GGS:บทที่ 1163 บริบูรณ์ ?
ภาพบรรยากาศงานแต่งของซูจิ้งในตอนนี้ได้กลายเป็นที่พูดคุยกันไปทั่วทั้งโลก
ภาพที่ซูจิ้งและบรรดายอดชายเพื่อนของเขากำลังทำท่าทางออกมาเป็นตัวอักษรคำว่ารักด้วยร่างกายนั้นสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนไปทั่ว
ภาพวาดฉือชิงที่ซูจิ้งปิดตาวาดนั้นสร้างความตกตะลึงและสุดยอดให้กับผู้คนที่พบเห็น
บทเพลงที่ซูจิ้งบรรเลงเอาไว้ในงานอย่าง เมามายความรัก และ กิ่งทองใบหยก ได้ประทับฟังใจผู้คนไปอีกนานแสนนาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพของฉือชิงที่สวมมงกุฎนกเพลิง ม้านั่งโยกสีขาว และนกยูงขาวเริงระบำนั้นล้วนแล้วทำให้งานแต่งในครั้งนี้ราวกับจัดขึ้นในสรวงสวรรค์จนทำให้เป็นที่พูดคุยกันได้ไปอีกนาน
ซูจิ้งนั้นรู้สึกภูมิใจแบบสุดๆกับงานแต่งของเขา แต่นั่นไม่ได้เกิดมาจากที่ผู้คนภายในงานมีความสุข นั่นไม่ได้เกิดจากการที่ผู้คนภายในงานมีอารมณ์ร่วมและชื่นมื่นไปกับเขา แต่มันเกิดจากความสมบูรณ์แบบจนทำให้ผู้คนเปรียบงานแต่งของเขาว่าจัดขึ้นในสรวงสวรรค์ สิ่งนี้ต่อให้มีเงินมากมายขนาดไหนก็ไม่อาจจะทำขึ้นมาได้
หากจะให้เขาสรุปงานแต่งของตัวเองออกมาว่าควรจะเรียกว่าอะไร เขาก็จะเรียกมันว่าความโรแมนติก
ด้วยงานแต่งของเขานี้ทำให้เหล่าแฟนคลับสาวๆของเขานั้นอดไม่ได้ที่จะอิจฉาฉือชิงแบบสุดๆ
บางคนถึงกับอิจฉาจนร้องไห้ออกมาทีเดียว และในตอนนี้ทุกๆคนใฝ่ฝันที่จะมีงานแต่งแบบนี้ให้เหมือนกับฉือชิงบ้างให้จงได้
“ฮือออฮืออออ ต่อให้พี่จิ้งแต่งงานไปแล้วพวกเราก็ไม่คิดที่จะเลิกติดตามหรอกนะ”
“ฉันล่ะอิจฉาฉือชิงจริงๆเลย”
“แต่ฉันอิจฉาซูจิ้งนะ โชคดีจริงๆที่ได้ครองคู่กับสาวงามอย่างฉือชิงแบบนั้น”
“ฉันก็ยินดีกับทั้งคู่นะ แต่ทำไมรู้สึกเศร้าใจยังไงก็ไม่รู้สิ”
“พี่จิ้งแต่งงานแล้วอีกไม่นานก็คงจะมีจิ้งน้อยออกมาสินะ ในอนาคตไม่รู้ว่าพี่จิ้งจะออกมาทำเรื่องๆดีๆน่าเหลือเชื่ออยู่อีกรึเปล่านะ”
“ฉันว่าก็ยังมีโอกาสอยู่นะ ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานไปแล้ว ถึงเขาจะบอกกันว่าครอบครัวต้องมาก่อน แต่อย่างน้อยๆโลกนี้ก็ยังคอยเขาอยู่”
“พี่จิ้งไม่น่าจะทอดทิ้งพวกเราไปหรอกน่า แต่เขากับฉือชิงนี่ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ ขอให้พระเจ้าอวยพรทั้งคู่น้า…”
“ฉันได้ทำการจัดเรียงไทม์ไลน์การเติบโตของพี่จิ้งไว้แล้วนะ ฉันเก็บไว้ในพื้นที่เก็บข้อความของกลุ่มเรา ถ้าใครว่างๆก็ลองไปศึกษาดูและยึดถือพี่จิ้งเป็นแบบอย่างๆเพื่อจะได้พัฒนาตนเองเป็นแบบพี่เขาได้บ้าง”
“ในฐานะที่เป็นแฟนคลับพันธุ์แท้ของพี่จิ้งนั้น พวกเราทุกคนถือได้ว่ามีพัฒนาการมากแล้ว และในตอนนี้พวกเรานั้นก็ไม่อยากจะรบกวนเขาอีก ต่อให้พี่จิ้งจะไม่ว่างจนยากที่จะปรากฎตัวอีกในอนาคต แต่เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะแข็งแกร่งพอที่จะเจริญรอยตามพี่จิ้งได้แล้ว”
