ตอนที่ 571 เรียกท่านเป็นท่านตาสักคำ จะรับปากอนุญาตไหม

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

เสียงเรียกขาน ฟ่านอิง ทำให้เจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนที่ดุร้ายชะงักไปในทันที 

 

 

เขายืนอยู่บนลูกแก้วสีดำ ปรายตามองไปยังสาวน้อยที่งดงามผู้นั้น 

 

 

กลีบดอกไห่ถางมิได้หยุดเคลื่อนไหว ยังคงพลิ้วผ่านข้างกายของนางขึ้นมาราวกับเริงระบำ 

 

 

ชั่วขณะนั้นเอง แววตาของเขาเหมือนได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาเมื่อหลายสิบปีก่อน…. 

 

 

อาเย่วเองก็มันจะยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นร้องเรียกชื่อของเขาแบบนี้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเห็นเขาตะลึงงันไป ก็ยิ่งมั่นใจขึ้นถึงแปดเก้าส่วน 

 

 

ริมฝีปากสีแดงของนางขยับ เรียกเขาอีกครั้ง “ฟ่านอิง ข้ารู้ว่าเป็นท่าน” 

 

 

แม้ว่าทั้งกริยาท่าทางและน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจะมั่นใจ แต่หากให้พูดออกมาตามจริงตู๋กูซิงหลันก็แทบจะไม่อยากเชื่อ 

 

 

เพราะตอนนั้นในความทรงจำของท่านยาย นางได้เห็นอย่างชัดเจน ฟ่านอิงถูกปฐมฮ่องเต้จีจ้านตัดศีรษะ ซากศพถูกโยนทิ้ง 

 

 

คนที่สมควรจะตายไปตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้า แถมยังกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ 

 

 

หากมิใช่เพราะว่าเขามีรอยประทับรูปดอกไห่ถางนั่น ตู๋กูซิงหลันก็คงจะจดจำเขาไม่ออก 

 

 

ฟ่านอิงในความทรงจำของท่านยายเป็นบุรุษรูปงามที่โดดเด่นผู้หนึ่ง แต่ใบหน้านั้นถูกเพลิงเผาทำลายจนกลายเป็นอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว เผาผลาญความหล่อเหลาที่เขาเคยมีจนหมดสิ้นไป….. 

 

 

รอยขาดบนลำคอที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนทำให้คนทั้งหวาดกลัวและปวดใจไปพร้อมๆกัน 

 

 

เพราะในความทรงจำที่ตู๋กูซิงหลันได้เห็นนั้น…..แจ่มชัดและครบถ้วนราวกับว่าเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นจริง ภาพของโลหิตท่วมท้นและความโหดเ**้ยมที่ได้เห็น หัวใจที่แตกสลายเพราะบ้านเมืองวอดวายผู้คนล้มตายอนาถ ทั้งหมดเหมือนเกิดขึ้นตรงหน้า จนตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหมือนนางอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย 

 

 

ใครจะไปคาดคิดได้ว่า….ในวันแต่งงานคู่หมั้นจะถูกผู้อื่นบังคับกระทำ…..ต่อหน้าต่อตาของเขา 

 

 

ทั้งบ้านเมืองและผู้คนในแคว้นล้วนถูกเผาผลาญจนหมดสิ้นในวันเดียว 

 

 

ตัวเขาเองก็ถูกตัดศีรษะทิ้ง โยนศพลงไปในเหวลึก 

 

 

ที่เขายังสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ เป็นเพราะอาศัยความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่ง….. หรืออาจเรียกว่าความเคียดแค้นอันล้ำลึกเพียงใด 

 

 

เจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ก็คือคู่หมั้นของท่านยาย ฟ่านอิง…. 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแคว้นต้าโจวทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนแล้ว 

 

 

มีแต่ฟ่านอิงเท่านั้น ที่จะเกลียดชังและเคียดแค้นราชวงศ์จีได้ถึงเพียงนี้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเองก็คิดไม่ถึง เดิมทีนางมาที่ดินแดนจิ่วโจวก็เพื่อเสาะหาพี่รองและชือหลี ….แต่แล้วกลับได้ค้นพบฐานะที่แท้จริงของเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน 

 

 

นางไม่ได้ไต่ถามว่าเขากลายเป็นเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนได้อย่างไร  

 

 

นางพูดไม่ออก 

 

 

เจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนมองเห็นความเห็นอกเห็นใจจากนัยตาดอกท้อคู่นั้นอย่างเต็มเปี่ยม 

 

 

เขาอาศัยความเคียดแค้นที่ล้ำลึกปีนป่ายขึ้นมาจากหุบเหวที่ลึกชัน คนที่ได้รับการเกิดใหม่อีกครั้ง แต่กลับมาเกิดใหม่ในร่างกายเช่นนี้ 

 

 

