GGS:บทที่ 1153 อีกตัวตนหนึ่ง

 

หลังจากวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานกีฬาโอลิมปิคได้เฟยแพร่ออกไปนั้น ในตอนนี้ ซูจิ้งยังคงต่อสู้อยู่กับร่างเงาดำและสมุนของมันอยู่

ในตอนนี้ญี่ปุ่นได้ส่งเฮลิคอปเตอร์จำนวนหนึ่งเพื่อเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์

 

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร เหล่าคนขับก็ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากผู้ชมที่อยู่ในวิดีโอและทำให้พวกเขาไม่สามารถควบคุมเครื่องได้จนทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกในย่านกลางเมืองไปทุกลำ นี่เรียกได้ว่าไม่ใช่การต่อสู้ของมนุษย์ไปแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถใช้อาวุธหนักอย่างจรวดหรือนิวเคลียได้เพราะต้องนึกถึงความปลอดภัยของประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่เมืองโตเกียว

 

ไม่สิต่อให้อยากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ นั่นก็เพราะในช่วงเวลาโอลิมปิกแบบนี้ ผู้คนจากนานาประเทศต่างก็ไปรวมตัวกันที่นั่น หากญี่ปุ่นตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียไปล่ะก็ ผู้คนทั้งโลกจะต้องคิดว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นไร้ศักยภาพอย่างแน่นอนที่ต้องใช้ของขนาดนั้นเพียงเพื่อกำจัดคนแปดคนโดยไม่สนใจความปลอดภัยของคนประเทศอื่น และนี่จะเป็นการสั่นคลอนความมั่นคงในโลกใบนี้ในทันที

 

โดยเฉพาะในตอนนี้ ทุกคนได้เห็นอยู่ว่าซูจิ้งกำลังพยายามควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มที่ หากทำเช่นนั้นจริง ประเทศญี่ปุ่นคงไม่พ้นการถูกลอยแพจากชาวโลกเป็นแน่

 

ชายร่างยักษ์ชาวแอฟริกันคนหนึ่งที่พึ่งตกลงมาและพยายามจะหาทางหนีต่อนั้นได้ถูกรุมล้อมด้วยกระบี่บินสามเล่มจนทำให้ร่างกายกระจายเป็นชิ้นๆลงไปกองกับพื้น

กับคนที่เหลืออีกเจ็ดคนนั้น โอฉิงซงและคนอื่นอีกสองคนที่เห็นฉากนี้ได้พุ่งเข้ามาเพื่อช่วยชายร่างยักษ์ในทันที แต่ซูจิ้งเองก็ได้รับรู้และมาถึงร่างชายคนนี้ก่อนแล้ว

 

ในตอนนี้เบื้องหน้าของชายร่างยักษ์คนนี้ มันต้องเห็นฉากการถาโถมโจมตีจากซูจิ้งอย่างบ้าคลั่งทั้งตราประทับมังกร ตราประทับเทพเซียน และตราประทับพระสูตร

ในร่างกายของชายร่างยักษ์คนนี้ ในตอนนี้ไม่เพียงแค่มือเงาดำจะปรากฎออกมาแล้ว แม้แต่ร่างเงาดำเองก็ยังต้องปรากฎออกมา จะเรียกว่าถูกบังคับให้ออกมาก็ว่าได้

ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตราประทับมังกรจะทำได้เพียงเป็นการโจมตีโดนร่างเงาดำเท่านั้น แต่ในคราวนี้ซูจิ้งไม่เพียงใช้แต่ตราประทับมังกรเท่านั้น

 

เขายังประเคนทักษะศักดิ์สิทธิ์แทบจะทั้งหมดที่เขามีในคราวเดียว แต่ให้เป็นจอมปีศาจก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บไม่น้อย นี่ยังไม่รวมกับที่ต้องพบเจอกับลำแสงชำระล้างในระยะเผาขนซึ่งถือได้ว่าทรงพลังแบบสุดๆ แน่นอนว่าประสิทธิภาพในการชำระล้างด้วยเช่นเดียวกัน

ด้วยการที่โดนพลังที่เปรียบได้ดั่งยาพิษชนิดเข้มข้นแบบนี้ ชิ้นส่วนของร่างเงาดำที่แฝงไว้ในร่าง ไม่สิต่อให้ร่างเงาดำอยากจะหาทางทำอะไรเป็นการตอบโต้ก็ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป

ในตอนนี้ร่างของชายร่างยักษ์ได้กลับกลายเป็นร่างเน่าและเปลี่ยนโคลนดำไปในที่สุด จากโคลนค่อยเปลี่ยนกลายเป็นไอดำและสลายหายไปและไม่อาจฟื้นคืนอีก

 

