เมื่อหลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขาเดินทางมาถึงสำนักดาบสวรรค์ พวกเขาต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของพลัง ซึ่งพวยพุ่งมาหาพวกเขาทันที
“ไม่เลวเลย!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “สำนักดาบสวรรค์แห่งนี้ ใกล้จะก่อร่างมหาวิถีเต๋าแห่งดาบได้แล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปในอนาคตพวกเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า”
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ ซึ่งเป็นศิษย์ของสำนักดาบสวรรค์ที่ได้รับหน้าที่เฝ้าดูแลประตูเคลื่อนย้ายเลิกคิ้วขึ้น และมองไปที่หลิงตู้ฉิง
แน่นอนว่าเขารู้สึกมีความสุขที่มีคนชื่นชมสำนักของเขา
แต่คนที่ชมสำนักของเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดอะไรต่อ
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถามว่าหลิงตู้ฉิงมาที่สำนักของเขาเพื่ออะไร เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเขา จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินเข้ามาต้อนรับกลุ่มของหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที “สำนักดาบสวรรค์ของข้าขอต้อนรับคุณชายหลิง ข้าขอแนะนำตัวของข้าสักหน่อย ข้าคือเจ้าสำนักดาบสวรรค์ หัวเฉียนฟาง ข้ามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ต้อนรับคุณชายหลิงและคนของคุณชายทุกคน เอาล่ะคุณชาย ข้าได้จัดเตรียมงานเลี้ยงรับรองการมาถึงของท่านไว้เรียบร้อยแล้ว ข้าขอเรียนเชิญคุณชายหลิงและคนของคุณชายทุกคนเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงที่ข้าได้จัดเตรียมไว้ให้ท่านก่อน เชิญ!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มตอบและพูดว่า “ด้วยความยินดี!”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พากลุ่มของเขาเดินตามหัวเฉียนฟางไปยังห้องโถงใหญ่ของสำนักดาบสวรรค์
ภาพเหตุการณ์นี้มันทำให้คนเฝ้าประตูเคลื่อนย้ายถึงกับอ้าปากค้างด้วยความงุนงง
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
คนกลุ่มนี้เดินทางมาจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ว่าแต่พวกเขาเป็นใคร?
ต่อให้เจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มาด้วยตัวเองก็ยังไม่ได้รับการต้อนรับขนาดนี้เลยนี่นา?
และที่สำคัญก่อนหน้านี้ไม่นาน คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็เพิ่งเดินทางมาที่นี่รอบหนึ่งแล้ว และตอนนี้คนกลุ่มนี้ก็ตามมาทีหลังอีก นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น?
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่มาก่อนหน้านี้ เขามาที่นี่เพื่อเตือนให้ทางสำนักดาบสวรรค์ดูแลหลิงตู้ฉิงให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ถึงแม้ว่าหัวเฉียนฟางจะไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของหลิงตู้ฉิงเป็นใคร แต่คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่มาเตือนเขานั้นเป็นถึงบรรพบุรุษขอบเขตมหาจักรพรรดิของสำนัก ดังนั้นเขาจึงเดาได้ทันทีว่าตัวตนของหลิงตู้ฉิงจะต้องไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก แถมบรรพบุรุษขอบเขตมหาจักรพรรดิของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ย้ำเขาอยู่ตลอดเวลาว่า ห้ามเขาล่วงเกินหลิงตู้ฉิงเป็นอันขาด ซึ่งมันทำให้เขาเลือกที่จะจัดงานต้อนรับหลิงตู้ฉิงจนใหญ่โตเพื่อที่จะเอาใจหลิงตู้ฉิงอย่างเต็มที่
อันที่จริงที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต้องทำถึงขนาดนี้ก็เพราะว่าพวกเขาไม่อยากให้มีสำนักพันธมิตรของพวกเขาสำนักไหนอีกที่เป็นเหมือนกับสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์
หากเหตุการณ์แบบเดียวกับสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นซ้ำอีก พันธมิตรของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตคงจะเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ ดังนั้นก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะเดินทางมาที่สำนักดาบสวรรค์ บรรพบุรุษของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จึงเดินทางล่วงหน้ามาที่นี่ก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับสำนักดาบสวรรค์
ดังนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงมาถึง หัวเฉียนฟางจึงได้จัดเตรียมงานเลี้ยงรับรองเสร็จเป็นที่เรียบร้อยไว้ก่อนแล้ว
หัวเฉียนฟางพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีอ่อนน้อมสุดฤทธิ์ “นับได้ว่าเป็นเกียรติของสำนักเราจริง ๆ ที่ได้ดูแลคุณชายหลิงในวันนี้”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ท่านก็ให้เกียรติข้าเกินไป เจ้าสำนักหัว”
ปัจจุบันหลิงตู้ฉิงเริ่มที่จะเรียนรู้การสื่อสารเพื่อเข้าสังคมมากยิ่งขึ้น เพราะตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาจำเป็นต้องเรียนรู้และใช้งาน
หลังจากงานเลี้ยงรับรองอันอบอุ่นจบลง หลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขาก็ถูกหัวเฉียนฟางโน้มน้าวให้อยู่พักผ่อนต่อที่สำนักดาบสวรรค์ต่อไปอีก 2-3 วัน
เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางต่อ หลิงตู้ฉิงก็หยิบแผ่นหยกขึ้นมาชิ้นหนึ่งและยื่นมันให้กับหัวเฉียนฟาง และพูดว่า “ในอดีตมีใครบางคนเคยขอร้องให้ข้าตามหาผู้สืบทอดให้เขา เนื่องจากเขากังวลว่าสุดยอดวิชาของเขาจะสูญสลายหายไปกับกาลเวลา และวิชาของคนผู้นั้นที่ฝากข้ามาก็คือสุดยอดเพลงดาบที่มีชื่อว่าเพลงดาบราชวงศ์”
“ตั้งแต่ที่ข้าได้มาที่นี่และเจอกันกับท่านที่บ่มเพาะในเส้นทางเต๋าแห่งดาบพอดี ข้าก็คิดอยู่เสมอว่านี่มันอาจจะเป็นโชคชะตาที่พาให้ข้าได้มามอบเพลงดาบนี้ให้กับท่าน ดังนั้นโปรดท่านจงรับเพลงดาบนี้เอาไว้เพื่อเป็นเพลงดาบประจำสำนักของท่านเถอะ!”
หัวเฉียนฟางรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากว่า เพลงดาบที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะมอบให้เขามันคืออะไรกัน แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพลงดาบนี้มันวิเศษวิโสแค่ไหน เขาก็ยังคงรับมันมาและขอบคุณหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจริงจัง
“ขอบคุณ คุณชายหลิง!” หัวเฉียนฟางโค้งคารวะ
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “เจ้าสำนักหัวไม่ต้องมีพิธีรีตองกับข้ามากหรอก แต่ว่าข้าอยากจะบอกอะไรเอาไว้อย่างว่า เพลงดาบนี้มันไม่ได้ฝึกได้ง่าย ๆ เช่นกัน ผู้ที่จะสามารถเริ่มเรียนรู้มันได้จะต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในเต๋าแห่งดาบอยู่ในระดับสูงพอสมควร และอีกอย่างหากท่านเรียนรู้เพลงดาบราชวงศ์นี้แล้ว ท่านจงอย่าลืมชื่อของผู้คิดค้นมันเป็นอันขาดและชื่อของคนผู้นั้นก็คือ จักรพรรดิดาบ!”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขาจากไป
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและคณะบินไปไกลจนลับตาแล้ว เหล่าผู้อาวุโสของสำนักดาบสวรรค์ก็หันมามองที่หัวเฉียนฟางด้วยสายตาแปลกประหลาด และมองไปที่แผ่นหยกเคล็ดเพลงดาบราชวงศ์ที่อยู่ในมือของเขา
หัวเฉียนฟางเข้าใจความหมายทันทีและพูดว่า “ในเมื่อเขามอบเพลงดาบมาให้แบบนี้ ถ้างั้นพวกท่านทั้งหมดก็ลองตรวจสอบมันดูหน่อยก็แล้วกันว่ามันเป็นยังไง”
หนึ่งในผู้อาวุโสหัวเราะ “ท่านเจ้าสำนักช่างรู้ใจพวกเราจริง ๆ พวกเราอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเพลงดาบราชวงศ์อันนี้ที่คนแปลกประหลาดแบบนั้นมอบให้เรามันจะวิเศษได้แค่ไหนกัน”
หัวเฉียนฟางส่ายหัวและยื่นแผ่นหยกให้กับเหล่าผู้อาวุโสของเขา
แค่เวลาเพียงชั่วครู่เดียวที่เหล่าผู้อาวุโสได้ลองอ่านเคล็ดเพลงดาบราชวงศ์ พวกเขาทุกคนต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างซึ่งบางคนถึงกับเข้าสู่สภาวะรู้แจ้งเลยด้วยซ้ำ
หลังจากผู้อาวุโสทุกคนวนดูมันจนครบ สุดท้ายก็ถึงตาของหัวเฉียนฟางที่เป็นคนดูมันบ้าง
หัวเฉียนฟางหยิบมันขึ้นมาดูเนื้อหาความสงสัย แต่จากนั้นไม่นานร่างของเขาก็เกิดอาการสั่นอย่างรุนแรง และจากนั้นปราณดาบของเขาที่เคยแข็งกร้าวก็กลับกลายเป็นพริ้วไหวอ่อนโยน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หัวเฉียนฟางก็ได้สติคืนกลับมาและพูดว่า “พวกเราติดค้างคุณชายหลิงมากมายเหลือเกิน!”
