ตอนที่ 2025 ทำไมถึงอยากฆ่าเขา?

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2025 ทำไมถึงอยากฆ่าเขา?

กระแสดาบฉีพุ่งออกมาทำลายการโจมตีของอีกฝ่าย ตรงเข้าสู่หว่างคิ้วของชายผู้นั้น

ในเมื่ออีกฝ่ายจงใจสังหารเขา จางเซวียนจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัว เขาไม่ได้ถ่ายทอดเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าเข้าไป แต่การโจมตีนั้นก็มีความเข้าใจอย่างล้ำลึกในศิลปะเพลงดาบของเขาอยู่

ด้วยความกะทันหันของการโจมตี จางเซวียนน่าจะเอาชนะนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าได้ไม่ยาก และก่อนที่คนอื่นๆจะมีโอกาสได้ตีวงล้อม เขาก็จะหาทางทำลายการสกัดกั้นมิติและหลบหนี!

“คุณเก่งกาจไม่เบานะ ดูเหมือนภารกิจนี้จะไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด!”

ขณะที่กระแสดาบฉีกำลังจะแทงทะลุหน้าผากของเขา ชายเสื้อคลุมสีดำก็หัวเราะหึๆขณะยื่นมือออกมาแล้วคว้ากระแสดาบฉีนั้นไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่ากระแสดาบฉีจะดิ้นรนขัดขืนแค่ไหน ก็ไม่อาจหลุดรอดจากนิ้วของเขาได้

เห็นภาพนั้น จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด

ด้วยพละกำลังของการโจมตีก่อนหน้านี้ ต่อให้เป็นบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดของสำนักดาบเมฆเหิน ก็คงไม่ทันระวังและถูกสังหารได้ในชั่วพริบตา

แต่นักรบอมตะตัวจริงคนนี้คว้ากระแสดาบฉีของเขาไว้ได้อย่างง่ายดายราวกับจับแมลงตัวหนึ่ง

หมอนั่นจะต้องทรงพลังขนาดไหน?

“ไป!”

ขณะที่จางเซวียนกำลังงุนงง ชายเสื้อคลุมสีดำก็เปลี่ยนทิศทางของกระแสดาบฉีที่เขาคีบไว้ โดยปล่อยมันกลับเข้าหาจางเซวียน

ฟิ้ววววว!

การโจมตีอย่างกะทันหันครั้งนี้ทำให้จางเซวียนไม่ทันระวัง เขาถอยกรูดไปทันที

แต่ถึงอย่างนั้น กระแสดาบฉีก็ยังเล่นงานที่หัวไหล่ ทำให้เลือดสดๆซึมออกมา

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันที่ใครสักคนสามารถใช้กระแสดาบฉีของตัวเขามาเล่นงานเขาเองได้!

“ไม่เลว ผมเล็งที่คอของคุณอยู่นะ” ชายเสื้อคลุมสีดำยิ้มเมื่อเห็นว่าการโจมตีจางเซวียนพลาดเป้าไป

จางเซวียนพยายามระงับความประหลาดใจไว้ เขาสูดหายใจลึกและเพ่งสมาธิ ข้อบกพร่อง*!*

อีกฝ่ายช่างแปลกประหลาดพิสดารเหลือเกิน เขาจำเป็นต้องพึ่งพาหอสมุดเทียบฟ้าเพื่อเอาชนะสถานการณ์ที่เป็นอยู่

วิ้งงงง!

หอสมุดเทียบฟ้าสั่นสะท้าน แต่ไม่มีหนังสือปรากฏ

“อะไรกัน?” จางเซวียนตัวแข็ง

การที่ไม่มีหนังสือถูกประมวลขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้าก็หมายความว่าอีกฝ่ายอยู่ในระดับที่เหนือชั้นกว่าสวรรค์ของมิติเบื้องบน หรือไม่ก็ใช้เทคนิคพิเศษบางอย่างที่ปกปิดตัวเองไว้จากสายตาของสวรรค์

นี่คืออานุภาพของมิติลี้ลับหรือเปล่า*?* จางเซวียนครุ่นคิด

เขาเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาแล้วในทวีปแห่งปรมาจารย์ มีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะกำลังใช้วิธีเดียวกัน

เมื่อสวรรค์ถูกสกัดกั้นไว้ หอสมุดเทียบฟ้าก็ไม่อาจทำงานของมันได้ แต่นี่ก็นำไปสู่การตั้งคำถามอีกคำถามหนึ่ง-ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้เพื่ออะไร?

