หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1186 การฟื้นตัวของราชันปีศาจ
เคร้ง**!**
เสียงกระบี่ดังก้องระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้เกิดคลื่นความผันผวนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไป
ขณะเดียวกันแสงกระบี่แก้วใสก็กระจายออก ช่างดูอ่อนโยนและเหมือนจะไม่มีความสามารถในการทำลายล้างใดๆ ทว่าเมื่อแสงกระบี่เอิบอาบ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทุกคนก็สามารถรู้สึกถึงความกลัวที่เพิ่มขึ้นจากส่วนลึกของหัวใจ
พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าถ้าตัวเองถูกแสงกระบี่กวาดเข้าใส่ก็จะถูกทำลายทันที
วัตถุชิ้นนี้ทรงพลังอะไรเพียงนี้
“ปะ…เป็นไปได้ยังไง?!”
ภาพนี้ทำเอาลู่หยวนตกตะลึงและอดพึมพำออกมาไม่ได้ ไม่ใช่กระบี่เกล็ดจักรพรรดิเป็นวัตถุที่มีเพียงจักรพรรดิฟ้าเท่านั้นที่สามารถดึงออกมาได้เรอะ? แล้วจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มทำได้อย่างไร?
แววตาของลู่หยวนเปลี่ยนไปเมื่อสังเกตเห็นเงาสีม่วงทองที่อยู่ด้านหลังมู่เฉิน ซึ่งน่าจะเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่มู่เฉินฝึกฝน เขารู้สึกถึงรัศมีอันเป็นเอกลักษณ์ที่เปล่งออกมา
นั่นเป็นรัศมีอมตะ
ให้ความรู้สึกว่ากระทั่งมู่เฉินตาย แต่ร่างเทห์สวรรค์ก็ยังคงดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์
“นั่นคือร่างเทพสุริยะนิรันดร์รึ?!” ม่านตาของลู่หยวนแคบลง ในที่สุดก็จดจำร่างเทห์สวรรค์นั่นได้ นั่นเป็นเพราะสิ่งนี้คือความหวังของเขาที่มีต่อจาโหลหลัว แต่น่าเสียดายที่จาโหลหลัวพ่ายแพ้ในมือมู่เฉิน
ส่วนมู่เฉินก็ได้บรรลุเป้าหมายสำเร็จ
“ณ วังสวรรค์บรรพกาล จักรพรรดิฟ้าเคยกล่าวไว้ว่าผู้สืบทอดต้องครอบครองร่างเทพสุริยะนิรันดร์” มั่นถัวหลัวมองสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงรุนแรงของลู่หยวนก็พูดขึ้นอย่างเฉยเมย “นอกเหนือจากการยอมรับจากจักรพรรดิฟ้า เงื่อนไขในการดึงกระบี่เกล็ดจักรพรรดิออกมาอีกหนึ่งประการก็คือการได้รับการยอมรับจากอาวุธ ซึ่งก็คือร่างเทพสุริยะนิรันดร์”
“เนื่องจากไม่มีใครคนไหนในวังสวรรค์บรรพกาลสามารถฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ สิ่งนี้จึงค่อยๆ ถูกลืมเลือน คนที่เข้าร่วมกลางคันอย่างแกไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เป็นปกติ”
พูดถึงจุดนี้ มั่นถัวหลัวก็หัวเราะเยาะ นางยื่นมือออกมาจับบนอากาศ ลวดลายมืดมนก็พันรอบปากชั่วร้ายจนมันไม่สามารถแบ่งพลังออกมาโจมตี
“มู่เฉินลงมือ!”
ขณะเดียวกันเสียงคำรามของนางก็ดังขึ้นในโสตประสาทของมู่เฉิน
เมื่อได้ยินเสียงของมั่นถัวหลัว มู่เฉินก็จับกระบี่เกล็ดจักรพรรดิแน่น เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่น่ากลัวในนั้น ทำให้แม้แต่พัดเทพสายลมก็ราวกับหิ่งห้อยโผบินเบื้องหน้าดวงจันทร์
แน่นอนว่าเขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะดึงพลังออกมาทั้งหมดโดยขุมพลังที่มีปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะจุดชนวนในร่างก็ตาม
แต่โชคดี…กระบี่เกล็ดจักรพรรดิก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงการตื่นขึ้นของราชันปีศาจ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้มู่เฉินควบคุม กระบี่สั่นสะเทือนแผดเสียงพุ่งสูงเสียดฟ้า
ฮึ่ม!