ร่างเงาดำเองในตอนนี้เมื่อเสียร่างให้สิงสู่แล้วมันได้กลายเป็นไอสีน้ำเงินลอยอยู่พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องเย็นยะเยือกจนได้ยินไปทั่ว

ทันทีที่มันต้องสติได้มันรีบพุ่งตรงไปยังโอฉิงซงที่กำลังวิ่งตรงมาทางนี้ในทันที

“ไอ้…ตัว…ตำ…บอน แก…กล้าดียังไงถึงทำลายชิ้นส่วนวิญญาณของข้า แก…กล้าดียังไงทำให้วิญญาณของข้าบาดเจ็บ…” ร่างเงาดำในตอนนี้โกรธจัดในทันทีเมื่อตนเองต้องบาดเจ็บและเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าในตอนนี้มันหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว

 

ก่อนหน้านี้มันนั้นคิดว่าเตรียมตัวมาดีแล้วและยังไงก็คิดว่าแผนการต้องสำเร็จแน่จึงเรียกที่จะตามมาดูผลงานใกล้ๆ เหตุที่มันต้องเร่งรีบก็ไม่แปลกอะไร นั่นก็เพราะนับวันพลังของแสงชำระล้างเองก็ยิ่งทรงพลังและขยายอาณาเขตไปมากขึ้นมันจึงไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

ด้วยการที่ก่อนหน้านี้ มันไม่คิดว่าซูจิ้งจะพัฒนาตนเองได้อย่างรวดเร็ว มันนั้นทั้งพยายามเก็บสะสมพลังงานหยาง ใช้คนที่เกี่ยวข้องกับมันเพื่อหลอกล่อให้ไขว้เขว ทั้งๆที่มันนั้นทำเรื่องตั้งมากมายแต่ซูจิ้งยังไม่สนใจทำให้มันคิดว่าซูจิ้งนั้นเกรงกลัวมันจนทำได้เพียงเพิ่มฤทธาแห่งเหรียญตราเทวฑูตเพื่อใช้แสงชำระล้างจัดการมันเท่านั้นมันจึงได้กล้าที่จะเข้ามาเพื่อทำลายความหวังสุดท้ายของซูจิ้งนี้ หากมันสามารถทำลายเหรียญตรานี้ได้ การฆ่าซูจิ้งต้องเป็นเรื่องง่ายๆอย่างแน่นอน

 

มันนั้นไม่คิดเลยจริงๆจะกลายเป็นว่าตัวเองต้องมาบาดเจ็บอย่างหนักอีกครั้ง มันรู้แล้วว่ามันไม่สามารถจัดการซูจิ้งได้อีกต่อไป

ต่อให้ชายทั้งหกคนนี้แข็งแกร่งยังไงแต่เมื่อต้องเจอกับซูจิ้งในตอนนี้แล้วแน่นอนว่ามีเพียงรอเวลาที่จะตกตายเท่านั้น ในครั้งนี้ร่างเงาดำจึงคิดจะเข้าสู้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ทุกการกระทำของร่างเงาดำนั้นทำได้เพียงแค่พันแข้งพันขาซูจิ้งเอาไว้ได้เท่านั้นแต่นี่ก็มากพอที่จะเป็นการเปิดช่องในการโจมตีซูจิ้งได้

 

เมื่อเห็นดังนั้น หลัวฉือหลินและไป๋ฮิตูแน่นอนว่าต้องเข้าร่วมสู้ด้วย ถึงแม้ก่อนหน้านี้ทั้งสองจะทำอะไรไม่ได้ก็ตาม แต่นั่นมันเป็นเพราะทั้งสองต่างคนต่างต่อสู้ในแบบของตน

แต่เมื่อต้องต่อสู้กับคนทั้งคู่ที่ร่วมมือกันแล้ว พลังอำนาจของคนทั้งสองกลับกลายเป็นสามารถสะกดข่มคนทั้งหกไว้ได้ทั้งๆที่มีร่างเงาดำคอยลอบโจมตีอยู่ก็ตาม

 

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ชายร่างยักษ์ที่เหลือได้แสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างที่สุด มันได้พุ่งเข้าไปจับตัวคนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่แล้วโยนเข้ามาในสนามรบเพื่อทำการก่อกวนในทันที บางคนก็ตกลงมากีดขวางการต่อสู้ บางคนก็ถูกกระบี่ของซูจิ้งฟันตกตาย บางคนก็ถูกหกคนที่เหลือกัดกิน เรียกได้ว่าเป็นฉากที่นองเลือดเลยทีเดียว

 

แน่นอนว่าด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแบบนี้ส่งผลดีต่อฝั่งร่างเงาดำอย่างมาก ชายทั้งหกคนได้ทำการกัดกินและดูดเลือดเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

