ทนแน่ !”

ศิษย์ตระกูลเหมียวคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับหานโม่ฉือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาซึ่งแสดงให้เห็นถึงทัศนคติของคนตระกูลเหมียวได้อย่างชัดเจน

พวกเขาเชื่อมั่นในตัวหานโม่ฉือและทราบดีว่าสมาชิกแต่ละคนของตระกูลเถียนมีจิตใจชั่วร้ายเพียงใด ไม่ว่าสิ่งที่จะได้เห็นหลังจากนี้คือสิ่งใด พวกเขาก็จะยืนเคียงข้างหานโม่ฉืออย่างไม่มีเงื่อนไข

“เข้าไปด้วยกันเถอะ อย่ามัวแต่สนใจเรื่องพวกนี้”

เถียนโป๋อันทำท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวออกไปในที่สุด

สาวรับใช้ก็ไม่คัดค้านอีกต่อไปและเดินนำหน้าทุกคนเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังห้องส่วนตัวของเถียนเยี่ยนจือ

ทันทีที่มาถึงชั้นที่สองของเรือน ทุกคนก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ไม่ชัดเจนนักดังมาจากห้องนอนก่อนที่จะเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ

ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากและเข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหลังประตูบานนั้นคือสิ่งใด

สีหน้าของเหมียวเหรินจวินเปลี่ยนไปเล็กน้อยและใบหน้าของทุกคนจากตระกูลเหมียวก็เริ่มบิดเบี้ยวอย่างชัดเจน ในทางกลับกัน สีหน้าของเถียนโป๋อันฉายแววความดีใจแวบหนึ่งก่อนบดบังด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวอย่างรวดเร็ว เขาตวัดสายตาหันขวับไปมองเหมียวเหรินจวินและกล่าวอย่างไม่พอใจ “สหายเหมียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วตระกูลเหมียวจะอธิบายสถานการณ์นี้อย่างไร ?“

เมื่อทราบว่าแผนการของบุตรสาวสำเร็จไปด้วยดี เขาก็ย่อมสุขใจเป็นธรรมดา ตอนนี้เขาก็เพียงต้องแสดงบทบาทไปตามแผนการและกดดันให้ตระกูลเหมียวและหานโม่ฉืออธิบายความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนก่อนถือโอกาสบังคับให้หานโม่ฉือเข้าร่วมตระกูลเถียนในฐานะบุตรเขยของเขา

“เหอะ ข้าไม่ยักเข้าใจว่าผู้นำเถียนหมายความว่าอย่างไร”

แน่นอนว่าเหมียวเหรินจวินไม่ยอมคล้อยตามวาจาของเถียนโป๋อันง่าย ๆ และแสร้งกล่าวอย่างสับสน

“เหอะ การที่หานโม่ฉือทำเรื่องเช่นนั้นกับบุตรสาวของข้า ตระกูลเหมียวของเจ้าก็ควรจะมีคำอธิบายมิใช่รึ ?”

เถียนโป๋อันแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวออกไปโดยตรง ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางเลยที่เหมียวเหรินจวินจะปฏิเสธได้ เว้นแต่เขาจะประกาศว่าหานโม่ฉือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลเหมียวของตน ซึ่งนั่นก็จะทำให้ตระกูลเหมียวเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่

“ตลกจริงเชียว ไม่ทราบว่าสหายเถียนมั่นใจได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ในห้องนั้นคือสหายน้อยโม่ฉือ ?”

เหมียวเหรินจวินมิใช่คนที่จะถูกหลอกหรือหลงกลผู้ใดได้ง่าย ๆ ไม่ว่าบุรุษที่อยู่ในห้องกับเถียนเยี่ยนจือจะใช่หานโม่ฉือหรือไม่นั้น ไม่มีทางเลยที่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายข่มขู่ตนเองได้

“ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้จะใช่โม่ฉือจริง ๆ เราก็ไม่มีทางทราบได้ว่าความจริงก่อนหน้านี้คือสิ่งใด ถึงอย่างไรคนของตระกูลเถียนก็เป็นคนพาสหายน้อยโม่ฉือมาที่นี่ตั้งแต่แรกและการที่เกิดเรื่องขึ้นมาเช่นนี้ หรือว่านี่จะเป็นแผนการที่ตระกูลเถียนวางไว้กันแน่ ?”

