ภาคที่ 37 บนเส้นทาง ตอนที่ 25 พาลโกรธ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

“จัดการเขาอย่างไรหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางจ้าวภูเขาค้างคาว“พี่หิมะเหินคิดจะจัดการเช่นไร ก็จัดการตามนั้นเถิด” จ้าวภูเขาค้างคาวถ่ายเสียงพูด

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งทวีความรู้สึกว่าจ้าวภูเขาค้างคาวผู้นี้ไม่มี ‘ความหยิ่งทะนง’ ของยอดฝีมือเลยแม้แต่น้อย ทว่าแม้จะไม่มีความหยิ่งทะนง แต่กลับไม่เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าจ้าวภูเขาค้างคาวนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือของเมืองจวิ้นซาน หากไม่ใช้ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ตนก็ยากที่จะทำอะไรเขาได้! และเมื่อค้นดูความทรงจำ ผู้ที่มีกระบวนท่าทางด้านวิญญาณเยี่ยมยอดพอจะสู้ตนได้ อย่างน้อยในเมืองจวิ้นซานก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

ดังนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงไม่ใช้กระบวนท่าทางด้านวิญญาณมาต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งง่ายๆ! เพราะหากสำแดงออกไปเมื่อใด แล้วข่าวเล็ดรอดขึ้นมา เกรงว่าตนก็คงจะไม่มีคืนวันอันสงบสุขแล้ว

 

“ข้าอยากจะไปดูเถี่ยเฉิงหลิ่วผู้นี้เสียก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด

 

“ดีๆๆ บัดนี้เถี่ยเฉิงหลิ่วผู้นี้อยู่ในภูเขาค้างคาวของพวกเรา” จ้าวภูเขาค้างคาวกระตือรือร้นเป็นอันมาก

 

จากนั้นทั้งสองคนก็ออกจากวังภูเขาลอยมุ่งหน้าไปยังภูเขาค้างคาวพร้อมกัน

 

……

 

ภายในเมืองจวิ้นซาน ภูเขาค้างคาวกินพื้นที่ใหญ่โตมาก สิ่งก่อสร้างทอดยาวต่อเนื่องกัน มีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่มากมาย

 

ภายในตำหนักใหญ่แห่งหนึ่ง

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปด้านในพร้อมกับจ้าวภูเขาค้างคาว ภายในนี้มีจ้าวเทพหลายคนรอคอยอยู่ก่อนแล้ว

 

“ยังไม่คารวะจ้าวเทพหิมะเหินอีก” เมื่อจ้าวภูเขาค้างคาวเข้ามาก็พูดพลางแค่นเสียงเฮอะ

 

“คารวะจ้าวเทพหิมะเหิน” จ้าวเทพเหล่านี้พากันทำความเคารพ

 

บุคคลระดับสูงของภูเขาค้างคาวเหล่านี้ได้ยินมาแล้วว่า ‘เมื่อ จ้าวภูเขาค้างคาว’ หัวหน้าของพวกเขาประลองหยั่งเชิงกับจ้าวเทพหิมะเหินนั้นก็พ่ายแพ้ไป! จ้าวภูเขาค้างคาวกลายร่างเป็น ‘มังกรค้างคาว’ และยังคงได้รับบาดเจ็บ แต่จ้าวเทพหิมะเหินกลับมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผู้ที่คร้ามเกรงต่อ ‘จ้าวภูเขาค้างคาว’ ทั้งหลายคร้ามเกรงต่อจ้าวเทพหิมะเหิน ผู้นี้เช่นเดียวกัน

 

“พี่หิมะเหิน เร็ว เชิญนั่งเถิด” จ้าวภูเขาค้างคาวพูดอย่างกระตือรือร้น เขาและตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งลงตรงตำแหน่งประธานที่สูงที่สุดเคียงข้างกัน

 

เมื่อนั่งลง จ้าวภูเขาค้างคาวก็แค่นเสียงพูดว่า “นำตัวเถี่ยเฉิงหลิ่วผู้นั้นมา!”

