GGS:บทที่ 1157 วิกฤตเพิ่มทวี

ในทันทีที่พวกมันทั้งแปดคนเห็นหมาป่า เถาวัลย์ หญิงร่างงู ปลาหมึก และกระรอก ที่กำลังจ้องพวกมันอย่างเขม็งและไม่กะพริบตาแม้แต่น้อยทำให้พวกมันทั้งแปดอดนึกถึงข้อมูลที่พวกมันเคยได้มาไม่ได้

พวกมันเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าซูจิ้งเลี้ยงหมาป่าเอาไว้ก็จริงแต่นี่จะไม่ตัวใหญ่ไปหน่อยรึไงกัน เท่าที่มันเห็นนั้นหมาป่าตัวนี้จากด้านหน้าความสูงก็ไม่ต่ำกว่าสองเมตรแล้ว ความยาวของมันเท่าที่กะด้วยสายตาได้จากหัวจรดหางไม่น่าจะต่ำกว่าห้าเมตร ไม่ว่าจะมองจากทางไหนนี่มันยิ่งกว่าที่ข้อมูลที่พวกมันได้รับมามากนัก

นี่ยังไม่รวมถึงเถาวัลย์ หญิงสาวหางงู และหมึกยักษ์นั่นอีก พวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อนเพี่ยวกับเรื่องพวกนี้ บนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตแบบนี้อยู่ได้ยังไงกัน
ที่กระรอกหูใหญ่ไม่ได้รับการสังเกตจากทั้งแปดเป็นเพราะว่าดูยังไงก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้อย่างแน่นอน

“แน่นอนอยู่แล้วสินะที่ต้องมีคนเฝ้า”
“เถาวัลย์นั่นมันอะไรกัน ไหนจะหญิงสาวสวยครึ่งงูนั่นอีก”
“หมึกยักษ์ตัวใหญ่โคตร ซูจิ้งนี่มันเป็นแหล่งรวมตัวประหลาดจริงๆ”
ถึงแม้ฉิวจิง วูจู่และอีกหกคนนั้นจะไม่เหมือนก่อนอีกต่อไป แต่เมื่อพบกับฉากตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวไปเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้แสดงท่าทีออกมาด้วยความเกรงกลัวแต่อย่างใด พวกมันมองหน้ากันก่อนที่จะแยกออกจากกันไปในหลากหลายทิศทางอย่างรวดเร็ว
เป็นบิงบิง(กระรอกหูใหญ่)ที่เปิดฉากโจมตีก่อน มันได้ร่ายเวทย์ระเบิดน้ำแข็งจากระยะไกล เถาวัลย์กินคนเองก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน ด้วยการปลดปล่อยเถาวัลย์ออกไปจนปกคลุมเกือบทั้งพื้นที่ในตอนนี้ ก่อนที่เถาวัลย์แต่ละเส้นจะเริ่มการโจมตีอย่างหนักในทันที
หมาป่าสงคราม เหมิงเม่ยเอ๋อ และหมึกยักษ์ได้พุ่งเข้าไปยังทิศทางของคนทั้งแปด หมาปลาสงครามได้เข้าสู้กับชายผิวดำคนหนึ่ง ชายคนนั้นได้เร่งความเร็วจนเข้าประชิดทางด้านข้างของหมาป่าสงครามอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพยายามตบไปที่ชายโครงของหมาป่าสงครามด้วยมือที่เต็มไปด้วยไอมาร

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าร่างกายของหมาป่าสงครามจะใหญ่โตแต่มันกลับมีความเร็วที่มากเกินคาดเดาได้ ในตอนนี้มันได้เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งหมุนตัวและกางอุ้งเท้าของมันออกเตรียมตะปบไปยังชายผิวดำ

ชายผิวดำนั้นหน้าถอดสีในทันที เมื่อมันรู้ตัวว่าหลบไม่ได้จึงใช้มือที่เปี่ยมไปด้วยไอปีศาจยกขึ้นมาปะทะในทันที
แต่หลังจากที่บังเกิดเสียงดังลั่น มันจึงพบว่ามันทำได้แค่เพียงหยุดยั้งการตะปบของหมาป่าสงครามได้เพียงเท่านั้น

