ตอนที่ 2023 หลักฐานพิสูจน์เรื่องนั้น?

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2023 หลักฐานพิสูจน์เรื่องนั้น?

คำว่าเทพเจ้าไม่ใช่คำที่จะใช้กันได้ง่ายๆในทวีปที่ถูกลืม เพราะอาจเสี่ยงกับการต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของเทพเจ้าโดยตรง

หินโลหิตเทพเจ้า…มันคือของล้ำค่าที่พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน มีของแบบนี้อยู่จริงๆหรือ?

“ใช่” จางเซวียนพยักหน้า

เหตุผลที่เขาเก็บกิริยาไม่อยู่เมื่อครู่ก่อนไม่ใช่เพราะความเชื่อมโยงระหว่างหินก้อนนี้กับเทพเจ้า แต่เป็นเพราะมีความเป็นไปได้สูงที่ของล้ำค่าชิ้นนี้อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิง!

ชื่อของหลัวลั่วชิงไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มไหน แต่ความแปลกประหลาดของหินโลหิตเทพเจ้าก้อนนี้มีความคล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิงมาก จางเซวียนสามารถประมวลหนังสือที่เกี่ยวข้องกับหินโลหิตเทพเจ้าได้ก็จริง แต่นอกเหนือจากชื่อของมันแล้ว หนังสือก็ไม่ได้บอกอะไรอีก

หลังจากที่หอสมุดเทียบฟ้าได้รับการยกระดับ จางเซวียนก็สามารถระบุรายละเอียดของของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ประมวลหนังสือได้แม้แต่กับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อย่างหานเจี้ยนชิว แต่สิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิง อย่างจี้สีแดงก่ำที่เขาสวมอยู่ หอสมุดเทียบฟ้าก็บอกได้แค่ชื่อของมันเท่านั้น ไม่ปรากฏรายละเอียดอื่นใดอีกเลย

ซึ่งหินก้อนนี้ก็เป็นแบบเดียวกัน!

นี่หมายความว่ามีโอกาสที่หินโลหิตเทพเจ้าก้อนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับเธอ

แน่นอนว่าเพียงเท่านี้ไม่อาจทำให้เขาจังงังได้ เพราะถึงอย่างไรหอสมุดเทียบฟ้าก็มีความลับอีกมากมายที่ยังไม่ถูกเปิดเผย เพียงแต่จางเซวียนไม่อาจทำนายพฤติกรรมของมัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกันระหว่างหลัวลั่วชิงกับหินโลหิตเทพเจ้าก็คือรังสีอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากจี้สีแดงก่ำบริเวณหน้าอกของเขาเมื่อเขาสัมผัสก้อนหิน จางเซวียนคงโง่เต็มทีหากยังปะติดปะต่อหลักฐานเหล่านี้เข้าด้วยกันไม่ได้!

“หินโลหิตเทพเจ้ามีอะไรเกี่ยวข้องกับเหล่าเทพเจ้าไหม?” ผู้จัดการหูตั้งคำถามด้วยสายตาที่บ่งบอกความพรั่นพรึง

เขาคงยิ่งกว่ายินดีปรีดาหากหินก้อนนี้เป็นทรัพย์สมบัติทั่วไป เพราะแน่ใจว่าวัตถุที่มีคุณภาพระดับหินก้อนนี้น่าจะขายได้ราคางาม แต่หากมีเทพเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง…

นั่นคือเรื่องที่ต้องกังวล!

ในฐานะพลเมืองของทวีปที่ถูกลืม เขารู้ดีว่าข้อห้ามเคร่งครัดข้อหนึ่งคือห้ามเข้าใกล้เทพเจ้า การเสาะหาความรู้และวัตถุที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้านั้นถือเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะจะทำให้เทพเจ้าเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมา

ถ้าหินก้อนนี้เกี่ยวข้องกับเหล่าเทพเจ้าจริงๆ การนำมันออกมาประมูลย่อมดึงดูดความสนใจของหอเทพเจ้า และนั่นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย

“ด้วยชื่อของมัน ผมแน่ใจว่ามันเชื่อมโยงกับเหล่าเทพเจ้า แต่ส่วนโครงสร้างของมันจะเป็นอย่างไร และใช้สำหรับทำอะไรนั้น เกรงว่าในเวลานี้ผมยังไม่มีคำตอบ…” จางเซวียนส่ายหน้า