 

“ขอรับ”

 

ไม่นานนัก

 

เถี่ยเฉิงหลิ่วผู้นั้นก็ถูกนำตัวขึ้นมา บัดนี้ภายในร่างของเขามีตรวนแทงทะลุเข้าไป ทั้งร่างเดินตะกุกตะกัก สีหน้าซีดขาว เขาถูกคุมตัวมาจนถึงตำหนักใหญ่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปก็มองเห็นจ้าวภูเขาค้างคาวและตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงลิ่ว

 

“เป็นไปได้อย่างไรกัน” เถี่ยเฉิงหลิ่วสะดุ้ง

 

ภูเขาค้างคาวมิได้ส่งยอดฝีมือทั้งหลายไปลอบสังหารจ้าวเทพหิมะเหินหรอกหรือ มิใช่ว่าจ้าวเทพสิ้นใจไปสามคนแล้วหรอกหรือ ความเสียหายใหญ่โตถึงเพียงนี้ ผูกความแค้นเช่นนี้ จ้าวภูเขาค้างคาวกลับยังเชิญจ้าวเทพหิมะเหินผู้นี้มา ทั้งยังหน้าเคียงกันอยู่บนตำแหน่งสูงสุดอีกต่างหากอย่างนั้นหรือ

 

เขารู้ดีว่า  การสูญเสียจ้าวเทพสามคน สำหรับขุมอำนาจอย่าง ‘ภูเขาค้างคาว’ แล้ว ก็นับได้ว่าเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวงอย่างยิ่งแล้ว หลายวันมานี้ เขาถูกทรมานจนน่าอนาถเป็นอย่างมาก จึงเข้าใจดีว่าจ้าวภูเขาค้างคาวเคืองแค้นเพียงใด

 

“เดิมทีข้าคิดจะลงทัณฑ์เจ้าให้ตายเสียเลย” จ้าวภูเขาค้างคาวเหลือบมองลงไปเบื้องล่างแล้วพูดเสียงแหบแห้งว่า “แต่พี่หิมะเหินอยากพบเจ้าเสียหน่อย เจ้าจึงยังมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้”

 

“พี่หิมะเหินหรือ” เถี่ยเฉิงหลิ่วฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ

 

จ้าวภูเขาค้างคาว! ยอดฝีมือตัวยงผู้องอาจที่ได้รับการยอมรับทั่วไปว่าอยู่ในสิบอันดับแรกของเมืองจวิ้นซานอย่างเจ้า จ้าวเทพใต้บังคับบัญชาสิ้นใจไปสามคน แต่กลับเรียกพี่เรียกน้องกับ ‘มือสังหาร’ อย่างนั้นหรือ เจ้ายังมีหน้ามีตาอยู่หรือไม่

 

“เถี่ยเฉิงหลิ่ว ก่อนจะพบเรือใหญ่ลำนั้น ข้ากับเจ้าไม่เคยพบกันมาก่อนกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก

 

“ไม่เคยรู้จักมาก่อน” เถี่ยเฉิงหลิ่วพูดเสียงต่ำ

 

“ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เคยผูกความแค้นกับเจ้ากระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

 

“ก่อนหน้านี้ไม่มีความแค้น” เถี่ยเฉิงหลิ่วพยักหน้า

 

“ก่อนหน้าวันนี้ พวกเราก็ยังไม่เคยพูดจากันสักประโยคเสียด้วยซ้ำ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดต่อ

 

“ใช่” เถี่ยเฉิงหลิ่วกล่าว

 

บนเรือใหญ่ ตงป๋อเสวี่ยอิงมีเสน่ห์เพิ่มพูนขึ้นเป็นอันมากด้วยวิธีการของวิถีเขตลวงโลกเทียม มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่มีความรู้สึกดีต่อตงป๋อเสวี่ยอิง ผู้ที่รำคาญตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างแท้จริงมีเพียงเถี่ยเฉิงหลิ่วผู้นี้เท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายรำคาญตนเอง ตอนนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่ได้คิดจะไปสืบสาวราวเรื่อง และคร้านจะไปพูดให้มากความด้วย

 

