“เรื่อง…..เรื่องอะไร?” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สั่นเทา อยู่ห่างออกไปจากกู้ชูหน่วนอย่างควบคุมตัวไม่ได้

“จัดการคนด้านนอกเหล่านั้น”

“นายหญิง ท่านล้อเล่นอะไร ท่านขโมยของในหอสมบัติและหอชุ่ยอวี้เกลี้ยงแล้ว พวกเขาจะยอมอย่างง่ายดายได้อย่างไร…..”

ไม่รอให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูดจบ กู้ชูหน่วนก็ตัดบทมัน “เรื่องแค่นี้ จะเป็นเรื่องยากสำหรับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่เป็นราชาแห่งงูได้อย่างไรล่ะ”

“ความสามารถของมันจะมากกว่าเจ้าได้ยังไง”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รู้สึกว่านางพูดถูก และก็รู้สึกว่ามีตรงไหนที่พูดผิด

ไม่รอให้มันปฏิเสธหรือตกลง กู้ชูหน่วนก็โยนมันออกไป ทำเป็นแป้นขวางธนูไว้

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เลื้อยขึ้นมาด้วยความโกรธ

นายหญิงไร้คุณธรรม

ชาติหนึ่งแย่กว่าอีกชาติหนึ่ง

ก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำครั้งแรกยังจะเอ็นดูมันมากกว่านี้ซะอีก

บ่นก็ส่วนบ่น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ยังคงเปลี่ยนร่างเป็นร่างเดิมของราชางูเหลือแล้ว

หัวเดียว ก็เปลี่ยนเป็นสามหัว ห้าหัว เจ็ดหัว……เก้าหัว…..

มันหนีออกมาจากประตูหอสมบัติ

ทันทีที่เห็นสัตว์ขนาดใหญ่มหึมาขนาดนี้ออกมา ลูกศิษย์หลายคนของตระกูลไป๋หลี่ก็แทบจะตกใจจนหมดสติไป

“งู……งูตัวใหญ่มาก…..”

“สวรรค์ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นราชางูเก้าหัวมรกตระดับห้า ศักยภาพแข็งแกร่งมากจริงๆ เร็ว เริ่มการทำงานค่ายกลสังหาร ฆ่ามันซะ”

“หยุด ห้ามฆ่า รีบหยุด”

ไป๋หลี่เจิ้นตกใจมาก

ไม่ง่ายกว่าที่เขาจะทำให้งูศิโรราบ หากว่าถูกฆ่าแล้ว เช่นนั้นเขาคงต้องโมโหตายไปโดยตรงแน่

นอกหอสมบัติ นอกจากไป๋หลี่เจิ้นแล้ว ยังมีผู้อาวุโสคนอื่นๆของตระกูลไป๋หลี่อีก เช่น ไป๋หลี่เฉิง ไป๋หลี่หยุนเยว่และคนอื่นๆ

ทุกคนมองไปทางไป๋หลี่เจิ้นพร้อมกัน โดยเฉพาะไป๋หลี่เฉิง

เขาโกรธจนตาถลน “ดี ไป๋หลี่เจิ้น ช่วงเวลาก่อนหน้านี้มีข่าวลือตามท้องตลาดอยู่ไม่น้อย บอกว่าตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราได้ราชางูเก้าหัวมรกตระดับห้ามา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นความจริง”

“นั่นเป็นถึงสัตว์อสูรระดับห้าเชียว ระดับห้าเต็มๆ เอามาได้ก็เป็นบุญวาสนาตระกูลไป๋หลี่ของพวกเรา” ไป๋หลี่เจิ้นพูดด้วยความสงบไร้ยางอาย แต่กลับทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆโกรธจนกระอักยิ่งขึ้น

“เป็นบุญวาสนาของตระกูลไป๋หลี่ หรือว่าเป็นบุญวาสนาของไป๋หลี่หมิงหลานชายเจ้า? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่รายงานกับหัวหน้าตระกูลสักคำ กลับยังแอบซ่อนราชางูเหลือมไว้ในหอสมบัติเป็นการส่วนตัวอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าราชางูเหลือมน่ากลัวเพียงใด ทันทีที่มันโมโหต่อต้านขึ้นมา เกรงว่าตระกูลไป๋หลี่ก็คงจะถูกมันทำลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว”

“นี่ข้าไม่ได้คิดว่าจะทำให้ราชางูเหลือมศิโรราบอย่างสมบูรณ์ แล้วค่อยบอกกับหัวหน้าตระกูลหรือไง จะรู้ได้อย่างไรว่าจู่ๆคืนมันจะเลื้อยออกมา”

“ไม่กี่วันก่อนหัวหน้าตระกูลเพิ่งจะถามพวกเรา ว่ามีคนได้ราชางูเหลือมเก้าหัวมาหรือไม่ แล้วทำไมเจ้าไม่พูด?”

“ไป๋หลี่เฉิง เจ้าหมายความว่าอะไร? คงไม่ใช่เพราะเจ้าเห็นว่าข้าได้ราชางูเหลือมมา ใจนึกอิจฉา คิดจะครอบครองไว้เองหรอกนะ”

“เจ้าเป็นเพียงแค่ระดับสี่ตัวเล็กๆ จะกำราบสัตว์อสูรระดับห้าได้อย่างไร? แม้ว่าเจ้าจะกำราบได้ นั่นก็มีนักควบคุมสัตว์ของตระกูลไป๋หลี่ออกหน้าแทนเจ้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ราชางูเหลือมตัวนั้นก็เป็นของตระกูลไป๋หลี่ สุดท้ายจะให้ใครทำสัญญาความสัมพันธ์กับราชางูเหลือม ก็ต้องดูความเห็นของหัวหน้าตระกูล”

“ข้าทุ่มเทสิ้นเปลืองแรงไปอย่างหนักขนาดนั้นกว่าจะได้ราชางูเหลือมมา ใครกล้ามาแย่งชิงกับข้า ข้าก็จะสู้ตายกับผู้นั้น”

ไป๋หลี่เจิ้นทะเลาะกับไป๋หลี่เฉิงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ไป๋หลี่หยุนเยว่ทำได้เพียงไกล่เกลี่ยเรื่องราวเท่านั้น

“พอแล้วพอแล้ว ทั้งสองท่านหยุดทะเลาะกันได้แล้ว ยังไงก็ตรวจสอบให้ละเอียดก่อนดีกว่านะว่าคืนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

ทั้งสองแยกออกจากกันด้วยความโกรธ

ตระกูลไป๋หลี่เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลที่สูงศักดิ์ คิดไม่ถึงว่าหอชุ่ยอวี้จะถูกคนปล้นไปจนเกลี้ยง

แล้วปล้นไปยังไง ขโมยเป็นผู้ใดกัน ตอนนี้พวกเขากลับยังไม่รู้ที่มาที่ไปใดๆ

ตระกูลไป๋หลี่คิดจะส่งคนเข้าไปในหอสมบัติ

แต่ลำตัวขนาดใหญ่กว่าร้อยเมตรของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขวางอยู่ที่หน้าประตู ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไป