ณ ส่วนยอดของหอสูงราวร้อยจ้างแห่งหนึ่ง ภายในจวนของตงป๋อเสวี่ยอิง
เขานั่งขัดสมาธิอยู่เพียงลำพัง ตรงหน้ามีโต๊ะยาวอยู่ตัวหนึ่งซึ่งมีสุราชั้นเลิศที่ตนชมชอบวางอยู่ไหหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตามองข้ามราวระเบียงตรงหน้าไปยังเมืองจวิ้นซานอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้
“จะสำแดงเคล็ดวิชาทะลุทะลวงทั้งหลายในโลกใบนี้ มีเพียงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาเท่านั้นที่มีหวัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพูด
เมื่อมีคัมภีร์กลยุทธ์กระบี่แยกนภากาศเล่มนั้นคอยชี้นำ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมเข้าใจกฎเกณฑ์วิถีอากาศของโลกใบนี้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านการรับรู้สองพันกว่าปี กระบวนท่าทางด้านวิถีอากาศมากมายของเขาก็เริ่มไปถึงระดับ ‘จ้าวเทพขั้นสุดยอด’ แล้ว! แม้แต่การฝึกกายคละถิ่นก็บรรลุถึงจ้าวเทพขั้นสุดยอดอีกครั้ง
แต่กลับมิได้เข้าถึงวิธีการทะลุอากาศมาโดยตลอด!
“โลกใบนี้เหิมเกริมเกินไปแล้ว กดดันทั้งหมด อากาศก็เหมือนกับแข็งค้างไปอย่างไรอย่างนั้น มิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า หากกล่าวว่าโลกกำเนิดก่อนหน้านี้เหมือนกับ ‘สายน้ำ’ ท่ามกลางระลอกคลื่นน้ำ สามารถทะลุผ่านและเคลื่อนที่ในพริบตาได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้น อากาศจองโลกใบนี้ กลับเหมือนถูกกดดันจนแข็งค้างไปอย่างสิ้นเชิง
เคลื่อนที่ในพริบตาหรือ ฝันไปเถอะ!
“ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็ไม่ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมสามารถชมดูแก่นห้วงอากาศได้ เมื่อเขาจะสอดส่องดูอณูทรงกลมหมอกดำลูกแล้วลูกเล่าผ่านรูทรงกลมหมอกดำนั้น กลับพบว่าปลายอีกด้านหนึ่งของรูก็คือสายฟ้าสีทองอันน่าหวาดหวั่น
สายฟ้าสีทองอันสับสนที่ปะทุออกมาทำลายทุกสิ่ง สติรับรู้ของเขาลองแทรกซึมผ่านรูทรงกลมหมอกดำไป เพิ่งจะพบสายฟ้าสีทองของโลกภายนอก ก็ถูกทำลายเสียแล้ว
น่ากลัวเกินไปแล้ว
แม้แต่การจะเฝ้าดูการส่งถ่ายทลายโลกาก็ยังทำไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเปิด ‘ทางเชื่อมส่งถ่ายทลายโลกา’ สายหนึ่งขึ้นมาเลย
“การเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศหรือ อากาศแข็งค้างเช่นนี้ มิอาจเคลื่อนย้ายได้เลย”
“ห้วงอากาศบิดหมุนระดับบริเวณเมฆาแดงก็ล้วนไร้ประโยชน์ไปสิ้น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ
เคลื่อนที่ในพริบตา การเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ห้วงอากาศบิดหมุนและศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา…ในโลกใบนี้ ไม่มีหวังเลยแม้แต่น้อย
แม้โลกเทพแห่งนี้จะมีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ แต่ก็มีเพียงสิ่งมีชีวิตในตำนานจำนวนน้อยจนยกนิ้วนับได้เท่านั้นที่สามารถสำแดงการเคลื่อนที่ผ่านอากาศออกมาได้!
“สิ่งที่พวกเขาสำแดงออกมา น่าจะเป็นวิธีการจำพวก ‘ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา’” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ตามหลักแล้ว ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาสามารถทำได้
เนื่องจากในฐานะเคล็ดวิชาทะลุทะลวงระดับยอดสุดวิชาหนึ่ง มันถูกคิดค้นขึ้นมา ก็สามารถเปิดทางเชื่อมเล็กจิ๋วอย่างยิ่งจากโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง ทะลุผ่านไปยังมิติคละถิ่นไปถึงโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งได้!