มันไม่สามารถหยุดยั้งกรงเล็บที่ยื่นจิกลงมาบนอกของมันได้ เล็บทั้งสามได้ฝังลึกเข้าไปในอกของชายผิวดำ นี่ทำให้ชายผิวดำเสียจังหวะและเสียหลักรายไปตามแรงตะปบในทันที
ถึงแม้จะมีรอยสีดำฝากทิ้งเอาไว้บนอุ้งเท้า แต่นั่นก็ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับหมาป่าสงครามในตอนนี้

ก่อนหน้านี้ไม่นาน หมาป่าสงครามได้แข็งแกร่งขึ้นจนถึงระดับที่เรียกได้ว่าสัตว์อสูรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้ต่อให้เป็นไป๋ฮิตูก็ตาม เขาก็ไม่ใช่คู่มือของหมาป่าสงครามแต่อย่างใด และในเมื่อร่างของชายผิวดำคนนี้ไม่ได้มีชิ้นส่วนของร่างเงาดำด้วยแล้ว เพียงแค่ทักษะที่ได้รับการถ่ายทอดมานั้นไม่เพียงพอกับการต่อกรกับหมาป่าสงครามเลยสักนิด

“…อึ้ก…ทุกคน…ระวังไว้… ไอ้หมาเวรนี่…แข็งแกร่ง…มาก” ชายผิวดำที่โดนหมาป่าสงครามตบออกไปนั้นได้ตะคอกออกมา ถึงแม้มันจะบาดเจ็บหนักแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะยอมแพ้แต่อย่างใด

มีสิ่งที่ชายผิวดำคนนี้ยังไม่รู้อยู่ นั่นก็คือยามเฝ้าของซูจิ้งนั้นไม่ได้มีความกระจอกงอกง่อยเลยสักตนเดียว
อีกทางหนึ่ง ห่าฝนเปลือกหอยไททาเนียมอัลลอยถูกปล่อยออกมาจากปากของหมึกยักษ์ใส่ชายผิวดำสองคน ถึงแม้จะป้องกันอยู่ได้แต่ก็ถือได้ว่าเต็มกลืนอย่างมาก และชายผิวดำอีกคนหนึ่งกำลังตกอยู่ในสภาพไม่ค่อยต่างกันจากการกระหน่ำโจมตีจากเถาวัลย์

จะมีเพียงหนึ่งตัวตนที่ยังไม่ได้ลงมีเป็นจริงเป็นจังนั้นก็คงจะมีเหมิงเม่ยเอ๋อ(สาวสวยครึ่งงู) ที่ในตอนนี้กำลังพนมมืออยู่กลางอกพร้อมทั้งสวดมนต์อะไรบางอย่างให้เก็บเศษซากของบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

หมึกยักษ์นั้นเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มก่อนที่จะเจอกับซูจิ้งด้วยซ้ำ หลังจากที่มันได้พันธสัญญากับซูจิ้งและได้รับการฝึกฝนและบ่มเพาะจากซูจิ้งก็ยิ่งทำให้ตัวมันนั้นแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

ส่วนเหมิงเม่ยเอ๋อนั้น ถึงแม้ส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในถุงกักอสูร แต่เธอก็ฝึกฝนตนเองอย่างไม่ว่างเว้นจนในตอนนี้บรรลุอย่าที่ขั้นรู้แจ้งเรียบร้อยแล้ว เมื่อเทียบกับห้วงเวลาฯที่เธอจากมานั้นยังถือได้ว่าเป็นระดับสูง เมื่อมาอยู่ในโลกนี้แล้วย่อมหมายความว่าเธอนั้นแข็งแกร่งแบบสุดๆ

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการที่เธอมีสติปัญญาที่สูงล้ำ เพียงไม่นานเธอก็สามารถอ่านการเคลื่อนไหวและท่วงท่าของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย จะให้เธอต้องบาดเจ็บหรือวุ่นวายกับคู่ต่อสู้เพียงระดับนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะกับคนที่กล้าเข้ามาดวลเดี่ยวแบบนี้ แน่นอนย่อมต้องแหลกลาญ

