GGS:บทที่ 1156 บ้าน

“มนุษย์แมงมุมนี่มองยังก็ยังเป็นพี่จิ้งแหะ” เมื่อเว่ยเสี่ยวหยวนได้เห็นข่าวของซูจิ้ง เธอได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่เห็นในทันที และยิ่งเธอวิเคราะห์ข้อมูลมากที่ไหล่ก็ยิ่งมั่นใจในควรามคิดของเธอมากขึ้น และนั่นทำให้เธอนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาราวกับหัวใจที่เคยเร้นกายจากโลก ออกมาเต้นให้เห็น

ความจริงแล้วก็มีหลายครั้งหลายหนเหมือนกันที่เธอคิดว่าซูจิ้งนั้นคือมนุษย์แมงมุม นั่นก็เพราะหลังจากที่เธอถูกมนุษย์แมงมุมช่วยเธอเอาไว้นั้น เธอได้พบเศษใยแมงมุมจากเสื้อผ้าของซูจิ้ง มาในภาพหลัง เธอยังแกล้งซูจิ้งพร้อมทั้งทำการทดสอบเรื่องนี้ไปในตัวอีกด้วย

ในตอนนั้นเอง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม จากเซ้นส์ของผู้หญิงแล้ว ยังเธอก็คิดว่าซูจิ้งนั้นต้องเป็นมนุษย์แมงมุม แต่ดันมีเรื่องที่ทำให้มนุษย์แมงมุมต้องเผยโฉมออกมาในตอนนั้นทำให้เธอเลิกคิดเรื่องนี้ไปแล้ว
“ฮ่าฮ่า พี่จิ้งคือมนุษย์แมงมุมมมมม….” เวี่ยเสี่ยวหยวนในตอนนี้แสดงสีน้ำที่เบิกบานอย่างที่สุด หลังจากนั้นเธอก็ได้ขอพรขึ้นมาว่า “คุณพระคุณเจ้า ขอให้พี่จิ้งจัดการเรื่องในคราวนี้ให้สำเร็จเสร็จสิ้นไปด้วยดีและกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยเถ้ออออออ เขานั้นเป็นทั้งอัจฉริยะ เขานั้นทั้งเป็นคนดี ไม่ว่ายังไงโลกนี้ก็ขาดเขาไม่ได้ ได้โปรดเถอะนะคะ”

เว่ยเสี่ยวหยวนก็ได้มีโอกาสพบปะซูจิ้งนอกเวลางานหลายครั้งหลายหนอยู่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ถึงเธอจะไม่ได้มีสีหน้าหรือท่าทางที่ผิดแผกก็ตาม แต่นับจากนี้เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำตัวต่อหน้าซูจิ้งยังไงดี

“ไม่จริงน่า อาจิ้งเป็นมนุษย์แมงมุมเหรอเนี่ย” เลาชงและคนอื่นๆที่เคยถูกมนุษย์แมงมุมช่วยเอาไว้ต่างก็ตกตะลึงในทันทีที่เห็นข่าว
เลาชงนั้นไม่เคยคิดว่าซูจิ้งคือมนุษย์แมงมุมเลยสักครั้ง เขายังเคยนำเรื่องมนุษย์แมงมุมมาถกเถียงกับซูจิ้งอยู่หลายครั้งหลายหนเหมือนกัน
เมื่อรู้เช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้เลาชงหัวเราะออกมาเบาๆพลางคิดว่าไอ้เด็กนี่ช่างลึกล้ำจริงๆ เขาคงต้องหาโอกาสคุยเรื่องนี้กับซูจิ้งจริงจังสักครั้งหนึ่ง

“ซูจิ้งเป็นมนุษย์แมงมุมเหรอ ไม่จริงน่า เป็นไปได้ยังไง” หลังจากที่เห็นข่าวนี้ นาหลันเฟยแสดงท่าทีไม่เชื่อออกมาในทันที เธอได้พูดออกมาต่อว่า “ก็ตอนนั้นหมอนั่นยังพูดว่าร้ายมนุษย์….แมง…มุม…เลยไม่ใช่…เหรอ….” นาหลานเฟยพูดออกมาอย่างหมดเรี่ยวแรงเพราะทำใจเชื่อได้ยากยิ่ง นั่นก็เพราะเธอนั้นคิดมาตลอดว่าที่ซูจิ้งพูดอย่างนั้นออกมาเป็นเพราะเขาไม่ต้องการมีสายสัมพันธ์อันดีกับมนุษย์แมงมุมเลยพูดออกมาแบบนั้น
ก่อนหน้านี้เธอนั้นมีความรู้สึกดีๆกับซูจิ้งอยู่เหมือนกันแต่ก็เพราะเรื่องนี้ทำให้เธอนั้นเกือบจะเกลียดเขาไปแล้ว ในภายหลังเป็นเพราะซูจิ้งเข้าไปช่วยคนในกองเพลิงอย่างกล้าหาญทำให้เธอเปลี่ยนใจกลับมารู้สึกดี แต่เธอก็ยังจดจำคำว่าร้ายของซูจิ้งที่มีต่อมนุษย์แมงมุมฝังใจไปเธอเลยเลือกพบเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น