เป็นไปได้ไหมว่าพวกนั้นรู้เรื่องหอสมุดเทียบฟ้าเช่นกัน จึงเลือกวางกับดักตัวเขา?

แต่นั่นไม่น่าเป็นไปได้ สิ่งที่เป็นไปได้คือคนเหล่านี้น่าจะยำเกรงวิถีทางของสำนักดาบเมฆเหิน เพราะเหล่าผู้อาวุโสคอยจับตาเราอยู่เผื่อเราจะเผชิญกับอันตราย พวกเขาจึงอาจใช้วิธีนี้เพียงเพื่อยื้อเวลา…

จางเซวียนแน่ใจว่าในโลกใบนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากหลัวลั่วชิงที่รู้เรื่องหอสมุดเทียบฟ้า เหตุผลนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ ความเป็นไปได้ก็คือคนเหล่านี้น่าจะแค่ขู่สำนักดาบเมฆเหิน

“ผมรู้มาว่าคุณมีความเชี่ยวชาญในวิถีเพลงดาบ ทำไมไม่แสดงให้พวกเราเห็นสักหน่อยว่าศิลปะเพลงดาบของคุณทรงพลังขนาดไหน?”

ขณะที่จางเซวียนกำลังพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ชายเสื้อคลุมสีดำที่อยู่ตรงหน้าก็โจมตีซ้ำด้วยการกระดิกนิ้ว

ฟิ้ววววว!

กระแสดาบฉี 4-5 สายพุ่งออกจากนิ้วทั้ง 5 ของเขา มันตรงเข้าหาจางเซวียนด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง จางเซวียนกระทืบเท้าทันทีและหลบไปด้านข้าง

ศิลปะการเคลื่อนไหวเทียบฟ้า!

แต่แม้จะเคลื่อนไหวรวดเร็วขนาดนั้น กระแสดาบฉีทั้ง 5 สายก็ยังมีความเร็วพอๆกัน ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนไหวไปทางไหน กระแสดาบฉีทั้ง 5 ก็ตามทัน เขาไม่มีทางหนีพ้นเลย!

“กระบวนท่าของหมอนั่นน่าทึ่งจริงๆ” จางเซวียนพึมพำ

เขารู้ดีว่าคราวนี้เจอของจริงแล้ว

ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะสามารถควบคุมกระแสดาบฉีให้ตามศิลปะการเคลื่อนไหวเทียบฟ้าของเขาได้ทัน สิ่งที่อีกฝ่ายทำคือล็อคกระแสดาบฉีของตัวเองไว้ให้มีเป้าหมายอยู่ที่เจตจำนงเพลงดาบของเขา ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจางเซวียนจะไปทางไหน กระแสดาบฉีก็จะตามไปติดๆ

จางเซวียนมีความเชี่ยวชาญในการเคลื่อนไหวแบบนี้ แต่มันเป็นเทคนิคการเคลื่อนไหวชั้นสูงที่เขาต้องอาศัยเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าในการขับเคลื่อน เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดนี้

สำนักดาบเมฆเหินขึ้นชื่อว่าเป็นที่พำนักของเหล่านักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ขนาดศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่แข็งแกร่งเป็นที่หนึ่งในหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงที่เขาได้พบเมื่อวานก็ไม่อาจทำแบบนี้ได้!

เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนคิดหนัก กลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขามาจากไหน? ทำไมถึงอยากฆ่าเขา?

ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาทันที จางเซวียนนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ “พวกคุณมาจากหอเทพเจ้าหรือ?”

