ตอนที่ 2024 เหลือเชื่อจริงๆ!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2024 เหลือเชื่อจริงๆ!

เมื่อเขาได้กลายเป็นนักรบอมตะตัวจริงแล้วเท่านั้น ถึงจะมีพละกำลังแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้ในโลกใบนี้

“หนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริง?” ได้ยินคำร้องขอนั้น ผู้จัดการหูครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ผมพอมี มันคือสำเนาที่ผมทำไว้ก่อนการประมูล ถ้าคุณอยากดูล่ะก็ น้องจาง, ผมยิ่งกว่ายินดีที่จะแบ่งปันมันให้คุณ!”

ในเมื่อชายหนุ่มไขข้อสงสัยของวัตถุหายากแบบนี้ได้ ความสามารถในการหยั่งรู้ของเขาก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน

หากเขาหว่านล้อมอีกฝ่ายให้ยอมทำงานที่ตลาดอู๋ไห่ได้สำเร็จ ก็น่าจะสร้างชื่อเสียงและนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ธุรกิจได้อีกมาก

ดังนั้น ผู้จัดการหูจึงตอบรับคำขอของจางเซวียน

อีกอย่าง ชายหนุ่มบอกไว้แล้วว่าแค่จะดูผ่านๆ ไม่ได้ทำสำเนาหรือนำมันติดตัวไป ซึ่งคำขอแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขาเสียหายอะไรเลย

“ขอบคุณมาก ผู้จัดการหู”

เมื่อได้การตอบรับจากอีกฝ่าย จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามองก้อนหินสีแดงก่ำนั้นเป็นครั้งสุดท้ายและให้คำแนะนำ “ผู้จัดการหู หินโลหิตเทพเจ้ามีความเชื่อมโยงอย่างล้ำลึกกับเรื่องราวต่างๆของเทพเจ้า จะดีที่สุดหากคุณไม่นำมันออกประมูล ใช้ค่ายกลปกปิดมันไว้ และดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครรู้ว่ามีมันอยู่ ถ้าบังเอิญผมค้นพบวิธีใช้หินโลหิตเทพเจ้าล่ะก็ ผมจะกลับมาบอกคุณ!”

“ขอรบกวนคุณด้วยก็แล้วกัน น้องจาง” ผู้จัดการหูตอบพร้อมกับพยักหน้า

ต่อให้ชายหนุ่มไม่พูดอะไร เขาก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะต่อให้เขากล้ากว่านี้อีก 10 เท่า ก็ไม่มีวันกล้าทำเรื่องที่เป็นความกระด้างกระเดื่องอย่างการนำหินโลหิตเทพเจ้าออกประมูล!

แม้เขาจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งอมตะขั้นสูงแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าหอเทพเจ้าสามารถทำลายทุกสิ่งที่เขาครอบครองได้อย่างง่ายดาย การทำตัวล้ำเส้นผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย

ที่สำคัญกว่านั้น ต่อให้หอเทพเจ้าไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว แต่การมีอยู่ของหินโลหิตเทพเจ้าก็ย่อมดึงดูดความสนใจของทั้ง 6 สำนักใหญ่ เขาเป็นแค่พ่อค้าคนหนึ่ง ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับการเมืองที่แสนอันตรายในทวีปที่ถูกลืม

ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาก็เหลือทางเลือกเดียวคือปิดข่าวให้สนิท

หลังจากสั่งการให้คนของตัวเองปิดผนึกหินโลหิตเทพเจ้าแล้ว ผู้จัดการหูก็พาจางเซวียนไปที่ตลาดคลังหนังสือ

ก็ตามชื่อของมัน มีหนังสือล้ำค่ามากมายเรียงรายอัดแน่นอยู่บนชั้น แม้โดยปริมาณจะยังเทียบไม่ได้กับหอสมุดของสำนักดาบเมฆเหิน แต่ก็ถือว่าน่าประทับใจ

ที่นี่มีหนังสือแค่ 70 เล่ม…จางเซวียนส่ายหน้าและถอนหายใจเฮือกใหญ่

อันที่จริง มีหนังสืออยู่ที่นี่มากกว่า 70 เล่ม แต่มีเพียง 70 เล่มเท่านั้นที่เป็นหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริง

ดูเหมือนหนังสือเพียง 70 เล่มไม่น่าจะแก้ไขข้อบกพร่อง 7 ข้อที่มีอยู่ในเคล็ดวิชาเทียบฟ้าได้

ประมวล*!* จางเซวียนเพ่งสมาธิขณะรวบรวมหนังสือทั้ง 70 เล่มเข้ากับเคล็ดวิชาเทียบฟ้าที่ประมวลไว้แล้ว

เขาไม่คาดหวังอะไรมากนัก แต่เมื่อเปิดหนังสือเคล็ดวิชาเทียบฟ้าที่ประมวลขึ้นใหม่ ก็ต้องตาโตด้วยความตื่นเต้น

น่าประหลาดใจเหลือเกินที่ข้อบกพร่องทั้ง 7 ข้อได้รับการแก้ไขแล้ว ตอนนี้เคล็ดวิชาเทียบฟ้าของวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงที่เขามีอยู่นั้นถือว่าสมบูรณ์แบบ!

จางเซวียนแทบไม่เชื่อสายตา

เขาคิดว่าหนังสือ 70 เล่มน่าจะแก้ไขข้อบกพร่องได้อย่างมากเพียงหนึ่งหรือสองข้อ แต่มันกลับแก้ไขข้อบกพร่องทั้งหมดได้ในคราวเดียว ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้?

ด้วยความประหลาดใจ จางเซวียนรีบพลิกดูหนังสือทั้ง 70 เล่มที่เขาเพิ่งประมวล ไม่ช้าก็ตาโตเมื่อพลันเข้าใจอะไรบางอย่าง

เป็นธรรมดาที่หนังสือที่นำออกขายในการประมูลจะไม่ลึกซึ้งไร้เทียมทานเหมือนกับหนังสือที่มีอยู่ในสำนักดาบเมฆเหิน แต่มันก็แตกต่างจากวิถีทางโดยทั่วไปที่นักรบส่วนใหญ่ใช้กัน

ก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้หนังสือเทคนิควรยุทธเหล่านี้ถูกนำออกขายในราคาสูงลิ่ว นักรบมากมายนับไม่ถ้วนอยากได้มันมาครอบครอง

หนังสือ 600 เล่มจากสำนักดาบเมฆเหินถือเป็นวิถีทางฝึกฝนแบบเก่า ขณะที่ 70 เล่มนี้ไม่ได้เป็นไปตามครรลองเดิม พวกมันจึงเติมเต็มซึ่งกันและกันและแก้ไขสิ่งที่อีกฝ่ายยังขาดอยู่ได้ ด้วยวิธีนี้ ข้อบกพร่องทั้งหมดจึงได้รับการแก้ไข

“น้องจาง ไม่ทราบว่ามีหนังสือเทคนิควรยุทธเล่มไหนที่คุณสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่า ผมจัดหามันให้คุณได้นะ” ผู้จัดการหูพูดยิ้มๆ

“ไม่เป็นไร ผมดูผ่านๆครบหมดแล้ว ขอบคุณมากสำหรับความมีน้ำใจของคุณ” จางเซวียนประสานมือ

“คุณดูผ่านๆหมดแล้ว?” ผู้จัดการหูถึงกับผงะ

ทั้งคู่เพิ่งมาที่นี่ได้เพียงนาทีเดียว แล้วชายหนุ่มก็แค่กวาดสายตาผ่านกองหนังสือเท่านั้น เขาอ่านผ่านๆหมดแล้วหรือ?

ทำอย่างกับออกจากการแสดงทั้งที่มันเพิ่งเริ่ม จะไม่เร็วไปหน่อยหรือไง?

คุณแน่ใจนะว่ามาที่นี่เพื่อดูหนังสือ?

เหลือเชื่อจริงๆ!

