GGS:บทที่ 1154 ตัวตนของอีกคน

ณ สนามบินเมืองจงหยุน วูจู่ ฉิวจิง และกลุ่มคนแอฟริกันที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ได้ลงมาจากเครื่องบิน
“หมู่บ้านตระกูลซูอยู่ไกลแค่ไหน” ชายแอฟริกาคนหนึ่งถามออกมา
“ไม่ไกลเท่าไหร่ นั่งรถไปแค่เกือบสองชั่วโมงเท่านั้น” วูจู่ที่ในตอนนี้ไม่ได้อ้วนแบบเมื่อก่อนแล้วได้พูดออกมา มันเปรียบได้ดั่งผลลูกนัทที่กระเทาะเปลือกออกแล้ว และตัวมันในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง
“เดี๋ยวฉันจะพาไปเอง” ฉิวจิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก

ทั้งวูจู่และฉิวจิงต่างก็เป็นคนที่มีเรื่องขัดแย้งกับซูจิ้ง วูจู่คือคนที่ครั้งหนึ่งเคยแปลงโฉมเป็นกวนจูจิ่วที่เป็นดาราดังในช่องเว็บไซต์ชาร์คทีวีโดยการใช้หนังแปลงโฉมของซูจิ้ง
ภายหลัง ด้วยการที่มันผู้นี้ละโมบโลภมากจึงได้ถูกซูจิ้งตัดหางปล่อยวัดไปโดยการดึงโฉมกวนจูจิ่วกลับคืน เรื่องนี่ทำให้มันโกรธแค้นในตัวซูจิ้งอย่างที่สุด

ส่วนฉิวจิงนั้นคือเพื่อนเก่าของซูจิ้งที่มีความรู้ทางการแพทย์แต่ไปกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีฝีมือแพทย์ของซูจิ้ง แต่ผลสุดท้ายก็ได้แพ้ภัยตัวเองจนหมดอนาคตทางการแพทย์ไป เรื่องนี้ถึงกับทำให้ภรรยาขอเลิกจึงทำให้มันผู้นี้แค้นฝังใจซูจิ้งไปจนวันตาย

แต่เดิมนั้น ทั้งสอง ต่อให้เกลียดโกรธแค้นซูจิ้งขนาดนั้นแต่ก็ไม่อาจหาญจะหาเรื่องซูจิ้งต่อได้อีกเพราะช่องว่างระหว่างทั้งสองกับซูจิ้งนั้นนับวันยิ่งห่างไกล หากว่ายังคอยตอแยอยู่ไม่ใช้นานคงต้องตายเพราะซูจิ้งเข้าในสักวันหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองได้รับการติดต่อจากลูกพี่ผู้ยิ่งใหญ่(ร่างเงาดำ)จนได้รับพลังเหนือมนุษย์ขึ้นมา นี่ทำให้ความคิดแก้แค้นซูจิ้งกลับมาอีกครั้ง

เมื่อคนกลุ่มนี้ได้เดินไปถึงทางออกสนามบิน พวกมัน ได้เห็นข่าวบางช่วงบางตอนของเรื่องที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นบนจะทีวีขนาดยักษ์ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ฉากดังกล่าว อยู่ๆก็ได้ตัดไป ฉากในตอนนี้จึงได้ตัดไปเป็นฉากอื่นแทน

สิ่งที่ฉายอยู่ในจะทีวีขนาดยักษ์ในตอนนี้คือฉากที่มีชายคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในสุดยอดดาราออกมาพูดเกี่ยวกับโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น
วูจู่ที่เห็นสุดยอดดาราคนนี้ได้เปลี่ยนสีหน้าของตนเองเป็นเย็นยะเยียบพร้อมทั้งหัวเราะสั้นๆอย่างไร้อารมณ์ออกมาสามที นั่นก็เพราะใบหน้าของสุดยอดดาราคนนี้ เขาเองก็เคยได้รับมาก่อน