อย่างไรก็ตาม เพียงการโจมตีเดียวของเธอนั้น ไม่ได้เพียงบดขยี้ร่างๆเดียว ผลจากการโจมตียังได้ทำให้คนที่เหลืออย่างวูจู่ ฉิวจิง และชายผิวดำอีกคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส
ทั้งสามมองไปยังพื้นที่แตกออกราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง พวกเขาไม่คิดเลยว่าหญิงสาวตรงหน้าจะทรงพลังขนาดนี้
“เล่นไอ้พวกนั้นก่อน” เมื่อเห็นฉากตรงหน้านี้ไม่ได้ทำให้พวกมันถอดใจแต่อย่างใด พวกมันยังคงเชื่อมั่นในทักษะและไอปีศาจที่พวกมันได้รับมา

ฉิวจิงตะคอกออกมาก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังบิงบิงและเถาวัลย์เพราะคิดว่าทั้งสอง อ่อนแอที่สุดในที่นี้แล้ว จึงทำให้เกิดฉากชลมุนขึ้นในทันที
อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ภายในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯนั้นถือได้ว่ายามเฝ้าของซูจิ้งนี้ได้เปรียบอย่างมาก นั่นก็เพราะ ฉิวจิง วูจู่ และชายผิวดำอีกคนหนึ่งนั้นไม่ได้มีเศษเสี้ยววิญญาณของร่างเงาดำแต่อย่างใด
นี่ทำให้พวกมันนั้นไม่สามารถดูดซับไอปีศาจมาช่วยในการต่อสู้ รวมถึงการฟื้นฟูร่างกายจากการดูดซับหรือแม้แต่ดูดกินพลังชีวิตก็ไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
เรียกได้ว่าสถานการณ์ของพวกมันนั้นแย่ยิ่งกว่าแปดคนที่ไปโตเกียวอย่างมาก เรียกได้ว่า ต่อให้ซูจิ้งอยู่ที่นี่พวกมันก็ไม่มีทางได้พบเห็นซูจิ้งได้เลยแม้แต่น้อยเพราะต้องตกตายโดยบรรดาสัตว์เลี้ยงของซูจิ้งก่อนอย่างแน่นอน

สถานการณ์ในตอนนี้ หมาป่าสงคราม เหมิงเม่ยเอ๋อ และหมึกยักษ์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บิงบิงนั้นหลังจากเปิดฉากโจมตีแล้วก็ทำการรักษาระยะห่างคอยหาจังหวะโจมตีอยู่จากระยะไกล
จะมีบาดเจ็บหนักก็คงจะมีเพียงเถาวัลย์กินคนเท่านั้นที่ในตอนนี้มันสูญเสียเถาวัลย์ของตัดไปมากมายจากการต่อสู้ บางส่วนก็ถูกเผาไหม้จากไอปีศาจ แต่ด้วยการเป็นพืช ตัวมันนั้นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งมันยังได้งอกเถาวัลย์อันใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมาเพื่อรับมืออีกด้วย

ขณะเดียวกัน การต่อสู้ที่โตเกียวยังคงดำเนินต่อไป
ซูจิ้งในตอนนี้สวมเกราะที่ทำจากใยแมงมุมเหล็กกล้าและเกล็ดของกิ้งก่าเขี้ยวงูพร้อมทั้งใช้ยันต์หมื่นลี้เพื่อเร่งความเร็วในการต่อสู้ พร้อมทั้งได้ใช้ยันต์หมื่นลี้อีกแผ่นหนึ่งกับไป๋ฮิตูเรียบร้อยแล้ว

สำหรับหลัวฉือหลินนั้นเขาช่วยเสริมแกร่งให้ไม่ได้มากนักเพราะร่างที่ใช้ในการต่อสู้นี้เป็นเพียงสแตนด์เท่านั้น
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่สถานการณ์ในตอนนี้ แมงมุมกว่าโหลของซูจิ้งได้ตกตายไปกว่าครึ่ง ไป๋ฮิตูและหลัวฉือหลินก็ได้รับบาดเจ็บพอสมควร ส่วนซูจิ้งนั้นถึงแม้จะมีชุดเกราะอยู่ แต่ตัวเขาในตอนนี้เองก็ถือได้ว่าบาดเจ็บยิ่งกว่าใคร

ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าการโจมตีของร่างเงาดำนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก จะบอกว่าเป็นการโจมตีที่ไม่สนใจพลังป้องกันของชุดเกราะก็ว่าได้ เรียกได้ว่าต่อให้มีเกราะดีขนาดไหนก็ไร้ค่าเมื่อเจอร่างเงาดำ
ในทำนองเดียวกัน การโจมตีทางกายภาพทุกอย่างนั้นล้วนไม่มีผลต่อร่างเงาดำแต่อย่างใด การสวมเกราะไว้เอาจริงๆแล้วสมควรจะเพียงถ่วงแข่งถ่วงขาซูจิ้งเอาไว้เท่านั้น

ถึงจะเป็นแบบนั้น ซูจิ้งก็ไม่ได้ย่อท้อเหมือนดังตะเกียงที่ไร้น้ำมัน ในตอนนี้เขาได้จัดการทำลายลูกสมุนของร่างเงาดำไปได้แล้วสองคน เหลืออีกเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น และสองในห้านั้นก็คือ ซงจุนฮ่าวและโอฉิงซง
ในตอนนี้คนสี่คนกำลังต่อสู้อย่างพัลวันกับซูจิ้ง โดยที่ซงจุนฮ่าวนั้นมีหน้าที่ในการจับผู้คนโดยรอบเข้ามาในสนามรบ
ถึงแม้ว่าไป๋ฮิตู หลัวฉือหลิน และแมงมุมของซูจิ้งจะสามารถช่วยเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางคนที่พวกเขาไม่สามารถช่วยไว้ได้ขริงๆ และนี่เองก็ยิ่งทำให้สนามรบในทั้งนี้ส่งผลดีต่อร่างเงาดำและลูกสมุนมากขึ้นทีละน้อย ถึงแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นมากนักแต่ก็ไม่อ่อนแอลงอย่างแน่นอน

ซงจุนฮ่าวได้ทำการก่อกำเนิดคลื่นพลังหนึ่งส่งผลให้ผู้คนกว่าสิบถึงยี่สิบคนล่วงหล่นลงมาในสนามรบกลางเมืองอย่างรวดเร็ว
ทั้งแมงมุม ไป๋ฮิตู และหลัวฉือหลิน จะช่วยคนเหล่านี้ไว้ได้อีกครั้ง แต่ก็ยังมีสองคนที่ต้องตกลงไปตายในสนามรบแห่งนี้

“เจ้านาย ระวังครับ” หลัวฉือหลินได้ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เมื่อครู่ หลัวฉือหลินเห็นซงจุนฮ่าวใช้วิธีการที่น่ารังเกียจอย่างการโยนร่างหนึ่งใส่ซูจิ้งจากจุดอับสายตา เขาจึงได้บังคับให้สแตนด์ของตนยิงสายฟ้าไปยังซงจุนฮ่าวเพื่อขัดขวาง
แต่ซงจุนฮ่าวกลับคว้าจับสายฟ้าของหลัวฉือหลินเอาไว้ได้ด้วยมือที่อาบด้วยไอปีศาจก่อนที่จะเขวี้ยงไปยังซูจิ้งร่างกายของมันหายไปพร้อมกับสายฟ้าสีดำทมิฬที่กำลังพุ่งไปหาซูจิ้ง และได้ไปปรากฎอยู่ด้านหลังซูจิ้งอย่างเงียบเฉียบ

“มาสักที” ซูจิ้งไม่ได้มีท่าทีหวาดวิตกแต่อย่างใดราวกับกำลังรอเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นอยู่ ตอนนั้นเอง ฮัวเหยา(ปีศาจดอกไม้) ก็ได้เบ่งบานอยู่บนหัวของซูจิ้ง เธอได้ใช้เถาวัลย์รัดพันร่างทั้งห้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ารวมถึงซงจุนฮ่าวด้วย
เมื่อมั่นใจว่าร่างทั้งห้าไม่สามารถดิ้นรนออกไปได้ ซูจิ้งได้บีบวงของลำแสงชำระล้างให้เหลือเพียงสองเมตรเท่านั้น ส่งผลให้ความเข้มข้นและประสิทธิผลของลำแสงชำระล้างพุ่งขึ้นถึงขีดสุดอย่างรวดเร็ว