ตอนที่เขาได้เห็นร่างกายนี้ อย่าว่าแต่ผู้อื่นเลย แม้แต่ตัวของเขาก็ยังรังเกียจตนเอง  

 

 

ในที่สุดเขาก็หยุดพลังของลูกแก้วสีดำลูกนั้นเอาไว้ ไอสีดำบนร่างกำจายออกมาอย่างเข้มข้น เขามองดูสาวน้อยที่งามล้ำผู้นั้น “เจ้าก็คือ…..หลานสาวของอาเย่ว” 

 

 

ภาพของฮ่องเต้หญิงจากแผ่นดินโบราณ ผู้คนในดินแดนจิ่วโจวน้อยนักจะไม่เคยได้พบเห็น 

 

 

เขาเคียดแค้นราชวงศ์จีทั้งหมด และก็เคยเกลียดชังอาเย่ว 

 

 

ตอนนั้นที่แคว้นกู่เย่วต้องประสบกับความล่มสลาย ก็เป็นเพราะเมตตาอันโง่เขลาของนาง ช่วยเหลือผู้ที่ไม่สมควรจะช่วย….. 

 

 

แถมต่อมานางยังแต่งงานกับแม่ทัพของศัตรู ……แล้วยังคลอดบุตรสาวออกมาคนหนึ่ง 

 

 

ดังนั้นแม้แต่ตระกูลตู๋กู เขาเองก็พลอยชิงชังอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน….เรื่องที่ฉางซุนซิ่วเคยวางแผนลงมือกับนาง ล้วนมีเขาชักใยอยู่ด้านหลัง 

 

 

เขาคือคนที่ป่ายปีนขึ้นมาจากความตาย คือสิ่งที่มืดมิดและชั่วร้าย จึงไม่อาจไปยังดินแดนแห่งนั้นด้วยตนเอง…..ได้แต่อาศัยส่งร่างแบ่งภาคจากดินโคลนเหล่านั้นออกไป 

 

 

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น เขาต้องเจ็บปวดไปจนถึงแก่นกระดูก 

 

 

ตู๋กูซิงหลันได้แต่พยักหน้า พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ 

 

 

นี้จะเรียกว่าอะไรดี…..คู่แค้นพบกันบนทางแคบงั้นหรือ? 

 

 

ใครจะไปคิดกันว่า สักวันหนึ่งนางจะได้พบกับคู่หมั้นของท่านยายด้วยความบังเอิญในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ความบังเอิญเช่นนี้ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องปวดศีรษะจนสมองพองโตด้วยกันทั้งนั้น 

 

 

ท่านเจ้าสำนักเองก็คิดไม่ถึงว่า ศิษย์น้อยกับเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนจะเป็นคนคุ้นเคยกัน พลังวิญญาณที่ผุดขึ้นมาบนฝ่ามือของเขาถูกซ่อนไปไว้ด้านหลังอย่างไร้สุ่มเสียง 

 

 

ในเมื่อเป็นคนรู้จักของศิษย์น้อย ก็พอจะละเว้นชีวิตให้ได้อยู่บ้าง 

 

 

แต่หากว่าศิษย์น้อยอยากให้เขาตาย….ท่านเจ้าสำนักก็พร้อมจะส่งเขาขึ้นสวรรค์โดยไม่มีลังเล 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเรียบเรียงคำพูดอยู่ในใจครู่หนึ่ง คิดจะหาทางเกลี้ยกล่อมฟ่านอิงให้ลืมเลือนความแค้นกลับคืนเป็นเป็นมิตรสหายกันเทือกนั้น 

 

 

แต่ก็เกรงว่าหากพูดออกมา คงได้ต่อสู้กันยกใหญ่เป็นแน่ 

 

 

เพราะหากนางเป็นฟ่านอิง ความแค้นนั้นคงต้องให้ผู้คนทั่วทั้งต้าโจวร่วมกลบฝังไปด้วย 

 

 

ยิ่งเมื่อได้เห็นฟ่านอิงที่มีสภาพเหมือนคนไม่ใช่คนเหมือนผีไม่ใช่ผี…… 

 

 

คนเขาไม่จับนางฉีกเป็นแปดชิ้นทิ้งไปในตอนนี้ก็ต้องถือว่าเกรงใจกันมากแล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันอึกๆอักๆอยู่ครึ่งค่อนวัน ก็ไม่รู้ว่าเพราะผีสางดลใจหรืออะไรถึงได้หลุดปากออกมาประโยคหนึ่ง 

 

 

“ท่านผู้เฒ่า…นั่นเอ่อ มีความลับอยู่ข้อหนึ่งข้าไม่รู้ว่าสมควรจะบอกท่านดีหรือไม่” 

 

 

ฟ่านอิงได้เห็นนาง บางทีอาจเป็นเพราะดวงตาที่คล้ายกับอาเย่วคู่นั้น แม้ว่าในใจจะมีความเกลียดชัง แต่ก็ยังมิได้อาละวาดออกมา 

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดชังอาเย่ว แต่อย่างไรก็เป็นเพราะว่าเคยรักนางมากมายถึงเพียงนั้น….. 