“ก่อนหน้านี้เจ้าก็ไม่เคยพูดกับพี่หิมะเหินสักประโยคเดียว เจ้ายังคิดจะสังหารเขาให้ตายอย๋างนั้นหรือ”จ้าวภูเขาค้างคาวปริปากออกมาอย่างอดมิได้

 

“นั่นน่ะสิ ข้าเองก็อยากรู้มาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูเถี่ยเฉิงหลิ่ว “เพราะเรื่องของศิษย์น้องหญิงเจ้าอย่างนั้นหรือ”

 

เมื่อเถี่ยเฉิงหลิ่วได้ยินคำว่า ‘ศิษย์น้องหญิง’ นั้น สีหน้าไม่น่ามองขึ้นมาทันใด สายตาก็กลายเป็นคลุ้มคลั่งขึ้นมา เขายิ้มเย็นชาพลางมองตงป๋อเสวี่ยอิง “จ้าวเทพหิมะเหินนี่ช่างข่าวสารฉับไวจริงๆ”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

 

หลังค้นดูความทรงจำแล้วเขาจึงล่วงรู้ว่า ก่อนหน้านี้เมืองจวิ้นซานแห่งนี้ก็เคยมีผู้เหินทะยานมาก่อน ทั้งยังมาพร้อมกันสามคนอีกด้วย! บุรุษผู้หนึ่งพาฮูหยินมาสองคน ชายหนึ่งหญิงสองล้วนแต่เป็นผู้เหินทะยานทั้งสิ้น ผู้เหินทะยานชายคนนี้มีนามว่า ‘จ้าวเทพตงฟาง’ ฮูหยินทั้งสองล้วนมีรูปโฉมงดงามเช่นเดียวกัน หลังจากพวกเขามาถึงเมืองจวิ้นซานแล้ว ก็รอเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน

 

ตอนนั้น ‘จ้าวเทพเซียวซวง’ ศิษย์น้องหญิงของเถี่ยเฉิงหลิ่ว เคยถูก ‘จ้าวเทพตงฟาง’ ช่วยชีวิตเอาไว้ ทั้งสองถึงขั้นมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันมากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดจ้าวเทพตงฟางก็รับจ้าวเทพเซียวซวงเป็นภรรยาอย่างเปิดเผย

 

จ้าวเทพเซียวซวงเป็นจ้าวเทพช่วงต้น

 

ส่วน ‘เถี่ยเฉิงหลิ่ว’ ซึ่งเป็นศิษย์พี่นั้นเป็นแม่ทัพเทพระดับยอดซึ่งอ่อนแอกว่าอยู่ขุมหนึ่ง! เถี่ยเฉิงหลิ่วมีใจปฏิพัทธ์ต่อศิษย์น้องหญิงมาตลอด เสียดายก็แต่ว่าศิษย์น้องหญิงของเขาไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาก่อน

 

หลังจากจ้าวเทพตงฟางรับ ‘จ้าวเทพเซียวซวง’ เป็นภรรยาแล้ว เถี่ยเฉิงหลิ่วก็มีความแค้นแน่นเต็มอก และยังทุ่มเทสมบัติล้ำค่าจนสิ้นเพื่อซื้อหายาพิษ หมายจะสังหารจ้าวเทพตงฟาง! จ้าวเทพตงฟางได้รับบาดเจ็บด้วยเหตุนี้…ทว่าเพราะเห็นแก่หน้าของฮูหยินจ้าวเทพเซียวซวงจึงมิได้สังหารเถี่ยเฉิงหลิ่ว หากแต่ผนึกกำลังของเถี่ยเฉิงหลิ่วเอาไว้ แล้วแขวนไว้บนเสาของโรงสุราแห่งหนึ่งภายในเมืองจวิ้นซาน แขวนเอาไว้ถึงสามวันเต็มๆ ระหว่างนั้น ก็ไม่มีผู้ใดกล้าไปปล่อยเถี่ยเฉิงหลิ่วลงมาเลย

 

