ตอนที่ 762 แม้สวนหลียงจะงดงาม แต่นั่นก็มิใช่บ้าน + ตอนที่ 763 เลอะเลือนเสมอ โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 762 แม้สวนหลียงจะงดงาม แต่นั่นก็มิใช่บ้าน
คุณปู่ที่กำลังแคะหูก็พลันคิดขึ้นมาได้ว่านานมากแล้วที่ตนนั้นไม่ได้แคะขี้หู น่าจะทำให้การได้ยินมีปัญหา เพียงแต่…
สยงมู่มู่ตะโกนพูดอีกครั้งด้วยเสียงดังฟังชัด คุณปู่จึงได้ยินอย่างชัดเจน เพราะเขาแคะหูไปแล้ว จึงถามขึ้นด้วยความโมโหว่า “เพิ่งมาได้ไม่กี่วันก็จะกลับแล้ว ทำไมเหรอ อยู่ที่นี่กินไม่ดีหรือนอนไม่ดีกันล่ะ ?”
เหมยเหมยพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “กินดีนอนดีค่ะ แต่ต่อให้ที่นี่จะโอ่อ่าน่าอยู่เหมือนสวนเหลียงหยวนแต่ก็ไม่ใช่บ้านตัวเอง ยังไงพวกเราก็จะต้องกลับไป”
คุณย่าที่นั่งอยู่บนโซฟาไฟโทสะเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าพวกนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ผ่านไปครึ่งค่อนบ่ายแล้วยังจะโกรธผู้ใหญ่อย่างเธออีก นึกอยากจะโมโหพวกเขาให้ตายเป็นไหนๆ!
คุณปู่สบถอย่างไม่พอใจ “อย่ามาเล่นลิ้นกับคนอย่างข้า พูดภาษาคนให้รู้เรื่องสิ สวนเหลียงหยวนอะไรกัน?”
ภายในห้องครัวมีเชฟหยวนที่หูผึ่งแอบฟังและยังปิดปากกลั้นขำ เขามองออกว่าครั้งนี้เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวต้องการจะกำจัดและกดเจ้าหญิงน้อยตัวปลอมของตระกูลโอหยางให้ถึงที่สุด!
เมื่อถูกเสียงตะคอกของคุณปู่เข้าไปทำเอาเหมยเหมยตกใจจนตัวสั่น ครั้งนี้ไม่ต้องอัดอั้นอารมณ์ไว้ มันก็พรั่งพรูออกมาเอง
“หนูจะกลับบ้าน หนูยกที่ตรงนี้ให้ยัยแม่หมีสีน้ำตาลนั่น ต่อไปจะไม่มาที่นี่อีก ปล่อยให้เธอทำตัวกตัญญูต่อพวกคุณไป!”
คุณปู่นึกเสียใจที่เมื่อครู่ตะเบ็งเสียงดังออกไป พลันลนลานขึ้นมาทันที ลืมไปเสียสนิทว่าตรงหน้าของเขาคือหลานสาวผู้อ่อนโยนน่าทะนุถนอม เขาเห็นสภาพเหมยเหมยร้องห่มร้องไห้ ในใจก็เกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก!
พอได้ยินเสียงกระซิกๆและเสียงร้องไห้โฮของเหมยเหมย นั่นยิ่งทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก แต่ไหนแต่ไรมาหลานสาวตนคนนี้เชื่อฟังมาตลอด นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จะไร้เหตุผลได้
เพียงแต่ว่า แม่หมีสีน้ำตาลนั่นใคร?
อีกทั้งยกที่ตรงนี้ให้หมายถึงอะไร?
คุณปู่เหลือบมองหลานสาวที่กำลังร้องเสียใจ น้ำตาไหลอาบแก้มราวกับเปิดก๊อกน้ำ ก็เกิดอาการกลัดกลุ้มไม่น้อย
หากเปลี่ยนเป็นพวกจ้าวเสวียกง เขาจะยกขาถีบให้กระเด็น แต่ตอนนี้กลับเป็นหลานสาว คุณปู่อู่หมดปัญญาแล้ว ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรถึงจะดี
“เหมยเหมยอย่าร้องไห้ ไหนหนูลองเล่าเรื่องทั้งหมดให้ปู่ฟังชัดๆอีกทีสิ คลุมเครือแบบนี้ จะให้ปู่จัดการอย่างไรเล่า?” คุณปู่ควบคุมโทนเสียงให้อ่อนลง เพื่อเป็นการปลอบใจหลานสาว
เจ้าเด็กอ้วนใช้ความกล้าที่มีอธิบายให้ปู่ฟัง “คุณปู่จ้าว ความหมายเมื่อครู่ของเหมยเหมยคือ แม้ที่นี่จะดีแค่ไหนก็ไม่ใช่บ้านของเธอ แถมยังทำให้เธอเสียใจอีก เธอจำต้องกลับบ้านของตัวเองแล้ว!”
“เหลวไหล!”