สิ่งเดียวที่เขารู้เกี่ยวกับของล้ำค่าชิ้นนี้คือชื่อของมัน ในหนังสือที่หอสมุดเทียบฟ้าประมวลขึ้นไม่ได้บอกรายละเอียดหรือคำอธิบายใดๆเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือข้อบกพร่อง เขาจึงไม่รู้ว่ามันสามารถใช้หลอมเป็นอาวุธหรือมีอานุภาพพิเศษใดๆหรือไม่

แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือ หากแม้แต่หอสมุดเทียบฟ้าก็ยังไม่อาจประมวลข้อมูลที่สมบูรณ์แบบเกี่ยวกับของล้ำค่าชิ้นนี้ได้ ก็แปลว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าอย่างแน่นอน

“เอ่อ…” ผู้จัดการหูลังเล

เขาก็ดูออกว่าหินก้อนนี้มีบางอย่างพิเศษ จึงยอมจ่ายเงินสูงลิ่วเพื่อซื้อมันมา จากนั้นก็ใช้เงินอีกมากเพื่อการตรวจสอบสมบัติ

ถ้ามันเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าจริงๆ…แล้วเขาควรทำอย่างไร? ควรขายมันหรือเปล่า?

ผู้จัดการหูตั้งคำถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “น้องจาง เมื่อครู่นี้คุณบอกว่ามันคือหินโลหิตเทพเจ้า แล้วคุณมีหลักฐานพิสูจน์เรื่องนั้นไหม? ต้องขออภัยด้วยที่ถามแบบนี้ ไม่ใช่เพราะผมแคลงใจในการตรวจสอบของคุณ แต่ชื่อนั้นมีความสำคัญมาก ผมต้องระมัดระวังที่สุดหากจะต้องเกี่ยวข้องกับมัน…”

“หลักฐานพิสูจน์เรื่องนั้น?” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ก็พอมีวิธี!”

“ทำอย่างไรล่ะ?” ผู้จัดการหูถามอย่างร้อนใจ

“ง่ายนิดเดียว ในเมื่อชื่อของมันคือหินโลหิตเทพเจ้า ก็น่าจะหลงเหลือร่องรอยของโลหิตของเทพเจ้าอยู่บ้าง ถ้าคุณมีเลือดของอสูรอมตะที่ดุร้ายที่สุดในทวีปแห่งนี้อยู่ล่ะก็ นำเลือดนั้นมาสัมผัสกับ หินโลหิตเทพเจ้าและดูว่ามันมีปฏิกิริยาอย่างไร ถ้าเลือดของอสูรนั้นแสดงอาการยอมจำนนต่อหินโลหิตเทพเจ้าล่ะก็ เพียงเท่านั้นก็เกินพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าการตรวจสอบของผมไม่ผิดพลาด!” จางเซวียนตอบ

ถึงจางเซวียนจะไม่รู้คุณสมบัติที่แท้จริงของหินโลหิตเทพเจ้า แต่ก็มีความเข้าใจอย่างล้ำลึกในเรื่องของอสูรอมตะ

ในเมื่อของล้ำค่าชิ้นนี้มีคำว่า ‘โลหิตเทพเจ้า’ อยู่ ก็น่าจะต้องมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเลือดของเทพเจ้า ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ต่อให้อสูรที่น่าสะพรึงที่สุดในทวีปที่ถูกลืมก็จะถูกกดข่มสายเลือดโดยอัตโนมัติ

นี่คือกระบวนการที่เขาได้เรียนรู้จากหอสมุดของสำนักดาบเมฆเหิน

ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา ไม่มีอสูรอมตะแม้สักตัวที่กล้าเข้าใกล้หอเทพเจ้าเพราะรังสีที่หอเทพเจ้าแผ่ออกมา รังสีนั้นมาจากตัวอักษรคำว่าเทพเจ้าอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจากที่ผู้ก่อตั้งฉกฉวยไป

“เอ่อ…ผมจะไปหามาเดี๋ยวนี้แหละ!”