และเมื่อนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ซูจิ้งนั้นต้องการปกป้องคนชาติเดียวกัน ชายร่างยักษ์จึงได้ไปควานหาคนจีนและได้ทำการโยนลงมาเพื่อยั่วยุให้ซูจิ้งโกรธเลือดขึ้นหน้า จะได้เปิดโอกาสให้พวกมันได้เล่นงาน

 

เมื่อซูจิ้งเห็นดังนั้น ซูจิ้งไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็นแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ชูแขนตัวเองราวกับให้สัญญาณบางอย่าง

ในตอนนั้นเองก็ได้บังเกิดเสียงๆหนึ่งแหวกอากาศออกไป เมื่อมองให้ถนัดตาก็พบว่ามันคือใยมองมุมที่มีขนาดใหญ่พอสมควร

ใยแมงมุมได้เข้าไปยึดร่างผู้คนกลางอากาศและดึงกลับเข้าไปยังที่ที่พวกมันพุ่งออกมา เมื่อมองไปยังต้นทางก็พบกับแมงมุมขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งได้ปรากฎตัวออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และในตอนนี้พวกมันกำลังช่วยผู้คนที่กำลังร่วงหล่นลงมา

 

“ฉือหลิน ฮิตู ป้องกันแมงมุมและช่วยเหลือพวกมัน อย่าให้ไอ้เวรนั่นโยนใครลงมาอีก หากมันยังโยนคนลงมาแบบนี้ไม่ดีต่อพวกเราเป็นแน่” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย

“ครับ” ทั้งหลัวฉือหลินและไป๋ฮิตูรับคำสั่งแต่โดยดี ทั้งคู่รู้ดีว่าทั้งสองไม่สามารถช่วยอะไรได้ในการต่อสู้นี้ อย่างไรก็ตามการช่วยเหลือผู้คนเหล่านี้กลับจะเป็นการช่วยซูจิ้งเสียมากกว่า

 

และในเมื่อตัวเขาเองนั้นได้เรียกแมงมุมยักษ์ออกมาแล้วก็ไม่คิดจะปิดบังตัวตนอีกต่อไป ซูจิ้งเองในครั้งนี้ก็ได้ใช้ใยแมงมุมของเขาในการต่อสู้ด้วย ใยแมงมุมของเขานั้นนอกจากจะแข็งกว่าเหล็กกล้าแล้วหากใช้ดีๆยังช่วยในการบดบังทัศนวิสัยและทำให้ศัตรูโจมตีได้อย่างยากลำบากได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าแค่การใช้ใยแมงมุมของซูจิ้งนี้ก็มากพอที่จะเรียกความสนใจของผู้คนอีกครั้ง มีคนๆหนึ่งได้ถ่ายวิดีโอฉากนี้และรีบส่งขึ้นอินเตอร์เน็ตในทันทีที่มีโอกาส

 

ถึงแม้ว่าการต่อสู้นี้จะโหดร้ายเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับได้ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำพวกหนึ่งที่ชื่นชอบการรับชมฉากการต่อสู้แบบนี้นั่นก็เพราะคนเหล่านั้นชื่นชอบในฉากความบ้าเลือดและความตื่นเต้นแบบสุดๆ

ยกตัวอย่างเช่นกีฬาเอ็กซตรีม กีฬาเช่นนี้ทำให้ผู้คนนั้นต้องตกตายกันอย่างง่ายๆ บางคนถึงขนาดยินดีที่จะกระโดดออกจากเครื่องบินโดยไม่มีแม้แต่ร่มชูชีพเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่เหนือจินตนาการ

แน่นอนว่าเมื่อเหตุการณ์เหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้วย่อมทำให้โลกต้องตกตะลึง โดยเฉพาะประเทศจีน

 

“โฮ่….ทำไมฉันรู้สึกว่าแมงมุมพวกนั้นมันคุ้นๆจัง”

“…..ไม่ใช่ว่านั่นมันเป็นแมงมุมของมนุษย์แมงมุมเมืองจีนที่เขาลือกันเมื่อไม่กี่ปีก่อนหรอกเหรอ”

“ใช่ๆ จริงด้วย อย่าบอกนะว่าพี่จิ้งคือมนุษย์แมงมุมคนนั้น”

“ถ้าเป็นคนเดียวกันล่ะก็ นี่ก็ใช้เป็นคำอธิบายได้นะว่าทำไมซูจิ้งถึงเรียกแมงมุมออกมาได้ แถมทั้งสองคนนั้นยังเป็นพวกเหนือมนุษย์อีกด้วย…เอ….ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้มนุษย์แมงมุมเคยเผยหน้าออกมาแล้วนะ ตอนนั้นก็ไม่ใช่ซูจิ้งนี่นา”