“นางเป็นศิษย์น้องหญิงของข้า!” เถี่ยเฉิงหลิ่วพูดพลางขบกรามกรอด “เป็นเพราะตอนนั้นท่านพ่อข้ารับนางเอาไว้ แล้วชี้แนะการบำเพ็ญให้นาง นางจึงมีทุกวันนี้ได้ เดิมทีนางควรจะเป็นของข้า จ้าวเทพตงฟางผู้นั้นหน้าด้านไร้ยางอาย มาแย่งภรรยาข้าไป”

 

“นางมิใช่ภรรยาเจ้าเสียหน่อย จ้าวเทพเซียวซวงไม่เคยเห็นเจ้าอยู่ในสายตาเลย” จ้าวภูเขาค้างคาวยิ้มหยัน

 

“หากมิใช่เพราะท่านพ่อข้า นางจะมีวันนี้ได้หรือ” เถี่ยเฉิงหลิ่วดวงตาแดงก่ำขึ้นมา “ท่านพ่อข้าสิ้นใจไปท่ามกลางความรกร้าง นางก็ลืมบุญคุณเสียอย่างนั้น”

 

“จ้าวเทพเซียวซวงมิได้ลืมบุญคุณเสียหน่อย ช่วยเหลือเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า จ้าวเทพตงฟางก็ทำดีกับเจ้ามาก ปล่อยให้เจ้าวางยาพิษได้สำเร็จ” จ้าวภูเขาค้างคาวยิ้มตาหยี “ท้ายที่สุด จ้าวเทพตงฟางก็ยังใจอ่อน เหลือทางรอดไว้ให้เจ้าอีก”

 

“ทางรอดอันใดกัน ไอ้คนหน้าด้านไร้ยางอายนี่…” เถี่ยเฉิงหลิ่วยิ่งคลุ้มคลั่งมากขึ้น

 

“เกี่ยวข้องกับข้าด้วยหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันโพล่งขึ้นมา

 

เถี่ยเฉิงหลิ่วจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง “เจ้ากับเขาเป็นผู้เหินทะยานเหมือนกัน!”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงจนคำพูด

 

เขาคิดไปคิดมา ก่อนหน้านี้อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ แต่เหตุผลนี้ก็ออกจะเกินเหตุไปแล้ว

 

เถี่ยเฉิงหลิ่วผู้นี้เกลียดชังผู้เหินทะยาน ‘จ้าวเทพตงฟาง’ จึงมาพาลโกรธตนอย่างนั้นหรือ

 

“ผู้เหินทะยานอย่างพวกเจ้า ถนัดด้านการล่อลวงผู้หญิงเป็นที่สุด ตอนนั้นบรรดาสาวใช้บนเรือใหญ่ไปจนถึงคุณหนูสาม แต่ละคนล้วนกระตือรือร้นเสียเหลือเกิน” เถี่ยเฉิงหลิ่วพูดพลางขบกรามกรอด

 

“เป็นคนเสียสติจริงๆ ด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า เมื่อรู้สาเหตุที่อีกฝ่ายอยากให้ตนตายอย่างแน่ชัดแล้ว เขาก็ไม่สนใจจะฟังอีกต่อไป จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “จ้าวภูเขาค้างคาว มอบโทษตายให้เขาเสียเถิด”

 

“ดี” จ้าวภูเขาค้างคาวฟังแล้วก็รับคำทันที

 

เขายังคิดว่า จ้าวเทพหิมะเหินผู้นี้จะเหมือนกับผู้เหินทะยาน ‘จ้าวเทพตงฟาง’ ก่อนหน้านี้ที่เมตตาเหลือทางรอดชีวิตให้แก่เถี่ยเฉิงหลิ่วเสียอีก

 

“มอบโทษตายหรือ” เถี่ยเฉิงหลิ่วยิ่งคลุ้มคลั่งมากขึ้นไปอีก ยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง

 

“ปัง”

 

จ้าวภูเขาค้างคาวเพียงแค่มองแวบหนึ่ง ความเหน็บหนาวอันไร้ที่สิ้นสุดก็รวมตัวกันขึ้นจากความว่างเปล่าแล้วทำให้เถี่ยเฉิงหลิ่วจับตัวแข็งเป็นน้ำแข็งก้อนโตสูงจั้งกว่าๆ จากนั้นก้อนน้ำแข็งก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที  เถี่ยเฉิงหลิ่วจึงถูกทำให้เยือกแข็งและแตกทำลายไปเช่นนี้เอง