วิธีการนี้ฟังดูมีเหตุผลและเป็นไปได้ ทั้งยังไม่ได้ยากเย็นเกินไป ผู้จัดการหูกับผู้อาวุโสเหอสบตากัน ฝ่ายหลังพยักหน้าขณะรีบออกจากห้อง

เขาร้อนใจมาก อยากรู้ว่าของล้ำค่าชิ้นนี้คือหินโลหิตเทพเจ้าจริงหรือไม่

ถ้าเป็นหินโลหิตเทพเจ้าจริง ต่อให้เขาต้องสูญเสียครั้งใหญ่ ก็ไม่มีวันกล้านำของล้ำค่าที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าเข้าสู่การประมูล

เพราะถึงอย่างไร เงินมากมายแค่ไหนก็ไม่อาจช่วยชีวิตเขาจากความโกรธเกรี้ยวของเทพเจ้าได้

1 ชั่วโมงต่อมา ผู้จัดการหูก็กลับมาพร้อมกับขวดหยกหลายใบในมือ

“ขวดเหล่านี้มีเลือดของอสูรอมตะขั้นสูงอยู่” ผู้จัดการหูพูด

ในโลกนี้มีอสูรที่มีวรยุทธอมตะขั้นสูงอยู่ไม่มากนัก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาตัวพวกมันพบในทันที แต่หากเป็นการนำแค่เลือดของมันมา ก็พอหาได้บ้างตามท้องตลาด

เลือดของอสูรอมตะขั้นสูงมีพลังงานปริมาณสูงมาก ทำให้เป็นทรัพยากรล้ำค่าสำหรับการยกระดับวรยุทธ ขอแค่ใครสักคนมีเงินมากพอ ก็สามารถหาเลือดของอสูรเหล่านี้ได้จากท้องตลาดหรือหอนิรันดร์

“ขวดใบนี้บรรจุเลือดของอสูรอมตะพยัคฆ์หมึกที่โตเต็มวัย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีวรยุทธอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์” ผู้จัดการหูอธิบายขณะหยดเลือดหยดหนึ่งลงไปบนหินโลหิตเทพเจ้า

แม้จะเป็นเพียงเลือดหยดเดียว แต่ด้วยพลังจิตวิญญาณมหาศาลที่อยู่ในนั้น มันจึงหนักอึ้งราวกับทองคำ เมื่อหยดลงไป ก็ได้ยินเสียงหวีดหวิวแหวกผ่านอากาศ

ฟึ่บ!

ขณะที่เลือดหยดนั้นกำลังจะหยดลงบนก้อนหิน มันก็เบี่ยงเบนทิศทางอย่างฉับพลันแล้วกระเด็นออกไปด้านข้าง ราวกับได้เผชิญหน้ากับบางอย่างที่สร้างความหวาดกลัวอย่างล้ำลึกจนต้องหนี

ภาพนี้ทำให้ผู้จัดการหูพูดอะไรไม่ออก

หากก่อนหน้านี้เขายังแคลงใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็แน่ใจแล้วว่าคำพูดของจางเซวียนถูกต้อง ในบรรดา เลือดอสูรหลายขวดที่เขานำมา อสูรอมตะพยัคฆ์หมึกคือตัวที่แข็งแกร่งที่สุด

แต่ก็เผื่อไว้ในกรณีที่อาจมีข้อยกเว้น ผู้จัดการหูจึงทำการทดลองกับเลือดขวดอื่นๆด้วย ซึ่งทุกขวดก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน ยังไม่ทันที่จะได้หยดลงบนหินโลหิตเทพเจ้า พวกมันก็ลอยหนีไป ราวกับไม่กล้าปล่อยให้ของล้ำค่าจากสวรรค์ต้องแปดเปื้อน

สิ่งนี้เกินพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าหินโลหิตเทพเจ้ามีพละกำลังบางชนิดที่ทำให้อสูรอมตะเหล่านั้นยำเกรง

นอกเหนือจากเทพเจ้า ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่พวกเขานึกออกที่จะทำให้พวกมันมีปฏิกิริยาแบบนี้ได้!