ใบหน้านั้นก็คือใบหน้าของกวนจูจิ่วที่ตอนนี้ซูจิ้งได้มอบให้ลูจิงยี่ไปแล้ว เขาได้เปรียบได้ดั่งโดนดึงขึ้นไปสู่ทรวงสวรรค์และได้กลายเป็นสุดยอดดาราในที่สุด
“ลูจิงยี่….ช่องชาร์คทีวีงั้นเหรอ….” วูจู่ได้พูดออกมาเบาๆก่อนที่จะพูดกับคนอื่นว่า “พวกนายไปบ้านซูจิ้งกันก่อนเลยก็แล้วกัน ฉันมีอะไรที่ต้องทำสักหน่อย เดี๋ยวเสร็จเรื่องแล้วจะตามไป”
“เฮ้…นี่จะขัดคำสั่งหัวหน้ารึไง พวกเราต้องทำตามคำสั่งให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด” ชายผิวดำร่างยักษ์ถามออกมาพร้อมทั้งขมวดคิ้ว

“ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเองน่า แปบเดียวก็เสร็จแล้ว” วูจู่พูดออกมา
ฉิวจิงที่ได้ยินก็ได้ลองมองไปยังทิศทางที่วูจู่มองไปเมื่อครู่นี้เมื่อเห็นภาพการสตรีมบนจอทีวีก็เข้าใจได้ในทันที
ด้วยการที่ทั้งสองเองก็เป็นคนที่สูญเสียเพราะซูจิ้งจึงทำให้มันเองเข้าใจจิตใจของวูจู่ในตอนนี้เป็นอย่างดีจึงได้พูดออกมาว่า “ให้เขาไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”

“…..ก็ได้ เสร็จเรื่องแล้วก็รีบตามมาแล้วกัน” ชายผิวดำพูดออกมา
ทั้งหมดจึงได้แยกกันไปจากจุดนี้ ฉิวจิงและชายอีกหกคนได้ตรงไปยังบ้านของซูจิ้ง ส่วนวูจู่นั้นได้แยกตัวไปยังสถานที่หนึ่งคนเดียว

ณ สตูดิโอถ่ายทำแห่งหนึ่ง ลูจิงยี่ได้กำลังนั่งพูดอะไรไปเรื่อยก่อนที่จะเตรียมตัวพากษ์การแข่งขันชกมวยรอบสุดท้ายของซูจิ้ง เหตุผลที่สุดยอดดาราอย่างเขานั้นมานั่งพากษ์แบบนี้นั้นเป็นเพราะ
หนึ่งคือซูจิ้งนั้นมีบุญคุณกับเขาอย่างมากและทำให้เขานั้นเคารพและเทิดทูนซูจิ้งไม่น้อยไปกว่าใคร
สอง การแข่งขันโอลิมปิคในครั้งนี้ร้อนแรงกว่าครั้งใดๆเพราะซูจิ้งแน่นอนว่าเขาย่อมสนใจเป็นพิเศษ
และสามการที่สุดยอดดารามาทำการสตรีมแบบนี้จะยิ่งทำให้เขาน้นมีชื่อเสียงมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ด้วยเหตุที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นทำให้การถ่ายทอดจึงได้ยุติลง เขาจึงเลือกที่จะนั่งพูดคุยกับแฟนคลับของเขาเกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นพร้อมท่าทีที่กังวล
ในระหว่างที่พูดคุยอยู่นั้น อยู่ๆประตูห้องส่งที่ปิดล็อคเอาไว้ก็ได้ถูกฝืนเปิดออกอย่างง่ายดาย และในตอนนี้เองเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้ดูหล่อเหลาแต่ก็ดูคมสันและมีใบหน้าเหลี่ยม ชายคนนี้มีร่างกายที่ใหญ่โตเดินเข้ามาอย่างช้าๆ มันผู้นี้ก็คือวูจู่

“คุณเป็นใครกัน ไม่เห็นเหรอว่าคุณลูกำลังออกอากาศอยู่น่ะ ออกไปเดี๋ยวนี้” พิธีการสาวสวยที่หลงไหลได้ปลื้มลูจิงยี่เป็นพิเศษจนร้องขอเป็นพิธีกรคู่กับลูจิงยี่เพื่อดำเนินรายการนี้ได้พูดออกมา
นี่ทำให้มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบตรงเข้าไปหาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวและโกรธที่อยู่ๆก็มีคนเข้ามารบกวนการถ่ายทอดสดแบบนี้