พอตอนนี้มาคิดว่าซูจิ้งคงแค่ประชดประชันตัวเองว่าเคยอยากเป็นมนุษย์แมงมุมจนถึงป.สองซะมากกว่า แล้วเธอจะไปโกรธกับคำประชดของเขาทำไมกัน
“หึหึหึ ไอ้หมอนี่…. ตอนที่เราโกรธเขาเรื่องมนุษย์แมงมุมไปนี่คงจะแอบหัวเราะเยาะเราอยู่สินะ เฮ้ออออ” นาหลันเฟยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเธอนั้นเต็มไปด้วยรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที
ซูจิ้งเป็นปรมาจารย์กู่จิ้ง เรื่องนี้เธอยอมรับได้
ซูจิ้งนำเรื่องมนุษย์แมงมุมมาพูดล้อเล่นได้อย่างน่าตาเฉยก็เป็นเพราะมนุษย์แมงมุมก็คือตัวเขาเอง เขาจะว่าอะไรยังไงก็ได้อยู่แล้ว แต่กับคนที่นับถือมนุษย์แมงมุมประดุจดั่งเทพช่วยชีวิตอย่างเธอนั้นเป็นเรียกยากที่จะให้อภัย

แต่ในเมื่อทั้งสองคือคนเดียวกันแล้วแน่นอนว่าเธอต้องชอบซูจิ้งอย่างที่สุดแน่นอนอยู่แล้ว คราวนี้ถ้าเธอได้เจอซูจิ้งล่ะก็จะขอเข้าไประดมจูบให้หายหมั่นเคี้ยวสักที

“นายกลับมาได้เมื่อไหร่นะ ฉันจะทำให้รู้ว่าการมาล้อเล่นกับผู้หญิงนั้นจะต้องจบลงยังไง ฮิฮิฮิ” นาหลันเฟยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม แต่ท่าทางนั้นราวกับหญิงสาวที่ตกหลุมรักใครสักคนเลยทีเดียว

แต่เมื่อเธอได้เห็นสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นดีๆแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวขึ้นมา และพูดออกมาว่า “ ฉันหวังว่านายจะรอดปลอดภัยกลับมานะ ต่อให้ฉันรู้ว่านายเป็นใครแต่นายไม่ปลอดภับกลับล่ะก็…” นาหลันเฟยที่คิดแบบนั้นจึงทำได้คุกเข่าวิงวอนต่อพระเจ้าใจทันที เธอยินดีที่จะให้ซูจิ้งกลับมาอย่างปลอดภัยเพื่อแลกกับอายุสั้นลงไปสิบปีก็ตาม

 

ฉิวจิงและชายผิวดำหกคนได้ถึงหมู่บ้านตระกูลซูเรียบร้อยแล้ว พวกมันถึงกับฉงนในทันทีเมื่อได้ยินเสียงแว่วข่าวเรื่องที่เกิดในโตเกียวจากการพูดคุยและเสียงข่าวที่ลอยเข้าหูมา
แต่เดิมพวกมันคิดว่าด้วยการที่หัวหน้าของพวกมันนั้นไปด้วยตัวเองน่าจะจัดการซูจิ้งได้อย่างง่ายดาย ไม่คิดเลยว่าจะกลายศึกใหญ่ที่ยากจะจัดการได้ลง นี่เป็นเพราะซูจิ้งนั้นทรงพลังเหนือกว่าที่พวกมันรู้มากมายนัก
“ซูจิ้งไปได้ความแข็งแกร่งพวกนั้นมาจากไหนกันทำไมถึงได้ทรงพลังได้ถึงขนาดนั้น” ชายผิวดำถาม

“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น สองปีมานี้มันไปเจออะไรกันแน่” ฉิวจิงได้เขม่นตาพลางนึกถึงเหตุกาณ์ที่มันได้เจอกับซูจิ้งสมัยก่อน
ซูจิ้งในมหาวิทยาลัยเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญอย่างมาก ที่ดีที่สุดก็เป็นเพียงผลการเรียนแต่ก็ยังด้อยกว่าตัวมัน ขนาดในตอนหลังซูจิ้งถูกหวังหยานทิ้งขว้างก็ยังเห็นซูจิ้งทำท่าจะเป็นจะตายอยู่เลย
นี่แสดงว่าซูจิ้งนั้นสมควรจะพบเจอบางสิ่งถึงสามารถพัฒนตัวเองได้ขนาดนี้หลังจากเรียนจบเท่านั้น