 

หากพูดถึงสถานะแล้ว

 

จ้าวภูเขาค้างคาวอยู่ในเมืองจวิ้นซานก็มีสถานะสูงส่ง แม้แต่พวกนายน้อยอวี้เฟิงเหลยก็ยังต้องเกรงอกเกรงใจและรักษามารยาทเลย

 

แต่ ‘เถี่ยเฉิงหลิ่ว’ ผู้นี้เป็นเพียงคนระดับล่างทั่วไปเท่านั้น มิใช่คนสกุลอวี้เฟิงด้วย! ตอนที่ท่านพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ก็ยังดีหน่อย บัดนี้ท่านพ่อเขาสิ้นใจไปแล้ว ศิษย์น้องหญิง ‘จ้าวเทพเซียวซวง’ ก็ติดตามพวกจ้าวเทพตงฟางและจากไปพร้อมกันแล้ว จ้าวภูเขาค้างคาวก็ย่อมไม่มีอะไรให้เกรงกลัว

 

เรื่องของเถี่ยเฉิงหลิ่วทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดอะไรไม่ออกเป็นอันมาก

 

“จ้าวเทพตงฟางผู้นั้นมิได้สังหารเขา แต่เขาก็ยังรนหาที่ตายเองอีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า ส่วนภูเขาค้างคาว แม้เขาจะมิได้รู้สึกดีกับจ้าวภูเขาค้างคาวผู้นี้ก็ตาม! แต่ข้อแรก เขาสังหารจ้าวเทพของภูเขาค้างคาวไปถึงสามคนด้วยกัน ส่วนตนเองก็มิได้เสียหายอันใดเลย ข้อสอง เขาไม่อยากเปิดเผยกระบวนท่าทางด้านวิญญาณอันน่าหวาดหวั่นของตนออกมาเพราะจ้าวภูเขาค้างคาวผู้นี้ นอกจากนี้จ้าวภูเขาค้างคาวก็กระตือรือร้นมากอย่างแท้จริง และยัง ‘ไม่เห็นแก่หน้า’ ใช้ได้อีกด้วย จึงได้พูดเสียงต่ำว่าจะระบายโทสะเพื่อชดใช้ ตนก็สามารถคลี่คลายเรื่องนี้ไปได้แล้ว

 

*******

 

ณ จวนหลังใหม่ของตงป๋อเสวี่ยอิงในเมืองจวิ้นซาน

 

เนื่องจากการสำแดงพลังออกมา ครั้งนี้นายน้อยอวี้เฟิงเหลยจึงแตกต่างออกไปแล้ว เขามอบจวนอันหรูหราแห่งหนึ่งซึ่งกินพื้นที่กว่าร้อยลี้ให้ ทั้งยังมอบบ่าวรับใช้และสาวใช้กลุ่มใหญ่ให้คอยปรนนิบัติด้วย สำหรับนายน้อยอวี้เฟิงเหลยแล้ว หากในภายหน้าเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ หากสามารถเกี่ยวโยงกับยอดฝีมือหน้าใหม่ผู้นี้ได้ ก็ต้องพยายามข้องเกี่ยวให้เต็มที่ ขอเพียงเป็นผู้ที่รู้จักตอบแทนบุญคุณ ก็จะยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้น ถึงตอนนั้น เมื่อถึงคราวต้านทานศัตรูจากภายนอกก็จะยิ่งตั้งใจสกัดกั้นมากขึ้นไปอีก

 

วันคืนต่อจากนี้ ก็สงบขึ้นแล้ว

 

นอกจากจะมีจ้าวเทพมาเยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่อง และมี ‘อวี้เฟิงชิงอิน’ ศิษย์ผู้นี้มาเยี่ยมเยียนและขอให้ชี้แนะแล้ว ตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็สงบจิตบำเพ็ญโดยตลอด เพื่อรับรู้กฎเกณฑ์วิถีอากาศของโลกใบนี้

 

 

……………………………..