อย่างไรก็ตาม วูจู่นั้นไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ มันเพียงเคลื่อนไหวมือไปจับคอของเจ้าหน้าที่คนนี้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกเจ้าหน้าที่คนนี้ขึ้นด้วยมือเดียว เจ้าหน้าที่ผู้โชคร้ายได้เกิดอากรชักดินชักงอไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหมดสติไป

เจ้าหน้าที่คนอื่นที่เห็นฉากนี้ต่างก็ตกใจจนร้องโหวกเหวกโวยวายออกมา มีบางคนพยายามที่จะโทรเรียกตำรวจ แต่นั่นก็ไม่ได้เร็วพอเพราะทุกคนถูกวูจู่ทำให้หมดสติจนล้มลงแทบจะพร้อมๆกัน
ลูจิงยี่และพิธีการสาวที่เห็นฉากนี้ต่างก็ตกใจและพยายามจะลุกขึ้นวิ่งหนีในทันที แต่ทั้งสองก็ถูกจับโดยวูจู่ที่ตอนนี้มาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้กดลงให้นั่งอยู่กับเก้าอี้ดังเดิม

“แก….ต้องการอะไร”ลูจิงยี่ถามออกมาพลางกัดฟันแน่น
“อย่ากังวลไปเลยน่า ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก ก็แค่อยากจะให้ผู้คนได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแกก็เท่านั้น” วูจู่ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก เมื่อได้ยินดังนี้ก็ทำให้สีหน้าของลูจิงยี่เปลี่ยนไปในทันที
“ได้โปรด…ปล่อยฉันไปเถอะ” พิธีการสาวสวย ในตอนนี้เริ่มร้องไห้ออกมาพร้อมร้องขอชีวิตตัวเอง
“คนสวย อย่าได้กังวลไปเลย เดี๋ยวฉันจะดูแลเธอเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน เอาแบบไม่ต้องทุกข์ทรมานก็แล้วกัน แต่ก่อนหน้านั้นฉันคงต้องขอให้เธอคอยเฝ้าดูใบหน้าของหนุ่มหล่อที่อยู่ข้างๆเธอเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ฉันอยากจะรู้ว่าเมื่อเธอได้เห็นชายหนุ่มที่เธอนั้นเฝ้าใฝ่ฝันที่จะได้หลับนอนด้วยคนนี้นั้นมีใบหน้าที่แท้จริงเป็นยังไงกันแน่” วูจู่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ฉีกกว้าง

ด้วยการที่การสตรีมในครั้งนี้ยังไม่ได้หยุดแต่อย่างใด เหล่าผู้ชมจึงได้เห็นการกระทำของวูจู่ในทุกประการ เมื่อได้เห็นฉากนี้ทำให้ทุกคนนั้นต่างอยู่กันไม่สุข
“ไอ้เวรตะไล ปล่อยพี่ยี่เดี๋ยวนี้นะ”
“ถ้าแกกล้าทำอะไรล่ะก็ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”
“เรียกตำรวจ เรียกตำรวจเดี๋ยวนี้”
วูจู่เองในตอนนี้ก็ได้เห็นบรรดาข้อความต่างๆจากผู้ชม บางรายชื่อเป็นผู้ชมที่มันคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ชื่อที่คุ้นเคยนี้คือชื่อของคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของมันสมัยที่ยังอยู่ในโฉมของกวนจูจิว นี่ยิ่งทำให้มันนั้นอดที่จะพ่นลมหายใจสั้นๆออกมาไม่ได้

“เหอะ….เพื่อนเก่ามารวมตัวอยู่นี่มากมายเลยสินะ..ดี..ดี..” วูจู่สบถออกมา
“แก…แก…ไม่ใช่ว่าแกคือ…” ลูจิงยี่จ้องมองไปยังใบหน้าของวูจู่อย่างตาไม่กระพริบจนเริ่มเขม่นดวงตาของตัวเองให้หรี่เล็กลง
เขารู้จักชายคนนี้เป็นอย่างดีเพราะหมอนี่เองก็เคยผ่านการศัลยกรรมขั้นเทพมาก่อนหน้าเขาและยังรู้อีกว่าชายคนนี้คือคนที่เคยใช้รูปโฉมเดียวกับเขาคนก่อนหน้า