“แม้มิติจะกดดันโลกที่มีชื่อว่า ‘โลกเทพ’ ใบนี้ได้ร้ายกาจอย่างยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับการกดดันของมิติคละถิ่นแล้ว ก็นับได้ว่าเพียงพอจะเทียบกันได้เท่านั้น ข้าสามารถทะลุผ่านไปในมิติคละถิ่นได้ ที่นี่ก็ทำได้เช่นเดียวกัน!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ปัญหาเดียวก็คือ…เดิมทีความเร้นลับของกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา’ ใช้นั้น มีมากมายที่ถูกโลกใบนี้ต้านทาน”
“ต้องเปลี่ยนแปลง”
“ใช้ความเร้นลับวิถีอากาศของโลกใบนี้เป็นหลัก แล้วคิดค้นศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้ว
เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย…
โลกกำเนิดอื่นๆ นั้น กฎเกณฑ์วิถีอากาศครบสมบูรณ์! แต่โลกใบนี้ ทั้งบ้าคลั่งและวุ่นวาย ตัวกฎเกณฑ์เองก็บกพร่อง! ผู้เหินทะยานของพวกเขาเชื่อว่า ‘มหาวิถีมีข้อบกพร่อง’ เป็นฟ้าดินที่สร้างกฎขึ้นมา
“ใช้วิถีที่บกพร่อง…”
“คิดค้นศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาขึ้นมา ช่างท้าทายดีจริงๆ” จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็รวบรวมสมาธิผลักดัน เพระาถึงอย่างไรตอนที่เขาเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สองก็เข้าถึงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาแล้ว หลังจากบรรลุถึงระดับขั้นสุดยอดก็ยังปรับปรุงให้ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาสมบูรณ์ขึ้น และสามารถพาคนทะลุผ่านมิติคละถิ่นได้ บัดนี้เมื่ออยู่ในโลกใบนี้ เขาจึงมั่นใจว่าจะสามารถคิดค้นศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาอย่างหยาบๆ ขึ้นมาได้
******
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังผลักดันศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกานั้น ภายในสกุลอวี้เฟิง กลับมีข่าวร้ายข่าวหนึ่งแพร่มา
ภายในโถงตำหนักอันหรูหรา
อวี้เฟิงจวิ้นซานนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานอันสูงส่ง อวี้เฟิงเหลย พ่อบ้านถงและผู้อาวุโสสกุลอวี้เฟิงทั้งสามคนล้วนอยู่ที่นี่พร้อมหน้ากัน พวกเขาก็คือบุคคลระดับสูงที่สำคัญที่สุดของสกุลอวี้เฟิง
“จิ่นเอ๋อร์ส่งข่าวมาจากเมืองไม้บูรพา” อวี้เฟิงจวิ้นซานมองลงไปเบื้องล่างพลางเอ่ยขึ้น
“น้องรองว่าอย่างไร” อวี้เฟิงเหลยถาม คนอื่นๆ ต่างก็หัวใจรัดแน่นขึ้นมา โลกเทพกว้างใหญ่ไพศาล เรือใหญ่เหินทะยานเร่งไปสองพันกว่าปีแล้ว กองกำลังเทวทูตเมืองจวิ้นซานที่มีอวี้เฟิงจิ่นเป็นผู้นำไปถึงเมืองไม้บูรพาแล้ว เสียเวลาภายในเมืองไม้บูรพาไปกว่าร้อยปี เพื่อมอบของกำนัลเชื่อมสัมพันธ์กับฝ่ายต่างๆ ถึงขั้นยอมให้อวี้เฟิงชิงอินสมรสกับคุณชายเก้าเมืองไม้บูรพา แต่ข่าวที่ส่งมาก่อนหน้านี้ กลับไม่สำเร็จมาโดยตลอด