เจ้าสำนักหานเจี้ยนชิวเคยบอกไว้ว่าเขาต้องเก็บตัวตนที่แท้จริงไว้เป็นความลับ เพราะไม่อย่างนั้น หอเทพเจ้าอาจจับตาดูและพยายามปลิดชีวิตเขาได้

ในตอนนั้น จางเซวียนคิดว่าด้วยความถ่อมเนื้อถ่อมตัวของเขา คงอีกนานกว่าปัญหาจะมาถึงตัว

แต่เพียงไม่ทันข้ามวัน ศัตรูก็แกะรอยของเขาได้แล้ว

ดูเหมือนจางเซวียนจะประเมินความสามารถของหอเทพเจ้าต่ำไป การที่พวกนั้นรู้ตัวตนของเขาและสะกดรอยตามเขามาได้ภายในเวลาเพียงวันเดียวก็บอกชัดแล้วว่าฝีมือของคนเหล่านี้สูงส่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก

ฟิ้วววว!

แทนที่จะตอบคำถามของจางเซวียน ชายเสื้อคลุมสีดำกระดิกนิ้วอีกครั้งและปล่อยกระแสดาบฉีอีกหลายสายเข้าใส่

กระแสดาบฉีเหล่านี้หลอมรวมกับกระแสดาบฉีสายก่อนๆอย่างรวดเร็ว ทำให้พละกำลังและความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอีกมาก ดูเหมือนพวกเขาตั้งใจจะเล่นงานจางเซวียนให้ได้

“จัดการ!”

จางเซวียนรีบส่งพลังปราณเข้าสู่ปลายนิ้วแล้วปล่อยมันออกไปเล่นงานกระแสดาบฉีที่อยู่ด้านหลัง

กระแสดาบฉี 2 สายปะทะกัน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น

รอไม่ได้แล้ว*!* จางเซวียนคิดขณะหาโอกาสถอยห่างจากคู่ต่อสู้

เพื่อหลบเลี่ยงกระแสดาบฉีของอีกฝ่าย เขาต้องบีบอัดพลังปราณอย่างหนักและปลดปล่อยมันออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงเท่านี้ก็ทำให้ภายในร่างกายได้รับความบอบช้ำเล็กน้อยแล้ว

แต่คู่ต่อสู้ของเขาดูจะสบายอารมณ์กว่ามาก เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ปล่อยพละกำลังเต็มพิกัด เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนรู้ตัวว่าหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป เขาต้องตายแน่ จึงสูดหายใจลึกและกลืนยาเม็ดอมตะขั้นสูงลงไปเม็ดหนึ่ง

ฟึ่บ!

พลังงานมหาศาลพวยพุ่งเข้าสู่ร่างของเขา

“อะไรกัน?”

เห็นทีท่าแปลกประหลาดของจางเซวียน ชายเสื้อคลุมสีดำจังงังไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกได้ว่าพลังปราณของจางเซวียนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะระเบิดออก

บึ้มมมม!

พลังงานมหาศาลพวยพุ่งออกจากร่างของจางเซวียนขณะที่วรยุทธของเขาเพิ่มสูงขึ้น

วรยุทธของจางเซวียนคือนักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ ซึ่งการฝ่าด่านวรยุทธโดยทั่วไปต้องอาศัยการเตรียมตัวระดับหนึ่ง แต่ด้วยความคับขันของสถานการณ์ตอนนี้ เขาจึงตัดสินใจใช้ทางลัด

“ฝ่าด่านวรยุทธตอนนี้หรือ? น่าสนใจดีนี่!” ชายเสื้อคลุมสีดำประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ตกตะลึงมากนัก เขาเตรียมการโจมตีรอบใหม่โดยไม่ยอมเสียเวลา

ถ้าเขาสังหารไม่ได้แม้แต่เจ้าหนุ่มที่มีวรยุทธขั้นเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ ต่อไปภายหน้า นายท่านคงไม่มีวันมอบหมายภารกิจใดๆให้อีก

การโจมตีรอบนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก แม้ปราศจากอาวุธในมือ กระแสดาบฉีของชายเสื้อคลุมสีดำก็คมกริบและว่องไวอย่างน่าทึ่ง เพียงครู่เดียว มันก็ไปจ่ออยู่ตรงหน้าจางเซวียน

ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่ขณะระบายลมหายใจยาว การฝ่าด่านวรยุทธไปสู่วรยุทธขั้นอมตะตัวจริงช่วยยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ขึ้นอีกมาก

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ พลังงานของนักรบเสมือนอมตะก็เหมือนกับหิมะ ยิ่งก่อทับกันสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็สามารถทำลายทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ตัวมันได้