ฉิวจิงได้บอกหัวหน้าของมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้มันได้รับหน้าที่ในการมาที่บ้านของซูจิ้งเพื่อนำโลงศพและคัดลอกสิ่งต่างๆแม้แต่การนำของมีค่าของซูจิ้งกลับไป นี่จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับฉิวจิงในทันที
“ดูเหมือนว่าหัวหน้าจะกล่าวไว้ถูกต้องแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อ่อนแอเหมือนแต่ก่อน แต่เราก็ไม่สามารถดูถูกซูจิ้งได้เช่นเดียวกัน ฉันว่าบ้านของมันคงจะเข้าไปไม่ได้ง่ายๆแน่ๆ” ชายผิวดำอีกคนหนึ่งพูดออกมา
“เห็นด้วย พวกเรารอวูจู่ดีกว่า”
“ไอ้เด็กนั่นช่างเป็นตัวก่อปัญหาจริงๆ”
ชายผิวดำทั้งหกนั้นไม่มีใครชอบวูจู่เลยแม้แต่น้อย กลับกัน ฉิวจิงเมื่อได้อยู่กับวูจู่ราวกับได้พบเจอสหายสนิทที่สนิทมาตั้งแต่ชาติปางก่อน และในครั้งนี้เขาก็เลือกที่จะรอวูจู่มาก่อนด้วยเช่นกัน
ความจริงหลังจากที่ฉิวจิงได้รับทักษะมาจากร่างเงาดำแล้วทำให้ตัวมันนั้นมีจิตใจที่แข็งกล้ามากขึ้น และนี่เองทำให้มันคิดว่าภารกิจที่ได้มานั้นช่างง่ายราวกับการปลอกกล้วยเข้าปาก

แต่เมื่อได้เห็นว่าหัวหน้าที่มันเคารพนักเคารพหนากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดนี้ นี่ทำให้มันนั้นเลือกที่จะทำภารกิจให้ละเอียดรอบคอบมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ทันทีที่พวกมันถึงหมู่บ้านตระกูลซู พวกมันได้รอคอยวูจู่อยู่พักหนึ่ง ไม่นาน วูจู่ก็ได้ตามมาสบทบและพวกมันจึงได้เข้าไปในหมู่บ้านด้วยกัน
ด้วยการที่ไม่ต้องการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น พวกมันจึงเรียกที่จะลอบเข้าไปจนตอนนี้พวกมันเข้าไปยังสวนหลังบ้านของซูจิ้งเรียบร้อยแล้ว

เมื่อพวกมันไปถึงกลับต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากข้อมูลที่พวกมันหามาได้นั้น สวนของซูจิ้งสมควรจะมีสุนัขมากมายคอยเฝ้าอยู่ แน่นอนว่าพวกมันย่อมไม่ใส่ใจในเรื่องนั้นและพร้อมที่จะเก็บกวาดสุนัขที่ว่าให้เรียบวุธในทันทีที่เจอ แต่นี่กับเงียบสนิทจนน่าสงสัย
“ไม่เงียบไปหน่อยเหรอ”
“หรือว่าเป็นกับดัก”
“ซูจิ้งอยู่โตเกียวไม่มีทางวางกับดักไว้หรอกน่า”
“ระวังตัวไว้ก่อนแล้วกัน”
พวกมันทั้งแปดค่อยๆเข้าไปยังสวนหลังบ้านของซูจิ้งอย่างช้าๆ สิ่งเดียวที่พวกมันคิดได้ในตอนนี้ก็คือกับระเบิด แต่เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีพวกมันจึงได้ย้ายไปอีกพื้นที่ส่วนหนึ่งแทน

แต่พวกมันไม่รู้เลยว่าทันทีที่พวกมันไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกมันกำลังจะทำอยู่นี้จะทำให้พบกับความตายที่ไม่อาจหนีพ้นไปได้

ทันทีที่พวกมันพบเจอประตู พวกมันได้ทำการพังประตูเข้าไป ร่างเงาดำได้บอกพวกมันไว้ว่าทันทีที่พังเข้าไปนั้นพวกมันจะสามารถพบโลงศพได้อย่างไม่ยากเย็นนัก นี่ทำให้พวกมันไม่ได้คิดจะถามอะไรเพิ่มเติมและมีเพียงความต้องการในการทำภารกิจให้ลุล่วงโดยเร็วเท่านั้น

เมื่อพวกมันก้าวเขาไปในประตูกับต้องพบกับความตกตะลึงพรึงเพริศ สิ่งที่พวกมันเห็นนั่นก็คือตึกๆหนึ่ง มันเป็นตึกที่มีความสูงไม่ต่ำกว่าสิบเมตร ตึกๆนี้ทำด้วยสิ่งที่เหมือนจะเป็นโลหะบางอย่างที่พวกมันก็ไม่รู้ว่าทำจากโลหะอะไรกันแน่ นี่ทำให้พวกมันทั้งแปดนิ่งมองด้วยความสงสัยอย่างหมดหัวใจว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรกัน

ในตอนนั้นเอง ประตูที่พวกมันพังเข้ามานั้นอยู่ๆก็ได้ปิดตัวลง
ราวกับได้ยินเสียงกระซิบอะไรบางอย่าง พวกมันหันไปทางต้นตอของเสียงในทันที ในตอนนั้นพวกมันได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายได้ปรากฎออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า
สิ่งที่พวกมันเห็นในตอนนี้ก็คือหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ กลุ่มก้อนเถาวัลย์ที่เลื้อยไปมา หญิงสาวงามที่มีหางเป็นงู ปลาหมึกยักษ์หัวกลม และกระรอกที่มีหูใหญ่มาก