สายตาของคุณปู่จ้องเขม็ง โทนเสียงสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเอง เจ้าเด็กอ้วนตกใจจนต้องหดตัวถอยไปหลบอยู่ด้านหลังของสยงมู่มู่ ไม่ควรยุ่งเรื่องคนอื่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“ทำไมที่นี่ถึงไม่ใช่บ้านของเธอ? เหมยเหมยไปฟังใครพูด? ที่นี่เป็นบ้านของเธอไปตลอดชีวิต ไอ้งั่งที่ไหนมันกล้าพูดทำให้เธอเสียใจ?” คุณปู่ถามออกมาอย่างเดือดดาล
สยงมู่มู่จึงแย่งตอบ “คุณปู่ ผมเองก็เสียใจ ผมกับเหมยเหมยเราเทียบกับยัยแม่หมีสีน้ำตาลไม่ได้แม้แต่นิดเดียว”
คุณปู่ไม่ได้อ่อนโยนต่อสยงมู่มู่แต่อย่างใด สะบัดฝ่ามือพิฆาตฟาดลงไป พร้อมตะโกนถาม “แม่หมีสีน้ำตาลหรือไอ้งั่งตัวไหน? บอกข้ามาให้ชัดเจน หากยังอ้อมค้อมไม่เลิก ข้าจะตบพวกเอ็งเรียงตัวให้ครบทุกคน!”
สยงมู่มู่รีบตอบบออกไปอย่างเสียงดังฟังชัด “ก็โอหยางซานซานไง ผมและเหมยเหมยยอมยกที่นี่ให้กับยัยชั่วนั่น”
จ้าวเสวียเอร่อและคนอื่นๆที่เหนื่อยหน่ายมาทั้งวันได้กลับมาถึงบ้านแล้ว เดินเข้ามาได้เพียงแค่สวนก็ได้ยินเข้ากับน้ำเสียงของคุณปู่ หูของจ้าวเสวียหลินไวที่สุด ครู่เดียวก็ฟังออกถึงเสียงสูดน้ำมูกฟุดฟิดของน้องสาว และยังได้ยินที่สยงมู่มู่พูดถึงโอหยางซานซาน สีหน้าท่าทีจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดินตึงตังเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“โอหยางซานซานรังแกอะไรเหมยเหมย ? สยงมู่มู่นายพูดมาให้ชัดเจน!” เหมยเหมยที่เห็นบรรดาพี่ชายของตน จากเดิมที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งกลับเพิ่มทวี มองจ้าวเสวียหลินด้วยด้วยท่าทีน่าเวทนา น้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าเดิม
………………………………………….
ตอนที่ 763 เลอะเลือนเสมอ
จากที่ได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าเด็กอ้วนและสยงมู่มู่ คนในตระกูลอู่ก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นั่นทำให้ทุกคนล้วนหมดคำพูดต่อความเลอะเลือนของคุณย่า
จ้าวเสวียหลินไม่เคยเห็นน้องสาวของตนร้องไห้เสียใจเท่ากับครั้งนี้มาก่อน นอกเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลอู่ครั้งนั้น ช่วงที่เหมยเหมยยังไม่ยินยอมกลับเข้ามาในตระกูล เธอเคยร้องไห้แบบนี้ แต่หลังจากที่เธอกลับมาบ้านหลังนี้ เธอกลับหัวเราะได้อย่างสดใสร่าเริง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาก
แต่ตอนนี้มาถึงเมืองหลวง กลับถูกยัยแม่หมีสีน้ำตาลที่ไม่รู้ความนั่นมารังแก!
แน่นอนว่ายังมีคุณย่าที่เลอะเลือนคอยให้ความช่วยเหลือผู้ร้าย!
เป็นธรรมดาที่จ้าวเสวียหลินจะโกรธ เขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ตรงไปลากเหมยเหมยขึ้นไปยังด้านบน “ดูๆแล้วไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้หรอก กลับเมืองจินตอนนี้เลย วันนี้ตอนสองทุ่มยังมีรถไฟอีกหนึ่งขบวนพอดี”
เดิมทีคุณย่าตั้งใจจะให้บรรดาหลานชายทั้งหลายช่วยพูดเรียกร้องความยุติธรรมสักหน่อย แต่ที่ไหนได้หลานๆทุกคนกลับใจดำช่วยเหลือกัน แต่ละคนใช้มีดกรีดลงกลางใจของเธอ จึงตะโกนด่าไปอย่างเดือดดาล “พวกแกไปให้หมดเลย ฉันไม่เห็นหน้าจะได้ไม่รู้สึกรำคาญ!”
คุณปู่อดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้ จ้องคุณย่าตาเขม็ง “เธอพูดให้มันน้อยๆ หน่อย”
คุณย่าที่กำลังอารมณ์เสียอยู่จึงตะโกนออกไป “ไอ้พวกเด็กกะโปโลใจดำอำมหิตนี่พลิกฟ้าดินไปหมด ฉันจะพูดอะไรได้อีก?”