 

 

แม้ว่าชาตินี้จะไม่อาจได้พบกันอีกแล้ว แต่ว่าความคิดถึงก็ยังเกาะกุมลึกถึงกระดูก 

 

 

เดิมทีเขาคิดว่า หากมีสักวันหนึ่ง อาเย่วปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของเขา …..เขาก็คงจะ….สังหารนาง 

 

 

แต่ว่าพอยามนี้ได้พบกับหลานสาวของนาง ถึงได้รู้ว่า กับอาเย่วแล้ว เขาไหนเลยจะมีแค้นลึกล้ำในที่ใดได้ 

 

 

เขากระแอมเสียง ระบายความอึดอัดในใจออกมา “เจ้าบอกมา” 

 

 

หากนางพูด เขาก็จะยอมรับฟัง 

 

 

“พูดไปแล้วท่านอาจจะไม่ยอมเชื่อ ที่จริงแล้วข้า ข้าคือหลานสาวแท้ๆของท่านนะ ….ท่านตา!” 

 

 

เรียกท่านตา ตู๋กูซิงหลันกลับเรียกได้อย่างไม่มียางอาย! 

 

 

จุ๊ จุ๊…. 

 

 

แม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ยังรู้สึกว่าหนังตากระตุกขึ้นมาแล้ว 

 

 

เขาหันไปเหลือบมองดูลูกศิษย์น้อยด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง เจ้าแน่ใจหรือ? 

 

 

เบื้องหลังของฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณนั้น เขาสืบทราบมาอย่างชัดเจนแล้ว นางเป็นหลานสาวแท้ๆของตู๋กูถิง แท้จนไม่อาจจะแท้ไปได้อีกแล้ว 

 

 

ตอนนี้อยู่ๆก็จะมายกให้ผู้อื่นเป็นท่านตาของตนเอง? 

 

 

นี่รีบร้อนจะให้ท่านตาของตนเองถูกสวมเขาหรือยังไงกัน? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันกลับไม่รู้สึกอับอายใดๆเลยสักนิด 

 

 

“ท่านตา ท่านลืมตาโตมองดูให้ชัดเจน รู้สึกว่าข้ามีส่วนคล้ายคลึงกับท่านในวัยหนุ่มบ้างหรือไม่?” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังคงกล่าวอย่างไม่มียางอายต่อไป 

 

 

เสียงที่เรียกท่านตานั้น ฟังดูใกล้ชิดสนิทสนมอย่างยิ่ง 

 

 

หากท่านแม่ทัพตู๋กูผู้เฒ่าได้ยินคงต้องร้องไห้จนสลบไปในจวนแล้ว 

 

 

อยู่ๆก็ถูกนางกระตุ้นเตือนขึ้นมาเช่นนี้ ฟ่านอิงก็ใคร่ครวญตามที่นางพูดออกมา พอมองซ้ายมองขวา เขาก็ชักจะรู้สึกขึ้นมาจริงๆว่า ….ตุ๊กตาหญิงตัวน้อยนางนี้มีส่วนที่ดูคล้ายคลึงกับเขาอยู่จริงๆ 

 

 

จุดที่เหมือนกันอย่างชัดเจนนั่นก็คือ….พวกเขาต่างก็หน้าตาดีมาก 

 

 

อย่าได้เห็นว่าตอนนี้เขามีรูปลักษณ์เหมือนผีสาง ตอนนั้นเขาคือบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งในแคว้นกู่เย่วมาก่อน 

 

 

แต่ว่าพอเขาคิดดูอย่างละเอียด ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง 

 

 

ตอนที่เขากับอาเย่วเคยคบหากัน แม้มีความรักแต่ยังคงอยู่ในขอบเขต ต่างก็รักษาตนอยู่ในกรอบประเพณี  

 

 

พอคิดย้อนไปคิดย้อนไปเรื่อยๆ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป คืนก่อนวันที่จะแต่งงานกับอาเย่วนั้น เขาดื่มมากจนเกินไป 

 

 

เดินเมามายเข้าไปในห้องของอาเย่วอย่างสะลึมสะลือไม่รู้เนื้อรู้ตัว 

 

 

คืนนั้นเตียงสีแดงช่างอบอุ่น 

 

 

พวกเขา….ร่วมเรียงเคียงหมอน เข้าหอกันก่อนงานแต่งงาน 

 

 

พอมองดูสาวน้อยตรงหน้า ส่งเสียงเรียกเขาเป็นท่านตา น้ำเสียงที่อบอุ่นดังแสงอาทิตย์ หลอมละลายน้ำแข็งบนหัวใจของเขาออกมา 

 

 

…………………………