บทที่ 2971 จิตมาร
ฝู่เซี่ยวเทียนร้องดังเฮือก พลันถอยหลังไปดุจสายฟ้าแลบ หยาดเหงื่อเย็นเฉียบไหลหยดลงไปด้านล่าง เห็นได้ชัดว่าเจ็บปวดสุดขีด
“ผู้ใด?!” ตวาดจนเสียงหลงแล้ว
“เปิ่นจุนเอง” คนผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ
คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีเขียวต้นไผ่ ขนงเนตรงามวิจิตร ในมือถือพัดจีบลายนภาดารา นั่งตะแคงอยู่บนหลังมังกรประทีปที่กำยำเพรียวยาวตัวหนึ่ง เหินลอยดุจสายลม ล่องลอยดุจเมฆา
เมฆาขาวไม่กี่ก้อนนั้นที่อยู่ในท้องนภาก็ราวกับสูญเสียสีสันไปแล้ว
ฝู่เซี่ยวเทียนก็นับว่าเป็นผู้ที่หล่อเหลาสง่างามเช่นกัน ทะนงตนว่าเปรียบเสมือนต้นอวี้สูงชะลูด แต่เมื่อเทียบกับบุรุษผู้นี้แล้ว เขาก็เหมือนไม้ฟืนหินหยาบไปทันที ระคายตายิ่ง
ฝู่เซี่ยวเทียนจ้องมองไปที่มังกรประทีปตัวนั้น ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักชายชุดเขียวผู้นี้ แต่ก็ยังคงรู้จักสิ่งมีชีวิตเช่นมังกรประทีปอยู่ เป็นตัวตนระดับเทพ!
ผู้ที่สามารถนำมังกรประทีปมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ย่อมไม่ธรรมดายิ่ง
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สูดหายใจเบาๆ “ท่านผู้สูงศักดิ์คือ?”
บุรุษคนนั้นกลับไม่ได้มองเขา สายตาจ้องเขม็งอยู่ที่ร่างของสตรีชุดขาวนางนั้น แววตาวูบไหว กำมือแน่น “ซีจิ่ว!”
เห็นได้ชัดว่าเขาคาดไม่ถึงว่าจะได้พบนางที่นี่ ในน้ำเสียงแฝงความตื่นเต้นยินดีไว้
สตรีชุดขาวนางนั้นเงยหน้ามองเขา เอ่ยทวนวาจาเสมือนหุ่นยนต์ก็มิปาน “ซีจิ่ว?”
ในความใสซื่อไร้เดียงสาของนางแฝงความงุนงงเอาไว้ ราวกับเพิ่งเคยได้ยินนามนี้เป็นครั้งแรก
บุรุษผู้นั้นจ้องนางเขม็ง คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาค่อยๆ แปรเปลี่ยน “เจ้าไม่ใช่นาง…”
สตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ยังคงแตกต่างกับกู้ซีจิ่วในปัจจุบันมากนัก
แววตาไม่เหมือน บุคลิกไม่เหมือน อำนาจบนกายก็ไม่เหมือนเช่นกัน
กู้ซีจิ่วในปัจจุบันเป็นปาท่องโก๋แก่ที่ผ่านยุทธภพมาอย่างโชกโชนแล้ว ในแววตามักจะเผยความเฉลียวฉลาดออกมาอยู่เสมอ บุคลิกก็เฉื่อยชา แต่สตรีชุดขาวเบื้องหน้าที่ดูเหมือนจะใสซื่อไร้เดียงสาคนนี้กลับมีไอชั่วร้ายอันน่าพรั่นพรึงเจืออยู่ บนร่างก็มีไอทมิฬพัวพันอยู่ด้วย ทำให้จิตใจของเขาสั่นคลอน
เขาก้าวเข้าไปทันที เอ่ยโพล่งออกมา “อาจารย์!”
สตรีที่อยู่เบื้องหน้านี้รูปโฉมตรงกันกับสตรีนางนั้นที่อยู่ในฝันร้ายของเขาทุกประการ ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ไอเทพบนร่างนางก็ยังคล้ายคลึงอย่างสมบูรณ์!
ในวินาทีนี่เอง หัวใจของเขาปั่นป่วนพลุ่งพล่าน นิ้วมือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่นจนขาวซีดแล้ว
ในฝันร้ายของเขาอาจารย์ดับขันธ์ไปแล้วชัดๆ แล้วทำไมถึงปรากฏขึ้นที่นี่ได้? ซ้ำบนร่างยังเจือด้วยไอมารที่กล้าแกร่งถึงเพียงนี้อีก…
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
สตรีนางนั้นนั้นขมวดคิ้วนิดๆ สายตาเฉยชากวาดผ่านใบหน้าของเขาแวบหนึ่ง ท่าทางคล้ายจะใคร่ครวญอยู่ “อาจารย์?”