คุณปู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครใช้ให้เธอทำเรื่องเลอะเลือนบ้าๆ นี่ล่ะ บอกตั้งนานแล้วว่าให้เธอไปมาหาสู่กับสองแม่ลูกตระกูลโอหยางให้น้อยลง เธอกลับไม่ยอมฟัง นับวันยิ่งเลอะเลือน”
คุณย่าพูดแก้ตัว “คุณออกไปโอ้อวดกับคนนอกบ้าน แล้วก็ไม่ให้ฉันต้องรับดูแลแขกอยู่ที่บ้านงั้นเหรอ? อวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่นทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้ พวกคุณถึงไม่อยากจะต้อนรับขับสู้พวกเธอ?”
เหมยเหมยพูดสะอึกสะอื้น “ทำไมพวกเธอจะไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายล่ะ? เอาความสัมพันธ์พี่น้องในตระกูลมาใช้เป็นเส้นสาย หากไม่ใช่เพราะหนูที่เปิดโปง โอหยางซานซานที่มีฝีมือการวาดภาพแค่ระดับอนุบาล คงไม่สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาได้ แล้วนั่นเป็นสิ่งที่ยุติธรรมสำหรับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นแล้วหรือ?”
คุณย่ารู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่ยังคงช่วยพูดแก้ตัวให้หวงอวี้เหลี้ยนสองแม่ลูก “เรื่องนั้นพวกเธอทำไม่ถูกก็จริง แต่คนเราไม่ใช่นักปราชญ์ที่จะไม่เคยทำผิดพลาด แก้ไขแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องดี”
เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเธอจะปรับปรุงแก้ไขหรือไม่หนูไม่รู้ แต่ถึงยังไงหนูก็ไม่ชอบพวกเธอ วันๆเอาแต่พูดต่อหน้าหนูว่าโอหยางซานซานและคุณย่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน หนูเป็นคนนอกที่เพิ่งเข้ามาเทียบกับเธอไม่ได้เลยสักนิด ทั้งยังไม่ให้หนูอิจฉาอีก พูดอย่างนั้นตั้งหลายหนแล้วคิดว่าหนูโกรธไม่เป็นหรือไง?”
เมื่อนึกถึงสีหน้าท่าทีของหวงอวี้เหลียนเมื่อช่วงบ่ายนั้น เหมยเหมยเกิดอาการโมโหพลันเชิดปลายคางเล็กแหลมของเธอขึ้น และพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ช่วงบ่ายหนูพูดเรื่องนี้กับคุณย่า ย่าก็ไม่เชื่อหนู เอาแต่บอกว่าหนูเข้าใจพวกหล่อนผิด หนูไม่ได้โง่นะคะ ใครดีกับหนู ใครร้ายกับหนู มีหรือที่จะดูไม่ออก?
แต่ถึงยังไงบ้านหลังนี้ หนูกับยัยแม่หมีสีน้ำตาลจะมีเพียงหนึ่งเท่านั้น มีหนูต้องไม่มีมัน ถ้ามีมันจะต้องไม่มีหนู!”
คำพูดในประโยคสุดท้ายเหมยเหมยตะโกนออกมาเสียงดัง พูดจบดวงตาของเธอยิ่งแดงมากขึ้น เธอเชิดหน้ามอง ใบหน้าท่าทีราวกับคนที่ไม่กลัวตาย แต่น้ำตาก็ยังคงไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
คุณปู่ทั้งอารมณ์ดีทั้งตลก หลานสาวคนเล็กของตนนั้นไม่ค่อยก่อเรื่อง แต่พอก่อเรื่องทีก็เป็นเรื่องใหญ่ ช่างเป็นนิสัยของเด็กน้อยจริงๆ
เมื่อเข้าใจและสามารถจับต้นชนปลายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ คุณปู่ก็มีท่าทีไม่พอใจต่อคุณย่าขึ้นมาบ้าง แต่เขารู้ดีว่าต่อหน้าหลานๆทั้งหลายเขาควรจะรักษาหน้าของคุณย่าไว้ เลยไม่ได้ต่อว่าคุณย่าต่อหน้าพวกเด็กๆ อีกทั้งไม่ยินยอมให้เหมยเหมยและคนอื่นๆจากไป
“แล้วเป็นอย่างไรล่ะ ใครหน้าไหนก็ห้ามออกไปทั้งนั้น อยู่ต่อไปแล้วก็ประพฤติตัวดีๆ ต่อไปนี้ก็ห้ามพูดประชดยกที่ให้ใครต่อใครอีก ไร้สาระสิ้นดี!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยเหมยเห็นสีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ของคุณปู่ ตกใจกลัวจนหัวหดและไม่กล้าส่งเสียงใดออกมาทั้งนั้น ช่างดูน่าสงสารยิ่งนัก
พอพูดจบคุณปู่ก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทีเป็นยิ้มแย้มในฉับพลัน สั่งให้เชฟหยวนจัดตั้งสำรับอาหารโดยเร็ว เรื่องกินถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รอให้กินอิ่มท้องค่อยจัดการกับยายแก่!
ยิ่งแก่ก็ยิ่งเลอะเลือน ไม่เข้าท่าจริงๆ!
……………………………………………..