เขากล่าวตรงเข้าประเด็นและไม่คิดจะแสร้งทำเป็นไม่ทราบเจตนาของอีกฝ่ายอีกต่อไป

“แล้วอย่างไรเล่า ? ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ตระกูลเหมียวก็ไม่มีทางปฏิเสธได้ หากอยากจะปกป้องหานโม่ฉือละก็…อย่ากล่าวโทษข้าก็แล้วกันหากข้าจะให้ท่านเจ้าเมืองเป็นคนตัดสินความเป็นธรรมจากเรื่องนี้”

เถียนโป๋อันกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน เขามั่นใจว่าผู้ที่อยู่ในห้องกับบุตรสาวของตนคือหานโม่ฉือไม่ผิดแน่ และต่อให้เรื่องนี้แพร่ออกไป มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา เขาจึงมั่นใจพอสมควร

“เหมียวเหรินจวิน หากเจ้าประกาศว่าหานโม่ฉือไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหมียวของเจ้า ตระกูลเหมียวก็จะรอดพ้นจากเรื่องนี้ไปได้ มิฉะนั้น…ข้าจะถือว่าคนของตระกูลเหมียวล่วงเกินบุตรสาวของข้าและทำให้บุตรสาวของข้ามีมลทินซึ่งปัญหานี้จะไม่จบลงง่าย ๆ แน่ !”

ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทัศนคติของเถียนโป๋อันก็ชัดเจนอย่างมาก เขาต้องการให้เหมียวเหรินจวินและหานโม่ฉือแสดงจุดยืนที่ชัดเจน

“คนตระกูลเหมียวทำให้บุตรสาวของท่านมีมลทิน…ผู้นำเถียนกำลังกล่าวถึงข้าอยู่รึ ?”

เมื่อเสียงของเถียนโป๋อันสิ้นสุดลง จู่ ๆ น้ำเสียงเรียบเฉยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของทุกคนก่อนที่หานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินจะเดินขึ้นมาจากชั้นล่างของอาคาร

“เถียนโป๋อัน เจ้านี่หน้าด้านหน้าทนจริง ๆ พี่หานแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจลูกสาวของเจ้าเพียงใด แต่เจ้าก็ยังกล้าคิดใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงของพี่หานอีก ข้าขอบอกไว้เลยนะ แม้เถียนเยี่ยนจือจะเปลื้องผ้ายืนต่อหน้าพี่หาน พี่หานของข้าก็จะไม่ชายตามองเลยสักนิด !”

เหมียวเจินเจินกล่าวอย่างเย้ยหยันและไม่ไว้หน้าผู้นำตระกูลเถียนแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้นางซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินไม่ไกล และเมื่อเห็นสาวรับใช้ที่ทำท่าทางแปลก ๆ นางก็คิดจะออกไปขัดขวางไว้ ทว่าหานโม่ฉือส่งกระแสจิตมาหยุดนางไว้ได้ทันและบอกให้นางรอดูต่อไป

ก่อนหน้านี้ แม้เห็นเถียนโป๋อันและคนอื่น ๆ ที่รีบปรี่เข้ามาที่นี่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก นางก็ยังทำตามคำสั่งของหานโม่ฉือและแอบซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งเมื่อครู่ที่หานโม่ฉือกลับมา ทั้งสองจึงเดินขึ้นมาพร้อมกัน

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”

เมื่อเห็นหานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินปรากฏตัวตรงหน้า เถียนโป๋อันก็อุทานออกไปโดยไม่รู้ตัวทันที

จากแผนการที่วางไว้ หานโม่ฉือผู้นี้ควรที่จะอยู่ในห้องกับเถียนเยี่ยนจือ แล้วเขามายืนอยู่ตรงหน้านี้ได้อย่างไร ?

หากหานโม่ฉืออยู่ที่นี่ละก็…แล้วคนที่อยู่ในห้องนั้นคือใครกัน ?!

“เป็นไปได้อย่างไรงั้นรึ ? หรือว่าผู้นำเถียนจะคิดว่าบุรุษที่อยู่ข้างในห้องนั้นเป็นข้า ?”

หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและแววตาเรียบเฉยทว่าทำให้เถียนโป๋อันขนลุกได้ง่าย ๆ แม้เชื่อว่าคนตรงหน้ามีพลังไม่มากเท่าตน ผู้นำตระกูลเถียนก็ยังต้องพ่ายแพ้ต่อคลื่นพลังที่แกร่งกล้าของหานโม่ฉือ

“เหอะ สหายเถียน ท่านเพิ่งบอกให้ตระกูลเหมียวของเราอธิบายกับเรื่องที่เกิดขึ้นมิใช่รึ ? แล้วเหตุใดจู่ ๆ จึงนิ่งเงียบไม่กล้าพูดเช่นนี้ ?”

เมื่อเห็นหานโม่ฉือและบุตรสาวปรากฏตัว เหมียวเหรินจวินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเบา ๆ และกล่าววาจาถากถางเถียนโป๋อันทันที

“เกรงว่าทุกอย่างคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ทุกคนกลับไปก่อนเถอะ เมื่อทราบว่าผู้ที่อยู่ในห้องคือใคร ข้าจะอธิบายกับสหายเหมียวและสหายน้อยโม่ฉือในภายหลัง”

จู่ ๆ หัวใจของเถียนโป๋อันก็เกิดความกังวลขึ้นมาและกล่าวด้วยเสียงอ่อน หานโม่ฉือปรากฎตัวตรงหน้าด้วยท่าทางสบาย ๆ เช่นนี้ หรือว่าเขาจะทราบแผนการทั้งหมดมาตั้งแต่แรกแล้ว ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ควรมีผู้ใดเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องโดยเด็ดขาด

ถึงแม้เถียนเยี่ยนจือจะมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก และคนเหล่านั้นก็กล้ากล่าวนินทาลับหลังเท่านั้น ทว่าหากคนตระกูลเหมียวเห็นความจริงที่เกิดขึ้นในห้อง เกรงว่าเกียรติยศและชื่อเสียงของคุณหนูตระกูลเถียนคงจะจบสิ้นเป็นแน่

“คงจะไม่ได้ เมื่อครู่ผู้นำเถียนกล่าวอย่างมั่นใจว่าหานโม่ฉือคือบุรุษที่อยู่ข้างในนั้น และในเมื่อสหายน้อยโม่ฉือยืนอยู่ตรงนี้กับเรา แน่นอนว่าเราย่อมต้องการเห็นว่าใครกันแน่ที่อยู่ในห้องนั้นและเหตุใดจึงใส่ร้ายสหายน้อยโม่ฉือเช่นนี้”

เหมียวเหรินจวินปฏิเสธทันทีและพุ่งตรงไปหน้าประตูห้องก่อนออกแรงเตะประตูให้เปิดออก

ในเวลานี้ ภายในห้อง เถียนเยี่ยนจือกำลังนัวเนียอยู่กับบุรุษผู้หนึ่ง แม้แต่การพังประตูเปิดเข้ามาของเหมียวเหรินจวินก็ยังไม่อาจแยกทั้งสองออกจากกันด้วยซ้ำ

เถียนโป๋อันก็มีสีหน้าที่แดงก่ำด้วยความโมโหทันที ทว่าในตอนนี้เขาไม่อาจหยุดยั้งอะไรได้ทันอีกต่อไป

“พวกเจ้ายังไม่เข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันอีกรึ !”

เขาตะโกนกร้าวทันที บุรุษตรงหน้าหันหลังให้กับทุกคนและไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนัก แม้ในตอนนี้จะโมโหอย่างที่สุด เถียนโป๋อันก็ต้องการทราบให้ได้ว่าบุรุษที่นัวเนียอยู่กับเถียนเยี่ยนจือคือผู้ใด

สาวรับใช้หลายคนรับคำสั่งและก้าวเข้าไปแยกเถียนเยี่ยนจือที่ราวกับเสียสติออกจากบุรุษผู้นั้นและเผยให้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน

“จิ๊จิ๊ ไม่คิดเลยว่าคนของตระกูลเถียนจะสนิทสนมกันถึงเพียงนี้”

เมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นอย่างชัดเจน เหมียวเหรินจวินก็หันไปมองหานโม่ฉือโดยอัตโนมัติก่อนสีหน้ากลับเป็นปกติและถอนหายใจเบา ๆ

“น่าขยะแขยงชะมัด !”

เหมียวเจินเจินยกมือปิดตาและอดกล่าวอย่างเย้ยหยันไม่ได้

บุรุษผู้นั้นก็มิใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นพี่ชายของเถียนเยี่ยนจือที่นำทางหานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินมาที่นี่ก่อนหน้านี้นั่นเอง