“อย่าเพิ่งพุดเรื่องนี้เลยดีกว่า ยิ่งนายพูดยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่จิ้งนั้นจะลาจากวงการในทุกวงการยังไงก็ไม่รู้สิ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่น่ะสิ หากโลกนี้ขาดพี่จิ้งไปแล้วคงขาดสีสันไปเลย”
“นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคตล่ะนะ ใครจะไปรู้ เมื่อถึงตอนนั้นคนที่จะออกมาเฉิดฉายอาจจะเป็นจิ้งน้อยก็ได้นา…”
สำหรับเส้นทางการเติบโตของซูจิ้งฉบับสมบูรณ์นี้ในตอนแรกนั้นเป็นสมบัติเฉพาะเหล่าแฟนคลับของซูจิ้งเท่านั้น
แต่เพียงไม่นานเส้นทางการเติบโตของซูจิ้งก็ได้หลุดไปยังกลุ่มคนภายนอกและแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นต่างก็อดที่จะอัศจรรย์ใจไม่ได้เลยทีเดียว ถึงแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล่า ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ถึงแม้นี่จะเป็นหนังสือทำมือ แต่ทุกหน้าที่เปิด ทุกสิ่งที่อ่านล้วนแล้วแต่ทำให้ผู้อ่านนั้นอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกราวกับนิยายแฟนตาซีหรือแม้แต่เป็นเรื่องปรุงแต่งขึ้นมาเลยทีเดียว
และด้วยเหตุนี้ทำให้ซูจิ้งกลายเป็นเทพในจิตใจของใครหลายๆคน ถึงแม้เรื่องราวของเขาจะดูเวอร์วังไปบ้าง แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ใครหลายๆคนคุกเข่าสวดมนต์ภาวนาและเคารพบูชาซูจิ้งได้แล้ว
เอาจริงๆก็พอจะบอกได้เลยว่าในอนาคตจะต้องมีลัทธิที่มีซูจิ้งเป็นศาสดาอย่างไม่ต้องสงสัย และด้วยการที่เรื่องราวที่เปรียบได้ดั่งตำนานเผยแพร่ไปทั่วโลก ยามใดที่โลกถึงคราวขับขัน เขาจะกลายเป็นที่พึ่งสุดท้ายแห่งมวลมนุษยชาติ
ในคืนวันแต่งงานนั้น หลังจากเสร็จเรื่องราวต่างๆและส่งตัวเข้าห้องหอไปแล้ว
ณ เวลาเที่ยงคืน อยู่ๆ ซูจิ้งก็ได้ยินเสียงของฉิงหยุนดังอยู่ในหัวโดยฉิงหยุนถามเขาว่า “ท่านเจ้าของ ในขณะนี้ค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์ได้เกินหนึ่งล้านหน่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งนี่ตรงกับเงื่อนไขในการยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศ ท่านเจ้าของตั้งการยกระดับหรือไม่”
“ยก..ยกสิ ยกไปเลย ยกระดับไปเลย” มีหรือที่ซูจิ้งได้ยินดังนี้แล้วจะตอบปฏิเสธลงได้ เขานั้นถึงกับเผลอร้องตะโกนออกมาในทันทีไม่ใช่แค่เพียงใช้ความคิดตอบกลับไปแบบทุกครั้ง
เขานั้นทำงานมาอย่างหนักเพียงเพื่อสิ่งนี้เท่านั้น ต่อฉิงหยุนเสนอกับเขาว่าให้เลื่อนไปอีกสักวันเขาก็จะไม่สนใจที่จะเลื่อนอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าเขาจะจัดการกับร่างเงาดำไปได้แล้วก็จริง แต่เขาก็ยังอดกลัวอยู่ลึกๆไม่ได้ หากว่าขยะห้วงเวลาฯชุดถัดไปมีสิ่งที่ทรงพลังกว่านี้ติดมาล่ะ หากว่าเขานั้นไม่สามารถจัดการได้ล่ะ หากเป็นเช่นนั้นจริง โลกนี้ก็คงต้องถึงจุดจบ
มีเพียงการยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯเป็นระดับสองเท่านั้นถึงจะสามารถเปิดปิดการรับขยะห้วงเวลาฯมาได้ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขามั่นใจ และเชื่อได้ว่าโลกนี้อยู่รอดปลอดภัยแล้วเท่านั้น
“รับทราบค่ะ สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯเริ่มการยกระดับ การยกระดับในครั้งนี้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นขอให้ท่านเจ้าของไม่ต้องเป็นกังวล
แต่ขอเตือนก่อนว่าในระหว่างทำการยกระดับนี้ขอให้ท่านอย่าพึ่งเข้าไปในสถานีโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้” หลังจากพูดเสร็จแล้ว เสียงของฉิงหยุนก็ค่อยๆหายไปและเงียบไปโดยไม่มีอะไรอีก
“ฉิงหยุน เฮ้ ฉิงหยุน” ซูจิ้งได้วิ่งลงมาที่ขั้นแรกและทำการเรียกฉิงหยุนผ่านทางหินทรงแปดเหลี่ยม ในตอนแรกที่เขาพูดออกไปนั้นเขาแค่ดีใจมากจนรีบตอบออกไปโดยยังไม่ได้พูดคุยกับฉิงหยุนก่อนทำให้เขานั้นต้องลงมาที่นี่เพื่อทราบสถานการณ์ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ระบบจะเริ่มยกระดับเรียบร้อยไปแล้ว
ด้วยการที่ฉิงหยุนกำชับเขาไว้ว่าห้ามเข้าไปข้างในเป็นอันขาดเพราะอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิต นี่จึงทำให้ตัวเขานั้นไม่กล้าจะเข้าไป
ต่อให้เข้าไปได้โดยไม่เป็นอันตรายก็ตาม แต่การเข้าไปรบกวนของเขาอาจจะทำให้กระบวนการยกระดับถูกยกเลิก และนั่นจะทำให้ความเหนื่อยยากของเขานั้นเสียแรงเปล่า หากเป็นแบบนั้นจริง คงถึงคราวที่เขาต้องร้องไห้บ้างแล้ว
ในตอนนี้สำหรับซูจิ้งแล้วช่างเป็นการรอคอยที่ยาวนานซะเหลือเกิน ในช่วงนี้ ความจริงแล้วในช่วงนี้จะต้องเป็นการย้ายของเข้าบ้านและการฮันนีมูนระหว่างเขากับฉือชิง
แต่ด้วยการที่สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯนั้นอยู่ในระหว่างยกระดับ ทำให้เขานั้นต้องขอปฏิเสธไปก่อน โดยอ้างเหตุผลว่ายังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่
นี่ถึงแม้จะสร้างความประหลาดใจและไม่พอใจให้กับพ่อแม่ของฉือชิงอยู่บ้าน พวกเขานั้นต่างก็คิดว่าพึ่งจะแต่งงานมาจะหยุดพักเรื่องงานไว้ก่อนไม่ได้เลยรึไง
หากไม่ใช่เป็นเพราะฉือชิงเชื่อใจเขาว่าเขานั้นต้องทำสิ่งสำคัญจริงๆล่ะก็ ตัวเขานั้นคงต้องถูกพ่อแม่ซือฉิงฟ้องหย่าแทนลูกสาวเรียบร้อยไปแล้ว
หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป สามวันผ่านไป สี่วันผ่านไป ในตอนนี้เอง ฉิงหยุน ได้ส่งเสียงเข้าไปในจิตสำนึกของซูจิ้งว่า “สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศจะยกระดับเสร็จในสิบ เก้า แปด …”
ซูจิ้งเมื่อได้ยินดังนั้นก็อดที่จะมีใจเต้นเร็วไม่ได้ เขานั้นรู้สึกว่าเวลาในช่วงสี่วันมานี้ยาวนานราวกับเป็นแรมปี
ในช่วงระหว่างที่รอนี้ทำให้เขานึกย้อนไปถึงช่วงฤดูร้อนที่เขาได้เห็นวังวนมิติเป็นครั้งแรก