“ล้มเหลวแล้ว” เสียงของอวี้เฟิงจวิ้นซานเรียบนิ่ง แต่ผู้ใดก็สัมผัสได้ว่า ภายใต้ความสงบนั้นข่มความเคืองแค้นและไม่ยอมจำนนเอาไว้
“ล้มเหลวแล้วรึ”
“นี่…”
แต่ละคนในที่นั้นรู้สึกหัวใจหนักอึ้งไปหมด
แม้จะคาดคะเนไว้ก่อนแล้ว เพราะถึงอย่างไรข่าวที่แพร่สะพัดกลับมาหลายปีก่อนหน้านี้ล้วนแต่ไม่ดีทั้งสิ้น แต่บัดนี้รู้ผลสรุปสุดท้ายแล้ว ก็ยังรู้สึกตระหนกอยู่ดี
“พวกเราสกุลอวี้เฟิงมอบสมบัติล้ำค่าให้ไปตั้งมากมาย เสียไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือนี่” ชายชราผมแดงคนหนึ่งของสกุลอวี้เฟิงร้องคำรามอย่างอดมิได้
“ทำไมรึ เจ้าคิดว่าพวกคนโลภในเมืองไม้บูรพาจะยอมคืนมาอย่างนั้นหรือ เฮอะๆ เมืองไม้บูรพา” นัยน์ตาของอวี้เฟิงจวิ้นซานเต็มไปด้วยแววหนาวเหน็บ มอบสมบัติล้ำค่าผูกสัมพันธ์กับบุคคลผู้ทรงอำนาจฝ่ายต่างๆ ของเมืองไม้บูรพาให้ช่วยผลักดันเรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงไม่สำเร็จ สมบัติล้ำค่าก็ย่อมไม่มีแล้ว
“นายท่าน” พ่อบ้านถงกลับพูดพลางขมวดคิ้ว “หรือว่าคุณชายรองจะทดลองต่อไปมิได้แล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ มั่นใจว่าไม่มีหวังแน่แแล้วหรือ”
“จิ่นเอ๋อร์ส่งข่าวมา บอกว่าเจ้าโจรเฒ่ามารจิตนั่นมิได้สวามิภักดิ์ต่อจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วอีกแล้ว” อวี้เฟิงจวิ้นซานกล่าว “เมืองไม้บูรพาจะไล่วงเกินจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วเพียงเพราะเมืองจวิ้นซานของเราได้อย่างไรกัน”
อวี้เฟิงเหลย พ่อบ้านถงและบรรพบุรุษทั้งสามต่างพากันชะงักค้างไป
จ้าวหุบเขาฝูหลิ่วหรือ
หุบเขาฝูหลิ่ว…
ในโลกเทพก็มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดมากมาย อย่าง ‘จ้าวหุบเขาฝูหลิ่ว’ ก็เป็นคนหนึ่งที่จัดอยู่ในสามอันดับแรก ร่างที่แท้จริงของเขาคือต้นไม้โบราณอันแปลกประหลาดต้นหนึ่งซึ่งถูกขนานนามว่า ‘ต้นฝูหลิ่ว’ ร่างกายของเขาตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ต่อให้มีจักรพรรดิเทพกลุ่มหนึ่งมาล้อมโจมตีก็แค่จักจี้เท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขา ต่อให้เป็นสามตระกูลราชันย์ก็ยังต้องเคาระโดยมิกล้าละเลย
เกรงว่าคงจะมีเพียงบรรพเทวะคละถิ่นสามท่าในตำนานซึ่งเป็นผู้รังสรรค์โลกใบนี้ขึ้นมาเท่านั้น ที่จะสามารถทำลายจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วได้กระมัง
สิ่งมีชีวิตระดับอย่าง ‘จ้าวหุบเขาฝูหลิ่ว’ มีสถานะสูงส่งยิ่งนัก
อย่างเจ้าเมืองจวิ้นซานอย่างอวี้เฟิงจวิ้นซานคิดจะสวามิภักดิ์ เกรงว่าจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วก็คงดูแคลน!