“เจ้าสำนัก นี่ท่านบรรลุอะไรไปงั้นเหรอ?” เหล่าผู้อาวุโสถามขึ้นด้วยสีหน้าสับสน
หัวเฉียนฟางพยักหน้า “เป็นเพราะเพลงดาบนี้ทำให้เมื่อครู่ข้าเข้าสู่สภาวะรู้แจ้ง ซึ่งจากการรู้แจ้งที่ข้าได้บรรลุครั้งนี้ข้าคิดว่าน่าจะอีกไม่นานข้าคงสามารถทะลวงขอบเขตไปอยู่ที่ขอบเขตมหาจักรพรรดิได้แน่นอน นับจากนี้เป็นต้นไปข้าจะนำเพลงดาบนี้ไปตั้งไว้ให้อยู่ในจุดสูงสุดของหอคัมภีร์ของเรา ในอนาคตหากมีใครคนไหนที่มีคุณสมบัติพอจะเรียนรู้มัน ข้าจะอนุญาตให้คนผู้นั้นได้เรียนรู้เพลงดาบนี้”
บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายต่างรู้สึกเบิกบานและหดหู่ในเวลาเดียวกัน
ที่พวกเขารู้สึกหดหู่ก็เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับประโยชน์ที่มากมายเหมือนกับเจ้าสำนักของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกดีใจที่ในที่สุดเจ้าสำนักของพวกเขาก็กำลังจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ
อีกด้านหนึ่ง หลิงฟ่างหัวกำลังมองหลิงตู้ฉิงด้วยความสงสัยและถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ เพลงดาบราชวงศ์อะไรนั่นมันคือะไรกัน?”
“เพลงดาบราชวงศ์คือสุดยอดเพลงดาบที่จักรพรรดิดาบเป็นคนคิดค้นด้วยตัวเอง” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ในอดีตจักรพรรดิดาบตายลงด้วยน้ำมือของพ่อ แต่ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ขอร้องให้พ่อช่วยตามหาคนที่มีคุณสมบัติพอจะสืบทอดเพลงดาบของเขา อันที่จริงจักรพรรดิดาบผู้นี้เป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่เขากลับเลือกคู่ต่อสู้ผิด ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาคงจะกลายเป็นตัวตนที่น่ากลัวไปแล้ว”
“จักรพรรดิดาบ?”
คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง เนื่องจากพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อของคนผู้นี้มาก่อน
เมื่อเห็นสีหน้าที่งุนงงของผู้คน หลิงตู้ฉิงก็หัวเราะชอบใจ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายต่อว่า อันที่จริงแล้วจักรพรรดิดาบนั้นไม่ใช่ตัวตนที่อยู่ในโลกเบื้องล่างแห่งนี้ เขาเป็นตัวตนที่สร้างวิถีเต๋าของตัวเองได้แล้ว และบรรลุขึ้นไปอยู่ที่โลกเบื้องบน ซึ่งชื่อจักรพรรดิของเขานั้นไม่ใช่จักรพรรดิทั่วไปของเหล่าผู้คนที่อยู่ในโลกเบื้องล่าง แต่มันเป็นคำย่อมาจากเทพจักรพรรดิต่างหาก!