“ผมเพิ่งพบข้อสงสัยบางอย่างในการฝึกฝนวรยุทธที่ไม่อาจหาคำตอบได้ จึงอยากดูหนังสือบางเล่มเพื่อหวังว่าจะเกิดแรงบันดาลใจ แต่หนังสือที่คุณมีอยู่ที่นี่ดูจะไม่เหมาะกับผม เพราะฉะนั้น แทนที่จะทำให้ตัวเองสับสนยิ่งขึ้นไปอีก ผมจึงคิดว่าไม่ศึกษามันจะดีกว่า” จางเซวียนอธิบายยิ้มๆ

“เอ่อ…เอาเถอะ ผมเข้าใจว่าคุณหมายความว่าอย่างไร หนังสือเทคนิควรยุทธเหล่านี้ดูจะผิดแปลกแตกต่างไปจากครรลองเดิมๆที่บรรดาศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินฝึกฝนกัน” ผู้จัดการหูพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง ดูจะรับได้กับข้ออ้างของจางเซวียน

วรยุทธไม่ใช่สิ่งที่จะยกระดับกันได้ง่ายๆเพียงแค่ด้วยการศึกษาหาความรู้ มันคือสาขาความรู้ที่กว้างไกลเกินกว่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำความเข้าใจได้หมด ดังนั้น การอ่านหนังสือในจำนวนที่มากเกินไปก็อาจนำพาผู้นั้นไปสู่ความเข้าใจผิด แยกแยะความจริงออกจากความเท็จไม่ออก สุดท้ายก็ส่งผลให้วรยุทธของเขาถูกธาตุไฟเข้าแทรก

“น้องจาง ผมเป็นหนี้บุญคุณที่คุณช่วยชีวิตผมไว้จากหายนะ นี่คือของเล็กๆน้อยๆแทนความสำนึกในบุญคุณจากผม หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธ…”

ก่อนออกจากห้อง ผู้จัดการหูยื่นเหรียญนิรันดร์ถุงหนึ่งให้จางเซวียน มันดูหนักอึ้ง น่าจะมีเงินมากกว่า 100 เหรียญอยู่ในนั้น

ผู้จัดการหูทุ่มทุนทีละมากๆขนาดนี้ ดูเหมือนเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะดึงจางเซวียนมาทำงานด้วยให้ได้

“ผู้จัดการหู คุณมีน้ำใจเหลือเกิน ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น” จางเซวียนโบกมือและไม่ยอมรับเงิน

เขารักเงินยิ่งกว่าอะไร แต่เงินเพียงเท่านี้ไม่มากพอจะโน้มน้าวเขาได้ และเขาก็ไม่อยากสนิทชิดเชื้อกับผู้จัดการหูให้มากนัก

อีกอย่าง เขาก็มีวิธีหาเงินที่มีประสิทธิภาพกว่านี้มากอยู่แล้ว

“ลาก่อน ต่อไปเราคงได้พบกันอีก” จางเซวียนพูดก่อนจะเดินออกจากตลาด

เหตุผลที่เขามาที่ตลาดอู๋ไห่ก็เพื่อหาหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในเคล็ดวิชาเทียบฟ้าของเขา ซึ่งเป้าหมายนั้นก็สำเร็จแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ได้เวลากลับไปยกระดับวรยุทธเสียที

ขอแค่เขายกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ได้ ด้วยดาบถงซังในมือ เขาจะสามารถต่อกรได้แม้แต่กับคู่ต่อสู้ที่เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองมากนักหากต้องเดินทางไปยังทะเลดาวพลัดถิ่นเพื่อตามหาหลัวลั่วชิง!

เมื่อออกจากตลาดอู๋ไห่ จางเซวียนพบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว ดวงจันทร์กระจ่างส่องสว่างโดยมีหมู่ดาวเป็นฉากหลัง บริเวณโดยรอบเงียบสงบมาก

จางเซวียนเดินไปตามถนน มุ่งหน้าสู่หอนิรันดร์ แต่หลังจากออกเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็หรี่ตาทันที

การควบคุมมิติ*?*

นัยน์ตาของจางเซวียนฉายความพรั่นพรึงขณะขนลุกขนชันทั่วทั้งตัว

หากเป็นใครสักคนในมิติเบื้องบนที่เจอปรากฏการณ์แบบนี้ ต่อให้เป็นนักรบอมตะขั้นสูง ก็อาจไม่รู้ว่าแท้ที่จริงมันคืออะไร แต่เพราะจางเซวียนมีความเชี่ยวชาญเรื่องมิติตั้งแต่ตอนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ จึงรู้ดีว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า

ใครคนหนึ่งสกัดกั้นมิติที่อยู่รอบตัวเขาไว้!

หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขาถูกนำตัวเข้าสู่มิติลี้ลับ ซึ่งต่อให้เอ็ดตะโรโวยวายแค่ไหน ก็ไม่มีใครในโลกภายนอกที่จะได้ยิน

ถ้าเป็นในทวีปแห่งปรมาจารย์ แม้แต่นักรบระดับเซียนขั้น 9 ก็สามารถควบคุมมิติได้โดยใช้วิธีการบางอย่าง แต่ในมิติเบื้องบน ต่อให้นักรบอมตะขั้นสูงก็ไม่อาจควบคุมมิติได้

เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า ผู้ที่จับตัวเขาคือ…

จางเซวียนรีบหันมามองกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า พวกนั้นมีกันทั้งหมด 4 คน ทุกคนสวมเสื้อคลุมสีดำ แผ่รังสีเยือกเย็นออกมาในแบบที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนพวกเขามาจากนรกขุมลึก

นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ 3 คนกับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 1 คน? จางเซวียนขมวดคิ้ว

คู่ต่อสู้อ่อนแอกว่าที่เขาคิดไว้ ซึ่งถือว่าโชคดีมาก แต่ก็ยังเหนือความสามารถที่เขาจะรับมือไหวอยู่ดี

จางเซวียนเป็นแค่นักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ แม้เคล็ดวิชาเทียบฟ้าของเขาจะรับมือกับนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ได้ แต่การจะเล่นงานนักรบระดับนั้นถึง 3 คนพร้อมๆกัน แถมด้วยนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีกคนหนึ่งย่อมเป็นเรื่องเกินกำลัง

คนพวกนี้เป็นใคร? ทำไมถึงมาเล่นงานเขา?

จางเซวียนวางท่าให้ดูสุขุมลุ่มลึกดังเดิม เขาตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พวกคุณมาฆ่าผมหรือ?”

เจตนาสังหารที่คนเหล่านั้นแผ่ออกมาหนักหน่วงเสียจนแม้แต่นักรบธรรมดาสามัญก็รู้สึกได้ นับประสาอะไรกับจางเซวียน

นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ไม่หันมามองจางเซวียน เขาชำเลืองมองนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์คนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำและพูดว่า “ผมจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณนะ จำไว้ให้ดีว่านายท่านของเราบอกไว้อย่างไร!”

“ขอรับ!”

ได้ยินคำสั่งนั้น นักรบเสื้อคลุมสีดำที่ถูกเลือกก็พุ่งเข้าใส่และปล่อยพลังฝ่ามือเข้าหาจางเซวียนทันที

บึ้มมมม!

พละกำลังทำลายล้างแผ่ออกไปโดยรอบราวกับพายุทอร์นาโด ยังไม่ทันที่ฝ่ามือจะถึงเป้าหมาย จางเซวียนก็รู้สึกแน่นหน้าอกอย่างหนัก

“เขาเก่งกาจจริงๆ!” จางเซวียนหรี่ตา

จางเซวียนไม่เคยต่อกรกับนักรบอมตะตัวจริงมาก่อน แต่การได้ประลองศิลปะเพลงดาบกับคนอื่นๆในสภาผู้อาวุโสก็ทำให้เขาพอประเมินได้ว่านักรบอมตะตัวจริงโดยทั่วไปมีความแข็งแกร่งขนาดไหน

ถึงจางเซวียนจะเป็นแค่นักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ แต่ด้วยวิธีการมากมายที่เขามีอยู่ ก็ถือว่าเกินพอที่จะรับมือกับนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ได้

แต่พละกำลังที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาก็ทำให้เขาหายใจหายคอไม่ออก!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายผู้นี้แข็งแกร่งกว่านักรบอมตะตัวจริงโดยทั่วไปมาก ถึงขนาดที่อาจเทียบชั้นกับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั่วไปได้เลยทีเดียว

“ถอย!” รู้ดีว่าไม่มีเวลาให้คิดเยอะ สิ่งแรกที่จางเซวียนทำคือหลบการโจมตีของอีกฝ่ายด้วยการกระโจนถอยหลังไป

พร้อมกันนั้น เขาก็เคาะนิ้ว

ฟิ้ววววว!