ลำแสงขนาดหมื่นจั้งนำพามู่เฉินทะยานออกไปด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็สัมผัสได้เพียงประกายแสงวูบไหวไปเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถมองตามวิถีของมันได้เลย
กระบี่เกล็ดจักรพรรดิปรากฏขึ้นเบื้องหน้าร่าง ‘จักรพรรดิฟ้า’ ในพริบตา จากนั้นก็เสือกแทงเข้าไปในร่าง ตั้งใจจะผนึกอีกครั้ง
ชี่!
ทว่าทันทีที่กระบี่แทงเข้าไป ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป เนื่องจากเขาพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ ‘จักรพรรดิฟ้า’ แต่เป็นลู่หยวน!
กระบี่แทงเข้าไปที่ในร่างลู่หยวน รัศมีกระบี่น่าสะพรึงพล่านออกมาทำให้ร่างลู่หยวนถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตกร้าว
แต่ที่ทำให้มู่เฉินตะลึงใจหวาดผวาก็คือใบหน้าของลู่หยวนที่แต่เดิมควรอยู่อีกทิศทางหนึ่งเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและเจ็บปวด
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งนี้ด้วยความเต็มใจ
ถ้าไม่ใช่เขา หรือว่าจะเป็นราชันปีศาจรึ?!
ม่านตาของมู่เฉินหดลง จากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าของมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความหวาดผวาในเวลานี้
ท่าทางราวกับว่าพวกเขาเห็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว
แปะ
ขณะที่ในใจมู่เฉินตีวนไม่หยุด ทันใดนั้นมือสีขาวซีดก็เอื้อมมาจากด้านหลังลู่หยวนแล้ววางลงบนไหล่
“ฮ่าๆ เจ้าทำได้ดีมาก” เสียงอ่อนโยนดังก้องจากด้านหลังลู่หยวน ร่าง ‘จักรพรรดิฟ้า’ ในชุดเขียวอมฟ้าก็ก้าวย่างออกมา!
ในขณะนี้ดวงตาเขาเปิดออกอย่างสมบูรณ์แล้ว รัศมีปีศาจสีดำที่ชั่วร้ายที่สุดในฟ้าดินแผ่ซ่านในดวงตา
ราชันปีศาจฟื้นคืนชีพแล้ว!
ลู่หยวนเอี้ยวคอกลับมามอง ‘จักรพรรดิฟ้า’ ด้วยความยากลำบาก ริมฝีปากขยับราวกับว่ากำลังร้องขอให้ช่วย รัศมีกระบี่ในร่างกำลังจะทำลายเขาออกจากโลกตลอดกาล
“วางใจเถอะ ข้าจะปล่อยให้ทาสที่บริการถึงใจต้องมาตายง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร” ร่างจักรพรรดิฟ้ายิ้ม ก่อนที่จะตบมือ รัศมีปีศาจไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากมือเข้าสู่ร่างลู่หยวน กระจายรัศมีกระบี่ในร่างลู่หยวนจนหมดสิ้น
ทว่าแม้เขาจะช่วยลู่หยวนขับรัศมีกระบี่ออกไป แต่ร่างกายของลู่หยวนก็ถูกปีศาจครอบงำอย่างสมบูรณ์ ทั่วร่างถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายปีศาจชั่วร้าย รัศมีปีศาจที่เชี่ยวกรากทำให้ร่างทั้งหมดเปลี่ยนไป นอกจากนี้ลู่หยวนยังสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงในร่างกำลังเปลี่ยนไปเป็นรัศมีปีศาจที่ชั่วร้ายอย่างรวดเร็ว
ยามนี้ตัวเขาเกิดการถูกปฏิเสธจากฟ้าดิน ทำให้เขาไม่สามารถดูดกลืนคลื่นหลิงได้อีกต่อไป
เขาถูกพิจารณาว่าเป็นสิ่งมีชีวิตนอกมหาพันภพแล้ว
เมื่อรับรู้การเปลี่ยนแปลงในร่างกาย แววตาของลู่หยวนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ก้มหัวคำนับให้อีกฝ่าย “ขอบคุณนายท่ายที่ทำให้ข้าเกิดใหม่!”
