“นายท่านเมื่อพวกเราผ่านอาณาเขตจันทราทมิฬข้างหน้า พวกเราก็จะเดินทางถึงอาณาเขตอเวจี ซึ่งสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีของข้าตั้งอยู่ที่นั่น” โม่หยูถังแนะนำเส้นทางให้กับหลิงตู้ฉิง
ยิ่งพวกเขาเดินทางเข้าใกล้สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีมากขึ้นเท่าไหร่ โม่หยูถังก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากในตอนนี้เขามั่นใจว่าเขาได้นำโอกาสอันยิ่งใหญ่มาให้กับสำนักของตนเอง
หากอัจฉริยะ เช่น หลิงเทียนหยุน เข้าร่วมกับสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี โม่หยูถังแน่ใจว่าสำนักของเขาจะต้องรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าเดิม แถมยังมีหลิงตู้ฉิงที่คอยสนับสนุนลูกชายของเขาอยู่อีก ดังนั้นต่อให้ในอนาคตสำนักของเขาจะเผชิญกับหายนะใด ๆ ด้วยความช่วยเหลือของหลิงตู้ฉิง สำนักของเขาจะต้องรอดพ้นจากหายนะแน่นอน
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยความจนใจและพูดว่า “บรรพบุรุษของเจ้านี่ก็ช่างไม่รู้เรื่องเลยอะไรเลยจริง ๆ กล้าดียังไงถึงได้ตั้งชื่ออาณาเขตที่ตนเองอยู่ว่าอาณาเขตอเวจี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหายนะใหญ่กำลังจะมาเยือนสำนักของเจ้า ข้าแนะนำว่าถ้าเจ้ามีโอกาส เจ้าจงแนะนำบรรพบุรุษของเจ้าให้เร็วที่สุด ให้พวกเขาย้ายสำนักหนีออกไปอยู่อาณาเขตอื่นหรือไม่ก็เปลี่ยนชื่ออาณาเขตใหม่ซะ ไม่เช่นนั้นอีกไม่ช้าก็เร็วที่อาณาเขตของเจ้าจะได้กลายเป็นแดนอเวจีของจริง”
โม่หยูถังถามขึ้นทันทีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “นายท่าน มันจะเกิดเรื่องแบบนั้นจริง ๆ งั้นเหรอ? แต่ว่าชื่ออาณาเขตอเวจีนี้มันถูกตั้งมาตั้งแต่บรรพกาลแล้วนะนายท่าน!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “นี่เจ้าไม่รู้รึไงว่าแดนอเวจีมันเป็นแบบไหน? มันคือดินแดนที่มีแต่คนตายอาศัยอยู่! ดังนั้นอีกไม่นานหรอกด้วยชื่อที่เหมือนกัน อาณาเขตของเจ้าจะกลายเป็นแดนอเวจีของจริง”
“นายท่าน…” โม่หยูถังยิ้มอย่างขมขื่น แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ
การเปลี่ยนชื่ออาณาเขตนั้นโม่หยูถังรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน
นอกซะจากว่าวันหนึ่งในอนาคตสำนักของเขาจะมีผู้ที่สร้างวิถีเต๋าของตัวเองได้สำเร็จ และจากนั้นก็ต้องให้ผู้ที่สร้างวิถีเต๋าผู้นั้นเป็นคนเปลี่ยนแปลงให้
แน่นอนว่าคนที่มีคุณสมบัติพอในสายตาของโม่หยูถังในตอนนี้ก็มีแค่คนเดียวคือ หลิงเทียนหยุน
แต่เรื่องนี้มันยังคงเป็นเรื่องในอนาคตอีกไกล ดังนั้นโม่หยูถังจึงละความคิดเหล่านี้ไปก่อน และพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “นายท่าน หากท่านไม่รีบ ข้าอยากจะขออนุญาตแวะชำระหนี้แค้นของข้าในอาณาเขตจันทราทมิฬสักหน่อย ท่านคงจะรู้เหตุผลที่ข้าได้มาเจอกับพ่อและแม่ของท่านอยู่แล้วว่ามันเป็นเพราะข้าถูกนายน้อยของหมู่บ้านราตรีทมิฬทำร้าย ซึ่งข้าไม่เคยลืมความแค้นนี้ได้เลย ไม่ทราบว่าท่านจะอนุญาตหรือไม่?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจำได้และข้ายังจำได้ด้วยว่าเคยมีคนของหมู่บ้านราตรีทมิฬมาตามหาเจ้าที่คฤหาสน์สราญรมณ์ด้วย ถูกต้องไหม?”
“ใช่แล้วนายท่าน!” โม่หยูถังพยักหน้า “คนผู้นั้นที่มาตามหาข้ามันคือผู้ติดตามของ อันซุย!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะพาเจ้าไปแก้แค้นก็แล้วกัน!”