“นั่นสิ ฉันว่าไม่ใช่คนเดียวกันหรอก อย่างมาก มนุษย์แมงมุมนั่นก็น่าจะเป็นเพื่อนซูจิ้งนะ”

 

“ที่ร้ากกกก มีข่าวใหญ่ล่ะ……..” ณ บริษัททางด้านวงการบันเทิงแห่งหนึ่ง ผู้ช่วยคนสนิทของนาหลันเฟยได้เข้ามาหานาหลันเฟยเพื่อแจ้งจ่าว

“เรื่องโอลิมปิกของซูจิ้งอีกแล้วเหรอ บอกมาเลยก็แล้วกันฉันขี้เกียจอ่าน” นาหลันเฟยยกมีขึ้นห้ามปรามในขณะเอนกายบนเก้าอีกราวกับไม่ได้ใส่ใจในซูจิ้ง

เอาจริงๆเธอก็ไม่ได้ใส่ใจซูจิ้งอะไรจริงๆ ต่อให้คนทั่วทั้งโลกตกตะลึงกับการคนอยู่กับการที่มีคนเลวฆ่าผู้คนที่ไปร่วมงานโอลิมปิกโดนฆ่าตายไปนิดหน่อยจนโดนซูจิ้งตามฆ่า สำหรับเธอไม่ได้น่าสนใจเลยสักนิด

 

“…..แต่….มันเกี่ยวกับมนุษย์แมงมุมแล้วนะ” ผู้ช่วยของนาหลันเฟยพูดออกมา

“อะไรนะ” นาหลันเฟยนั้นนิ่งอึ้งไป เธอนิ่งคิดไปสักพักจึงได้รีบเปิดวิดีโอที่ผู้ช่วยนำมาให้เธอดู มันเป็นวิดีโอที่ซุจิ้งนั้นในตอนนี้กำลังใช้ใยแมงมุมโจมตีชายเจ็ดคนและโหนใยแมงมุมไปมาระหว่างตึกในระหว่างต่อสู้

ในตอนแรกนั้นเธอเองก็คิดว่าเป็นมนุษย์แมงมุมที่เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย แต่เมื่อมองดูๆดีๆก็พบว่าคนที่โหนใยแมงมุมไปมานั้นเป็นซูจิ้ง ไม่สิ เธอบอกได้เลยว่าแม้แต่มนุษย์แมงมุมที่เคยช่วยเธอนั้นก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าซูจิ้งเลยด้วยซ้ำ นี่มันเรื่องอะไรกัน

 

“พี่จิ้ง…นี่พี่จิ้งเป็นมนุษย์แมงมุมจริงๆเหรอเนี่ย” เว่ยเสี่ยวหยวนที่เห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นเต้นออกมา

เธอเองนั้นก็เคยมีความคิดนี้มาก่อนเหมือนกัน แต่ยังไงซะความคิดก็เป็นเพียงความคิด มันห่างไกลเกินกว่าความเป็นจริงต่างจากสิ่งที่เธอเห็นกับตาตัวเองแบบนึ้

ในตอนนี้เธอได้ทำการสวดอ้อนวอนจริงๆที่จะให้ซูจิ้งกลับมาอย่างปลอดภัย และเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะเป็นคนถามจากปากของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“พระเจ้า…” เลาชงและคนอื่นๆที่เคยถูกมนุษย์แมงมุมช่วยเอาไว้นั้นต่างก็รู้สึกประหลาดใจไม่ได้ในทันทีเมื่อเห็นข่าวนี้

 

แต่เดิม ที่ทุกคนมาดูข่าวนี้เป็นเพราะว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเลยมาดูเพื่อให้ตัวเองตื่นเต้นก็เท่านั้น ไม่มีใครเคยคิดว่าจะมีเรื่องของมนุษย์แมงมุมเข้ามาเกี่ยวข้องได้

แน่นอนว่ามนุษย์แมงมุมเองก็มีแฟนคลับอยู่มากมายในประเทศจีน แต่ด้วยการที่ไม่ได้ปรากฎตัวออกมานานทำให้หลายๆคนต่างก็ลืมเลือน แต่ในตอนนี้เรื่องนี้กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งหนึ่ง

 

ในขณะที่ทั่วทั้งโลกกำลังสนใจข่าว ณ สนามบินเมืองจงหยุน คนกลุ่มหนึ่งได้ลงมาจากเครื่องบิน สองคนในนั้นประกอบด้วยวูจูและฉิวจิ้งที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ ส่วนคนอื่นๆนั้นล้วนแล้วแต่เป็นชาวแอฟริกันทั้งสิ้น