มู่เฉินถอนกระบี่ถอยกลับทันทีพร้อมกับใบหน้ามืดมนลง ไม่คิดว่าสุดท้ายราชันปีศาจก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพได้ สถานการณ์ปัจจุบันเกินการควบคุมแล้ว
ใบหน้าของมั่นถัวหลัวก็ตึงเกร็ง จอมยุทธ์คนอื่นๆ ถึงกับฉายแววตื่นตระหนกบนใบหน้า คนตรงหน้าคือราชันปีศาจแห่งเผ่าปีศาจต่างมิตินะ!
กระทั่งจักรพรรดิฟ้าที่เป็นหนึ่งในยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพในตอนนั้นยังทำได้เพียงผนึกอีกฝ่ายไว้ ตอนนี้เมื่อมันถูกปล่อยออกมา ทุกคนที่นี่ยังไม่พอที่จะแงะขี้ฟันเลย
หลังจากที่เปลี่ยนร่างลู่หยวนให้กลายเป็นร่างปีศาจ ราชันปีศาจก็ยืดเอวพลางยิ้ม “จักรพรรดิฟ้าเป็นจอมยุทธ์พิเศษจริงๆ วิชาสามพิสุทธิ์น่าเกรงขามอย่างแท้จริง หากไม่ใช่โชคช่วย ข้าคงถูกมันฆ่าตายแล้ว”
ขณะพูดสายตาก็เบนไปยังฝูงชนอย่างพอใจ “แต่การเห็นอาหารสดมากมายตั้งแต่ฟื้นคืนชีพนี่มันมีความสุขจริงๆ”
“วิ่งเร็ว!”
จอมยุทธ์แต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง ก่อนที่จะเร้าคลื่นหลิงเต็มพิกัดเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด พยายามที่จะหลบหนีออกจากสุสานจักรพรรดิฟ้า
ทว่าราชันปีศาจก็เพียงยิ้มเยาะเย้ยพลางเปิดปาก รัศมีปีศาจครอบงำกวาดไปยังจอมยุทธ์ที่หลบหนี เปลี่ยนพวกเขาเป็นหมอกเลือดเนื้อ ก่อนที่จะสูบกินเข้าไป
“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะคืนชีพได้ ดังนั้นขอข้ากินให้อิ่มก่อน” ราชันปีศาจหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เหยียดฝ่ามือออก ทันใดนั้นกระแสรัศมีปีศาจรุนแรงก็พวยพุ่งออกมาราวกับมังกรปีศาจ เริ่มกลืนกินจอมยุทธ์ที่หนีกันจ้าละหวั่น
ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความโกลาหลโดยสิ้นเชิง
กระทั่งมั่นถัวหลัวยังถูกพัวพันด้วยมังกรปีศาจหลายสิบตัว ต่อให้นางมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็สามารถป้องกันตัวเองได้เท่านั้น
ตู้ม!
มู่เฉินกวัดแกว่งกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถดึงพลังกระบี่ออกมาได้ แต่ก็ยังพึ่งพาเพื่อปกป้องตัวเองได้ ทว่าเขาก็ยังคงดูอยู่ในสภาพน่าสมเพช
ในความโกลาหลวุ่นวาย ราชันปีศาจก็ยิ้มตาหยีพลางโบกมือเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่โบกมือก็จะมีร่างจอมยุทธ์ฉีกขาดและถูกกลืนกิน
หลังจากกินจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นต้นไปหลายคน เขาก็หันไปเห็นเซียวเซียว หลินจิ้งและจิ่วโยว ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “สาวน้อยให้ข้าชิมหน่อยว่าเลือดเนื้อของเจ้าสดแค่ไหน”
เขายิ้มบางชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้นรัศมีปีศาจก็แผ่ออกมาปกคลุมหญิงสาวทั้งสามคนเอาไว้
เผชิญหน้ากับการจู่โจมกะทันหัน หญิงสาวทั้งสามคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง พบกับสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ พวกนางไม่มีกระทั่งโอกาสในการหลบหนี
วาบ!