เพียงแต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นชายคนนี้กับตาตัวเองจึงจำไม่ได้ในตอนแรก ไม่สิ จะบอกว่าจำไม่ได้ก็ไม่แปลกเพราะชายคนนี้ไม่ได้เหมือนเดิมเลยสักทีเดียว หมอนี่ผอมลงอย่างผิดหูผิดตาเลยก็ว่าได้
“ฮึ…ใช่…ฉันเอง ในเมื่อแกรู้ว่าฉันเป็นใครก็คงจะรู้สินะว่าฉันมาทำอะไรที่นี่”วูจู่พูดออกมา
ใบหน้าของลูจิงยี่ในตอนนี้ขาวซีดเซียวม่วงสลับกันไป หลังจากเขาได้เปลี่ยนโฉมตัวเองแล้ว เขานั้นมีความสุขกับตัวเองในตอนนี้อย่างที่สุด หากแฟนคลับของเขาได้รู้ความจริงเรื่องนี้ล่ะก็ ชีวิตของเขาคงจบสิ้นเพียงชั่วข้ามคืนเป็นแน่

“ไง กลัวเหรอ เยี่ยม…” วูจู่ในตอนนี้รู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้ทรมานจิตใจของลูจิงยี่อย่างช้าๆ
ลูจิงยี่เองในตอนนี้ก็ได้แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมาในทันที แต่หลังจากที่เขาได้จ้องมองไปยังวูจู่ไปสักพัก เขาได้สูดหายใจไปลึกๆก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมายาวๆพร้อมสีหน้าที่เป็นปกติอย่างขัดกับเหตุการณ์ในตอนนี้ แล้วเขาก็ได้พูดออกมาว่า “ไอ้กลัวน่ะมันก็กลัวอยู่ล่ะนะ แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วฉันเองก็ไม่รู้จะกลัวอะไรอีกเหมือนกัน

ฉันเองก็คิดไว้แล้วเหมือนกันว่าวันนี้ต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็ว แต่อย่างน้อยๆในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ขอฉันตอบแทนแฟนคลับของฉันหน่อยได้รึเปล่า”
ลูจิงยี่นั้นแตกต่างจากวูจู่อย่างสิ้นเชิง เขานั้นไม่เคยลืมตัวถือดีในสิ่งที่ได้รับมา ในทุกๆวัน เขาคอยหมั่นฝึกฝนตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
ก่อนหน้านี้ เขาเองก็อยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้โด่งดังอะไรมากแต่ก็ยังถือว่าพออยู่ได้ ต่อให้เขาต้องเผยใบหน้าที่แท้จริงออกไป เขาเองก็ยังหลงเหลือทักษะเอาไว้อยู่ดี ต่อให้ตัวตนภายนอกจะเหมือนกัน แต่ตัวตนภายในนั้น เรียกได้ว่าคนละระดับอย่างสิ้นเชิง

วูจู่นั้นนิ่งอึ้งไปในทันทีที่ได้ยิน มันนั้นไม่คิดว่าลูจิงยี่จะยอมรับเรื่องนี้ได้เร็วขนาดนี้ เมื่อมันหวนนึกไปถึงตัวเองแล้วยิ่งทำให้มันโกรธมากขึ้นไปอีก
“ตอบแทน… คนอย่างแกเนี่ยนะยังจะไปมีหน้าไปตอบแทนใครเขาได้ ฮึ” วูจูพูดพลางสบถออกมาก่อนที่จะใช้มือซ้ายดึงผมของลูจิงยี่แล้วใช้เล็บของมือข้างขวากรีดไปบนหน้าผากอย่างตั้งใจ ราวกับว่า วูจู่ต้องการลอกใบหน้าของลูจิงยี่ออกมา