เนื่องจากพลังของประมุขสมาคมจิตมารก้าวหน้าเป็นอันมาก จัดอยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกของ ‘บัญชีรายนามจักรพรรดิเทพ’ ที่ตระกูลจิตฟ้ากำหนดขึ้น นับได้ว่ามีบทบาทสำคัญต่อทั้งโลกเทพแล้ว เขาเป็นฝ่ายเข้าไปสวามิภักดิ์เอง จึงถูกจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วรับเข้าไว้ในสำนัก เนื่องจากร่างกายของจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วเป็นต้นไม้ จึงแทบจะไม่ค่อยปรากฏกายไปเคลื่อนไหวภายนอกมากสักเท่าใดนัก แต่เขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดอยู่ใน ‘สิบสองอันดับแรกของบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพ’
สามสิบอันดับแรกของบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพ แต่ละคนล้วนมีพลังที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อด้วยกันทั้งนั้น
“ก็แค่ช่วยเหลือพวกเรากดดันประมุขสมาคมจิตมารผู้นั้นสักแรงหนึ่ง เรื่องราวเล็กน้อยเท่านี้จะสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตระดับตำนานอย่างจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วแตกตื่นได้หรือ” ผู้อาวุโสประจำตระกูลผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้
“หากเย้ายวนใจพอ เจ้าเมืองไม้บูรพาอาจจะยินยอมก็เป็นได้” อวี้เฟิงจวิ้นซานพูดเสียงเรียบ “แต่ลำพังแค่สมบัติล้ำค่าธรรมดาทั่วไป เพียงแค่ยกธิดาของข้าให้แต่งกับคุณชายเก้า…ผลประโยชน์เล็กน้อยเท่านี้ คุณชายเก้าผู้นั้นก็ไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าใดนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าเมืองไม้บูรพาเลย”
คุณชายเก้าเมืองไม้บูรพาเป็นโจรเด็ดบุปผา
หญิงสาวก็แล้วไปเถิด…
ตอนนั้นเนื่องจากคุณชายเก้าท่องหาประสบการณมาถึงเมืองจวิ้นซาน แม้จะมองอวี้เฟิงชิงอินตาเป็นมัน แต่เนื่องจากไม่อยากยั่วโทสะอวี้เฟิงจวิ้นซาน และไม่อยากบีบบังคับ จึงได้จากไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่า หากคุณชายเก้าได้ ‘อวี้เฟิงชิงอิน’ มาก็คงดีใจ แต่หากไม่ได้ ก็ไม่แยแส
“โจรเฒ่าจิตมารสวามิภักดิ์ต่อจ้าวหุบเขาฝูหลิ่ว ผู้ใดจะช่วยพวกเราได้เล่า” พ่อบ้านถงพูดเสียงต่ำ
“ไม่อย่างนั้นก็หนีกันเถิด! หนีไปจากเมืองจวิ้นซาน” ผู้อาวุโสประจำตระกูลผู้หนึ่งกล่าว
“หนีรึ” อวี้เฟิงเหลยยิ้มเย็น “หากเป็นคนตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอของตระกูลอวี้เฟิง จะหนีไปยังตัวเมืองอื่น ก็อาจจะพออยู่ได้อย่างอึดอัดเล็กน้อย แต่ระดับอย่างข้าแล้ว เกรงว่าโจรเฒ่าจิตมารคจะไม่ปล่อยไปสักคน ต่อให้สะกดรอย ก็คงจะไล่สังหารไปทีละคนๆ”
……
วันนั้น
อวี้เฟิงชิงอินที่อยู่ในสวนดอกไม้ก็ได้ทราบข่าว
“น้องสาม ทางเมืองไม้บูรพานั่นไม่มีหวังแล้ว!” อวี้เฟิงเหลยมองน้องสาวของตนพลางเอ่ยขึ้น
อวี้เฟิงชิงอินสะดุ้ง “พี่รองมิได้ไปถึงเมืองไม้บูรพาแล้วคิดหาวิธีมาตลอดหรอกหรือ” แม้จะไม่ยินดีเป็นอย่างมาก แต่เพื่อตระกูล อวี้เฟิงชิงอินก็ยอมเสียสละ เพราะถึงอย่างไรหากไร้ผู้แกร่งกล้าปกป้อง เมื่อถึงเวลา ตระกูลอวี้เฟิงก็จะสลายไป! ทายาทสายตรงอย่างนางก็มิอาจดิ้นหลุดไปได้เช่นเดียวกัน
………………………………………