แต่เมื่อสำเร็จวรยุทธขั้นอมตะตัวจริง หิมะนั้นจะละลายกลายเป็นแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว แม้จะยังไม่มีพละกำลังสูงส่งมากมาย แต่ก็มีธรรมชาติของการไหลบ่าอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อให้วัตถุที่แข็งแกร่งที่สุดก็ต้องยอมแพ้ให้กับกระแสเชี่ยวกรากอันไม่ลดละนี้

อีกอย่าง การฝ่าด่านวรยุทธครั้งนี้ไม่ได้ช่วยเพิ่มเพียงแค่คุณภาพของพลังปราณ แต่จิตวิญญาณและกายเนื้อก็ยังได้รับการบ่มเพาะด้วย ทำให้ความคิดและปฏิกิริยาตอบสนองของจางเซวียนว่องไวกว่าเดิม

ขณะที่กระแสดาบฉีของชายเสื้อคลุมสีดำกำลังจะแทงทะลุหน้าอกของเขา จางเซวียนก็เอี้ยวตัว หลบการโจมตีนั้นได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ปล่อยการตอบโต้ด้วยการกระดิกนิ้ว

ฟิ้วววว!

กระแสดาบฉีที่มีความกว้างราวท่อนแขนของมนุษย์คนหนึ่งพุ่งเข้าใส่ชายเสื้อคลุมสีดำ มันคือกระบวนท่าเดียวกับเมื่อครู่นี้ แต่มีพละกำลังและความเร็วที่เหนือชั้นกว่าเดิมมาก!

“ฮึ่มมมม!” ชายเสื้อคลุมสีดำคำรามขณะเงื้อมือขึ้นสกัดกั้นกระแสดาบฉีที่พุ่งเข้าใส่

เกิดพายุหมุนขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศ บดบังสายตาของทุกคนไว้ ภายใต้พละกำลังมหาศาลของการโจมตีด้วยฝ่ามือ กระแสดาบฉีนั้นแตกสลายไป

แม้จางเซวียนจะยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะตัวจริงได้สำเร็จแล้ว แต่พละกำลังของเขาในฐานะนักรบอมตะตัวจริงระดับล่างก็ยังอ่อนด้อยกว่าชายเสื้อคลุมสีดำซึ่งเป็นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์

“ได้เวลาปิดจ๊อบเสียที!”

หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบขีดจำกัดของพละกำลังของจางเซวียนแล้ว ชายเสื้อคลุมสีดำแสยะยิ้มขณะพุ่งเข้าใส่จางเซวียนเพื่อจบการต่อสู้

แต่ทันใดนั้น เขาก็ขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัวขณะมีสัญญาณเตือนดังก้องในหัว สัญชาตญาณของเขากำลังกรีดร้องว่าตัวเขาตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง

ชายเสื้อคลุมสีดำรีบเงยหน้า และในตอนนั้นเองที่เห็นว่ามีดาบเล่มหนึ่งถูกการระเบิดของกระแสดาบฉีเมื่อครู่ปกคลุมไว้…และในตอนนี้ มันกำลังพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเขา!

ชายเสื้อคลุมสีดำเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองเต็มเปี่ยม เขาถอยกรูดด้วยใบหน้าซีดเผือด

เขานึกไม่ถึงว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้จะเป็นแค่การสับขาหลอก อันตรายที่แท้จริงกลับซ่อนอยู่ท่ามกลางกระแสดาบฉี!

“มันคือดาบระดับอมตะขั้นสูง!” ชายเสื้อคลุมสีดำถึงกับจังงัง

เป็นที่รู้กันว่าอาวุธในระดับขั้นนี้มีความหยิ่งผยองมาก ทำไมถึงยอมจำนนให้ผู้ที่เป็นแค่นักรบขั้นเสมือนอมตะ?

เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะปล่อยให้ความคิดสับสนวุ่นวาย เขารีบหันหลังกลับแล้วจากไป

“คุณคิดจะไปไหน?”

จางเซวียนขับเคลื่อนเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าภายในร่างกายของเขา ดาบถงซังพร่าเลือนกลายเป็นภาพติดตา ดูราวกับหมู่เมฆที่เคลื่อนไหวโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้