บทที่ 796

บทที่ 798

เพียงแต่ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสี่ล้วนคิดไม่ถึงว่า บุคคลเล็ก ๆ อย่างหลัวซิว จะทำให้บุคคลที่มีการดำรงอยู่เหนือใด ๆ อย่างเจ้าแดนท่านนี้ออกหน้าได้

ตำหนักดารานภาเพิ่งจะกล่าวจบ ชายในชุดสีแดงโลหิตผู้หนึ่งก็ได้ลุกยืนขึ้น และกล่าวอย่างเยือกเย็น: “ชายผู้นี้ได้สังหารเทพบุตรคนต่อไปของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดของข้า แน่นอนว่าจะต้องเรียกร้องความเป็นธรรม”

ชายในชุดสีแดงโลหิตผู้นี้คือมหาจักรพรรดิยุทธ์ท่านหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด เทพบุตรคนต่อไปคนต่อไปที่เขาเอ่ยถึงนั้นแน่นอนว่าเป็นเซี๋ยลี่เฟิง

มิใช่ว่าชายในชุดสีแดงโลหิตจงใจยกยอสถานะของเซี๋ยลี่เฟิง เดิมทีมีคนที่รู้เรื่องนี้อยู่ไม่น้อย แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดได้ตกลงกันภายในเอาไว้นานแล้ว เมื่อเซี๋ยลี่เฟิงฝึกตนจนบรรลุถึงแดนมหายุทธ์ช่วงกลาง ก็จะให้เขารับช่วงตำแหน่งเทพบุตรทันที

“เจียงหวูจี้ศิษย์นิกายมารศักดิ์สิทธิ์ของข้า ก็ได้ตายในเงื้อมมือของเจ้าหนุ่มคนนี้เช่นเดียวกัน”

“ลวงล่อผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เข้าไปสังหารในเหวปีศาจมรณาอย่างไร้ความปรานี คนผู้ควรถูกกำจัด!”

“……”

ผู้คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็ได้เอ่ยขั้น น้ำเสียงน่าครั่นคร้าม

“พอแล้ว!”

หลิวหงเทียนพลันเอ่ยขึ้นมา กวาดสายตาไปรอบ ๆ “แต่ละคนต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ของสถานที่ต่าง ๆ แล้ว ยังถกเถียงส่งเสียงดังเป็นเด็กขี้ฟ้องอยู่อีก มันพึงปฏิบัติรึ?”

ผู้คนจากแต่ละแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างเงียบไป แม้ว่าจะมีมหาจักรพรรดิยุทธ์อยู่หลายคนที่มีชีวิตมานับพันปีแล้ว แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าเจ้าแดนที่มีชีวิตมายาวนานอย่างหลิวหงเทียนผู้นี้ กลับไม่กล้าโวยวายใด ๆ และเก็บไอสังหารของตนลงไป

“หลัวซิววางแผนหลอกล่อคนของพวกเจ้าเข้าไปสังหารในเหวปีศาจมรณา เรื่องนี้นับเป็นความผิดของเขาจริง แต่พวกเจ้าเล่า?”

หลิวหงเทียนตบโต๊ะ และกล่าวอย่างเย้ยหยัน: “หากไม่ใช่คนที่พวกเจ้าส่งออกมาละโมบโลภมากในสมบัติวิเศษของหลัวซิว คิดจะฆ่าชิงทรัพย์ จะมีจุดจบเช่นนี้หรือ?”

เมื่อคำพูดที่ของเขาได้กล่าวออกมา ก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าจะปกป้องหลัวซิว ผู้อาวุโสมหาจักรพรรดิยุทธ์ท่านหนึ่งของเผ่าหงส์นั่งไม่ติดพื้นขึ้นมาในทันที “เป็นคนผู้นี้ที่สังหารคนเผ่าหงส์ของข้าก่อน”

“ถูกต้อง ยังมีศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ก็ได้ถูกมันสังหารเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจึงได้ให้คนไปล่าสังหารมัน หรือว่าเช่นนี้ก็เป็นความผิดอย่างนั้นหรือ?”

“แต่ละวันในโลกแสงดาวมีผู้คนที่ได้ตายไปจากการต่อสู้แข่งขันมากมาย หรือว่าคนอื่นได้ตาย คนของพวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ตายไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

หลิวหงเทียนยิ้มเยาะ “ที่ข้าออกหน้าในครั้งนี้ ก็เพื่อคลี่คลายบุญคุณความแค้นนี่ หลังจากวันนี้ไปพวกเจ้าจะทำเช่นไร ข้าเองก็คร้านที่จะเข้าไปแทรกแซง”

“แต่ข้าขอพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อน ผู้ที่มีผลการฝึกตนในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไปห้ามลงมือกับคนรุ่นใหม่ นี่เป็นกฎที่ตั้งเอาไว้แต่นานแล้ว หากผู้ใดละเมิดกฎ อย่าได้หาว่าข้าไร้ความปรานี!”

กฎข้อนี้ได้ตั้งเอาไว้หลังจากที่เคราะห์กรรมโบราณได้เกิดขึ้น เพราะหลังจากเคราะห์กรรมโบราณ อัจฉริยะของเผ่าพันธุ์มนุษย์ซบเซาลง เพื่อให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนดั่งสมัยโบราณอีกครั้ง จึงได้ตั้งกฎข้อนี้ขึ้น จุดประสงค์หลักก็คือเพื่อให้ผู้แข็งแกร่งที่มีพรสวรรค์และศักยภาพในหมู่คนรุ่นใหม่ เติบโตได้ดียิ่งขึ้น

แต่เมื่อกาลเวลาได้ผ่านไป แต่ละแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เคยชินกับการอยู่เหนือผู้อื่น ทนเห็นผู้อื่นมาเหยียบย่ำเกียรติยศของตนเองไม่ได้ ยกตัวเองเช่นตำหนักดารานภา ที่ได้ส่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้หนึ่งออกมา หากไม่ได้ถูกหลัวซิวหลอกล่อให้เข้าไปตายในเหวปีศาจมรณา มิเช่นนั้นคนที่ตายจักต้องเป็นหลัวซิวแน่ และสมบัติวิเศษและความลับต่าง ๆ ก็จะต้องถูกแย่งชิงไป

หลิวหงเทียนได้ยกกฎออกมา ทำเห็นทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหาเหตุผลมาถกเถียงไม่ได้

แต่ว่าหลิงหงเทียนเองก็ได้กล่าวเอาไว้แล้ว ขอเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไปไม่ลงมือ ส่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ลงมาไปสังหารหลัวซิวก็ได้เช่นกัน

“ท่านเจ้าแดน ในมือของหลัวซิวมีสมบัติวิเศษที่สำคัญบางอย่างอยู่ เป็นสิ่งที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะต้องเอาไปให้ได้” มหาจักรพรรดิยุทธ์ของตำหนักดารานภากล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเราแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถอยู่ในกฎได้ แต่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์มารจะรักษากฎ”