“นี่เป็นการพิสูจน์สิ่งที่คุณพูดแล้ว มันคือหินโลหิตเทพเจ้าจริงๆ” ผู้จัดการหูเปรยพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเงยหน้ามองจางเซวียน

ชายหนุ่มคนนี้อธิบายได้ชัดเจนว่าหินก้อนนี้มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับโลหิตของเทพเจ้าโดยไม่ได้ใช้เครื่องมือใดๆเลย บ่งบอกว่าความสามารถในการหยั่งรู้ของเขาน่าสะพรึงมาก

“สำหรับของล้ำค่าชิ้นนี้…คุณมีข้อมูลไหมว่ามันถือกำเนิดขึ้นเมื่อไหร่ และที่อยู่จริงๆของมันคือที่ไหน?” จางเซวียนตั้งคำถาม

“ตอนที่ผมซื้อมันมา ชายผู้นั้นเพียงแค่บอกชื่อทะเลดาวพลัดถิ่น ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆนอกเหนือจากนั้น” ผู้จัดการหูตอบ

“ถ้าอย่างนั้น…คุณพอจะติดต่อกับชายที่ขายหินก้อนนี้ให้คุณได้ไหม? ผมมีบางคำถามที่อยากถามเขา” จางเซวียนถามต่อ

“ผมจะลองดู” ผู้จัดการหูนำตราหยกสื่อสารออกมาและพยายามส่งข้อความหาอีกฝ่าย แต่หลังจากรออยู่ระยะหนึ่งก็ไม่ได้คำตอบ จึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “เขาไม่ตอบ ผมไม่เห็นเขาอยู่ในเมืองเลยตั้งแต่ผมซื้อหินก้อนนั้นมา การติดต่อเขาทำได้คงยากแล้วล่ะ”

จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดนั้น

เขาคิดว่าจะตั้งคำถามกับอีกฝ่ายเพื่อหาข้อมูลเพิ่ม แต่เท่าที่เห็น ตอนนี้ดูจะเป็นไปไม่ได้

จางเซวียนพยายามซักไซ้อีกสองสามคำถาม แต่ก็ไม่ได้เงื่อนงำใดที่พอจะมีประโยชน์ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง

“ถ้าอย่างนั้น…คุณรู้ไหมว่าชายผู้นั้นได้หินก้อนนี้มานานแค่ไหนแล้ว?” ในที่สุดจางเซวียนก็ตั้งคำถามอีก

“ผมซื้อหินก้อนนี้มาได้ราว 1 เดือนแล้ว และจำได้ว่าชายผู้นั้นบอกว่ามันมาอยู่กับเขาได้ราว 1 เดือนเหมือนกัน รวมแล้ว หินก้อนนี้ถูกพบครั้งแรกเมื่อ 2 เดือนก่อน!”

“2 เดือน?” จางเซวียนคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อลองนึกดู เป็นเวลาราว 1 ปี 4 เดือนแล้วที่หลัวลั่วชิงออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์ และเขาเข้าสู่มิติเบื้องบน

ด้วยอัตราส่วน 1:10 ของกาลเวลาในมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ 1 ปี 4 เดือนคือราวๆ 500 วัน ซึ่งจะเท่ากับ 50 วันในมิติเบื้องบน และตัวเขาก็เพิ่งมาถึงมิติเบื้องบนได้ราว 10 วัน รวมกันเป็น 2 เดือนพอดี!

หลักฐานชิ้นนี้ดูจะบอกชัดว่าหินโลหิตเทพเจ้ามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิง

ส่วนจะเป็นความจริงหรือไม่นั้น เขาจะต้องเดินทางไปเยือนตำหนักคว้าดาวเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยด้วยตัวเอง

เมื่อเข้าใจทั้งหมดแล้ว จางเซวียนระบายลมหายใจยาวก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ผู้จัดการหู คุณมีหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงอยู่บ้างไหม? ถ้าเป็นไปได้ ผมขอยืมดูสักหน่อยได้หรือเปล่า? แค่ดูผ่านๆเท่านั้น ผมรับประกันว่าจะไม่ทำสำเนาหรือนำมันติดตัวไป”

นี่คือเหตุผลหลักของการมาตรวจสอบสมบัติที่นี่ ถ้าเขาอยากแกะรอยตามหลัวลั่วชิงต่อไป การยกระดับวรยุทธก็มีความสำคัญสูงสุด