โม่หยูถังพูดขึ้นด้วยสีหน้าซาบซึ้ง “นายท่านโปรดช่วยระวังหลังให้ข้าด้วย ครั้งที่แล้วที่ข้าบาดเจ็บก็เป็นเพราะในระหว่างที่ข้ากำลังประลองกับอันซุยแบบตัวต่อตัว ข้ากลับถูกลอบทำร้ายโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ ไม่เช่นนั้นข้ามั่นใจว่าข้าไม่มีทางแพ้มันอย่างแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ครั้งนี้ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะได้ประลองกับอันซุยแค่ตัวต่อตัวอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณนายท่านมาก!” โม่หยูถังตอบกลับด้วยสีหน้าดีใจ
ในระหว่างที่พวกเขาคุยกัน พวกเขาก็ผ่านเหวมรณะและเข้าสู่อาณาเขตจันทราทมิฬ
เมื่อพวกเขาเข้ามาในอาณาเขตจันทราทมิฬ พวกเขาก็เห็นว่าสภาพแวดล้อมของอาณาเขตนี้มีแต่หมอกสีเทาบาง ๆ ปกคลุมอยู่โดยรอบบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นของพวกเขา..
“ทำไมที่นี่มันถึงเป็นแบบนี้?” หลิงฟ่างหัวอุทาน
หลิงเทียนหยุนยิ้มและพูดว่า “แต่ข้ากลับรู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้เข้ามาในอาณาเขตนี้”
สภาพแวดล้อมแบบนี้เกื้อหนุนร่างเงาของหลิงเทียนหยุนเป็นอย่างมาก
หากเขาใช้ร่างเงาระหว่างที่มีหมอกแบบนี้ เขาจะกลายเป็นตัวตนที่ล่องหนได้โดยสมบูรณ์แบบ
หลิงฟ่างหัวเหลือบไปมองหลิงเทียนหยุน และพ่นลมออกจมูก “ท่านมันแปลกคนที่ชอบแต่สถานที่มืด ๆ มองอะไรไม่ค่อยเห็นแบบนี้!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “หมอกสีเทานี้มันเกิดขึ้นจากพลังของมหาวิถีเต๋าที่ยังไม่มีใครเป็นเจ้าของ ซึ่งสถิตอยู่ในอาณาเขตจันทราทมิฬแห่งนี้ เมื่อไม่มีคนคอยควบคุมมันก็จะปลดปล่อยพลังของมันออกมาเรื่อย ๆ และกลายเป็นปรากฏการณ์แบบนี้”
หลิงฟ่างหัวหัวเราะ “ในเมื่อพี่สามชอบมากนัก ทำไมท่านพ่อไม่ทำให้พี่สามกลายเป็นนายของมหาวิถีเต๋าในอาณาเขตนี้ซะเลยล่ะท่านพ่อ?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “มหาวิถีเต๋าที่นี่ยังไม่เหมาะกับพี่สามของเจ้า อย่างมากที่สุดมหาวิถีเต๋าที่นี่ก็ให้ประโยชน์กับพี่สามของเจ้าได้แค่การนำส่วนหนึ่งของมันมาเป็นส่วนประกอบใช้ทำอาวุธให้เขาเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรออะไรล่ะท่านพ่อ? พวกเรามาทำอาวุธให้พี่สามกันเถอะ!” หลิงฟ่างหัวพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับทันที “ต่อให้เราจะเอาส่วนหนึ่งของมหาวิถีเต๋ามาแล้ว แต่เราก็ยังขาดวัสดุที่จำเป็นอย่างอื่นมาใช้เป็นส่วนประกอบอยู่ดี ดังนั้นตอนนี้เราคงยังสร้างอาวุธให้กับพี่สามของเจ้าไม่ได้หรอก”
ในบรรดาครอบครัวของหลิงตู้ฉิง มีหลายคนที่ยังไม่มีอาวุธแห่งชะตาชีวิต ยกตัวอย่างเช่น หลิงยู่ชาน หลิงเทียนหยุน หลิงไช่หยุนและคนอื่น ๆ อีกหลายคน เนื่องจากหลิงตู้ฉิงยังไม่มีวัสดุที่เหมาะสมเพื่อสร้างอาวุธที่เกื้อหนุนพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์
หากไม่มีวัสดุ ต่อให้หลิงตู้ฉิงจะรู้วิธีการสร้างมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
หลิงฟ่างหัวถอนหายใจด้วยความเสียดาย แต่หลิงเทียนหยุนกลับหัวเราะ “ข้ายังไม่รีบร้อนอยากได้อาวุธหรอก ตอนนี้ปัญหาร่างเงาของข้ายังแก้ไม่ได้เลย เอาไว้ข้าแก้ปัญหาเรื่องร่างเงาได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นค่อยมาพูดถึงเรื่องอาวุธก็ได้!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง พ่อจะแก้ปัญหาเรื่องร่างเงาให้เจ้าเร็ว ๆ นี้นี่แหละ”
เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากหมอกและตะโกนขึ้นถามเสียงดังว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน มาทำอะไรที่หมู่บ้านราตรีทมิฬของพวกข้า?”
โม่หยูถังตะโกนตอบกลับทันที “ข้าโม่หยูถังจากสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี มาที่นี่เพื่อขอท้าประลองนายน้อยของพวกเจ้า อันซุย!”