แต่ทันใดนั้นร่างของมู่เฉินก็ทะยานเข้ามาพร้อมกับกระบี่เกล็ดจักรพรรดิกำแน่นในมือ บนกระบี่กระจายด้วยแสงสีทอง เขายืนจังก้าเบื้องหน้าหญิงสาวทั้งสามคน
ปัง!
รัศมีปีศาจกวาดเข้ามา เสื้อท่อนบนมู่เฉินกลายเป็นฝุ่นผงทันที มันยังทิ้งรอยลึกไว้บนร่างเขาราวกับใบมีดแหลมคม ถ้าไม่ได้เป็นเพราะแสงกระบี่ละก็ เขาถูกทำลายไม่เหลือหลอแล้ว
แต่กระนั้นร่างของเขาก็ยังสั่นเทิ้มรุนแรง ทำท่าจะล้มลงทุกขณะ ถ้าล้มลงเมื่อไรเขาจะต้องตายแน่นอน
ที่ข้างหลังเมื่อหญิงสาวสามคนเห็นสภาพของมู่เฉินก็สีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง
“มู่เฉิน!”
เสียงของพวกนางเต็มไปด้วยความกังวล
“ไป!”
ดวงตาของมู่เฉินแดงก่ำพลางส่งเสียงคำราม ยามนี้เขาไม่มีพลังงานมากพอ ได้แต่ให้หญิงสาวทั้งสามพยายามหนีไปขณะที่เขายังทนรับรัศมีปีศาจเอาไว้ได้
แม้เขาจะรู้ว่าไร้ประโยชน์ที่ทำ แต่ด้วยนิสัยเขาไม่มีทางมองหญิงทั้งสามต้องจบชีวิตต่อหน้าต่อตา ถึงพวกนางจะต้องตายก็ต้องหลังจากเขาจบชีวิตลงแล้ว
“ฮ่าๆ ช่างเป็นฉากที่น่าประทับใจ… ในเมื่อแกต้องการตายก่อน งั้นข้าสนองความต้องการให้เอง” ราชันปีศาจหัวเราะเบาๆ กับภาพเบื้องหน้าแล้วสะบัดนิ้ว ทันใดนั้นรัศมีปีศาจไร้ขอบเขตก็พวยพุ่งออกมาตั้งใจจะฆ่ามู่เฉินให้สิ้นซาก
เผชิญหน้ากับรัศมีปีศาจนี้แม้แต่มู่เฉินก็เผยความสิ้นหวังบนใบหน้า หากสิ่งมีชีวิตระดับนี้สนใจเขาขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เขาก็ต้องตายคาที่ทันที
ตู้ม ตู้ม!
รัศมีปีศาจล้นทะลักออกมา เปลี่ยนวิสัยทัศน์เขาจนมืดดำ
จะจบแบบนี้แล้วเหรอ?
ตู้ม ตู้ม!
ดวงตาของมู่เฉินหลุบลงจากรัศมีปีศาจ แต่ก่อนที่วิสัยทัศน์จะถูกแทนที่ด้วยความมืดตลอดกาล เปลวไฟเหนือล้ำก็ล้นทะลักออกมาจากมิติว่างเปล่า แผดเผารัศมีปีศาจ
ฟิ้ว!
เหมือนจะเป็นอุกกาบาตที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟเจาะผ่านมิติตกลงมาที่เบื้องหน้ามู่เฉิน
เพลิงลุกโชติช่วง ในที่สุดมู่เฉินที่หลุบตาลงก็เห็นวัตถุเบื้องหน้าได้ชัดเจน นี่เป็นไม้บรรทัดสีดำขนาดใหญ่ปักลงบนพื้นดินซึ่งกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ เผาผลาญรัศมีปีศาจทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขา
ในเวลาเดียวกันเสียงหัวเราะอย่างเกียจคร้านก็ดังขึ้น
“เฮ้ แม้ว่าแกจะเป็นราชันปีศาจ แต่ก็มากลั่นแกล้งลูกสาวสุดที่รักของข้าแบบนี้ไม่ดีมั้ง?”