ความรู้สึกแรกที่ได้กินเนื้อวิเศษ ความประหลาดใจเมื่อได้เห็นซากศพเป็นครั้งแรก ความกลัวในครั้งแรกเมื่อเห็นสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้
ความยินดีที่ได้ยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯ ทุกครั้งนั้นล้วนเต็มไปด้วยความสุข และผลพลอยได้ที่หอมหวานราวกับว่าเป็นมันหวานและซุปสำหรับการใช้ชีวิตของเขา
หากไม่มีสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ล่ะก็ ตัวเขาคงจะขาดสีสันแห่งชีวิตไปอย่างแน่นอน
“ในตอนนี้สถานีกำจัดขยะห้วงเวลฯได้ยกระดับเป็นระดับสองเรียบร้อยแล้วค่ะ ท่านเจ้าของสามารถควบคุมได้ว่าท่านจะต้องการปิดวังวนมิติเพื่อที่จะป้องกันอันตรายที่แฝงมากับขยะห้วงเวลาฯได้ หรือท่านต้องการที่จะไปสำรวจห้วงเวลาอื่น”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูจิ้งได้นิ่งอึ้งไปในทันที ตัวเขานั้นที่ต้องการยกระดับเป็นระดับสองแต่เดิมมีเป้าหมายในการหยุดยั้งการไหลของขยะห้วงเวลาฯเพียงเท่านั้น แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องมาพบกับตัวเลือกที่เขาเคยคิดเอาไว้แต่ตัดใจไปก่อนหน้านี้แบบนี้
ในขณะที่ซูจิ้งกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ฉิงหยินได้ทำการนับถอยหลัง “สาม สอง หนึ่ง” เมื่อสิ้นเสียง หินแปดเหลี่ยมที่อยู่ตรงหน้าของซูจิ้งก็ได้สั่นไปมาและได้ยืดยาวราวกับเป็นตะปูก่อนที่จะลอยขึ้นไปบนอากาศเบื้องหน้าของซูจิ้ง
ซูจิ้งในตอนนี้ทำได้เพียงแค่เดินเข้าไปดูใกล้ๆด้วยความฉงนสนเท่ เขาพบหินแปดเหลี่ยมนี้ในส่วนหน้าตัดนั้นขังคงมีขนาดเท่าเดิม
ที่ต่างไปคือการที่มีวงแหวนที่อยู่ภายใต้หินแปดเหลี่ยมนี้ ขนาดของมันใหญ่พอที่จะสวมเข้าไปในนิ้วของเขาได้ ราวกับว่าหากเขาตอบตกลงนั้นเขาต้องสวมวงแหวนนี้เข้าไปในนิ้วของตน
ซูจิ้งในตอนนี้นั้นไม่เคยคิดมาก่อนว่าหากยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแล้วยังจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อยู่อีก
“ท่านเจ้าของ สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาระดับที่สองนี้ พื้นที่ภายนอกได้ลดลงจนมีขนาดเหลือเพียงหนึ่งเซนติเมตร
สำหรับพื้นที่ภายในตอนนี้พื้นที่ได้ขยายไปเป็นสิบตารางกิโลเมตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับวงวนมิติ ในตอนนี้อยู่ในสถานะปฏิเสธการรับขยะ และในตอนนี้สถานีฯได้เพิ่มระบบสับเปลี่ยนอุโมงค์มิติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านต้องการทดสอบเลยหรือไม่” ฉิงหยินถามออกมาพร้อมน้ำเสียงกระจ่างใส
“…………….” ซูจิ้งยังคงนิ่งเงียบอยู่ หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงกระโจนเข้าไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว แต่มาในตอนนี้ เขานั้นกลับต้องรู้สึกว่านี่เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาอีกครั้งหนึ่ง…
——————————————-
จบบริบูรณ์ ขอบคุณที่ติดตามจ้า
ตอนต่อไป →