บุรุษผู้นี้ย่อมเป็นฟั่นเชียนซื่อ เขามองสตรีที่อยู่เบื้องหน้า ในใจคล้ายจะชิงชังคล้ายจะคั่งแค้นและคล้ายว่าจะแฝงความสนิทสนมที่ไม่อาจกล่าวได้กระจ่างเอาไว้ด้วย เขาพลันตัดสินใจ ก้าวเข้าไปหา “อาจารย์ ท่านจำศิษย์ได้หรือไม่? ข้าคือเชียนซื่อ ศิษย์ของท่านไง…”
แววตาของสตรีนางนั้นวูบไหวนิดๆ นัยน์ตานางมืดดำยิ่ง ทว่าผิวพรรณกลับเผือดซีด ส่งเสริมขับเน้นกัน ทำให้ดวงตาของนางดูเหมือนจะยิ่งลึกเว้าเข้าไปยิ่งขึ้น มันความมืดดำสุดขีดหมุนคว้างอยู่ด้านใน “ศิษย์เอ๋ย…”
นางยื่นมือน้อยๆ ที่ขาวกระจ่างออกมา “มีสุราหรือไม่?”
ฟั่นเชียนซื่อผงะไปแวบหนึ่ง เขามองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อน สตรีที่อยู่ตรงหน้านี้คล้ายจะความจำเสื่อม ท่าทางเหมือนจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แต่ความเสพติดคล้ายจะยังคงเดิม…
เขาหลุบตาลงนิดๆ หยิบน้ำเต้าสุราลูกหนึ่งออกมาจากร่างแล้วยื่นให้
สตรีนางนั้นตวัดแขนเสื้อ ม้วนเอาน้ำเต้าสุราเข้าไป เปิดจุกน้ำเต้าออก แหงนหน้าดื่ม
แต่ดื่มเข้าไปได้อึกเดียวก็ขมวดคิ้วแล้วถ่มลงบนพื้น ยามที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ไอสังหารฉายชัดอยู่ในดวงตา “สารเลว! ไม่น่าเชื่อว่าจะหลอกลวงเปิ่นจุน!” พลันดีดนิ้วคราหนึ่ง น้ำเต้าสุราแหลกเป็นเสี่ยงๆ ทันที! ไอสุราฟุ้งกระจายไปในทะเลทราย มอมเมาคนเป็นหนักหนา
————————————————————————————-
บทที่ 2972 จิตมาร 2
สตรีนางนั้นอยู่ในความโกรธเกรี้ยว อุณหภูมิรอบข้างพลันลดต่ำลงทันที ลดลงรวดเดียวหลายสิบองศา!
นางซัดฝ่ามือใส่ฟั่นเชียนซื่อด้วยความโกรธ กระแสฝ่ามือเปี่ยมไปด้วยหิมะน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก ส่งเสียงหวีดหวิวแฝงด้วยไอพิฆาตที่ราวกับจะทำลายฟ้าดินได้
ฟั่นเชียนซื่อเหินออกไปพร้อมกับกระแสฝ่ามือของนาง พลันยกมือสร้างกำบังโปร่งแสงอันหนึ่งครอบคลุมตนและมังกรประทีปเอาไว้อย่างรวดเร็ว
หิมะน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นจากไอพิฆาตซัดเข้าใส่กำบัง เกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ เสียงแหลมระคายหูผู้คน
กำบังนี้ของฟั่นเชียนซื่อก่อขึ้นจากพลังยุทธ์ของเขา ทรงพลังอย่างยิ่ง นอกเหนือจากตี้ฝูอีที่เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว ยังไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำลายได้
เมื่อเขาก่อกำบังนี้ขึ้นมาก็นึกว่าจะปลอดภัยแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าน้ำแข็งหิมะจากไอพิฆาตเหล่านั้นซัดสาดลงบนกำบังของเขาอยู่ไม่กี่ครา ก็ซัดให้ปริแตกได้แล้ว
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เกิดเสียงดังเพล้ง กำบังของเขาแตกร้าว แตกกระจายเป็นเศษแก้วในทันใด
ความเหน็บหนาวดุจเข็มแหลม ทิ่มแทงเข้าสู่ผิวคน วรยุทธ์ของฟั่นเชียนซื่อเลิศล้ำถึงเพียงนี้ก็หนาวสะท้านจนสั่นเทาอยู่รางๆ แล้ว ขนลุกชันขึ้นมา มือเท้ายิ่งหนาวกระด้างอย่างรวดเร็ว แม้แต่บนขนตาก็จับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งแล้ว
มังกรประทีปข้างกายเขาเป็นสัตว์ธาตุไฟ เดิมทีไม่เกรงกลัวความหนาวเป็นที่สุด แต่ยามนี้แผ่นเกล็ดของมันก็จับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งแล้วเช่นกัน ทำให้มันทรงตัวอยู่กลางอากาศต่อไม่ไหว เกิดเสียงดังตูม หล่นลงบนพื้น เนื่องจากร่างกายแข็งทื่อไปแล้ว การร่วงหล่นนี้เลยเกือบจะทำให้ตัวมันหักเป็นสองท่อนแล้ว ร่างมันสั่นสะท้านขดเป็นก้อน เอ่ยซ้ำๆ ว่า “หนาว! หนาว! หนาว!”
ฟั่นเชียนซื่อไม่กล้าชักช้ายืดยาดแล้ว ฝืนข่มความเหน็บหนาวที่ประหนึ่งเข็มแหลมทิ่มแทงเข้าสู่กระดูกไว้ โคจรพลังเทพ ลำแสงห้าสีผุดออกมาจากฝ่ามือครอบคลุมร่างของมังกรประทีป ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดก็หลอมละลายเกล็ดน้ำแข็งนั้นได้แล้ว
มังกรประทีปขดตัวพันเขาไว้แน่น วงตามหึมาสองข้างนั้นมองไปที่สตรีชุดขาวนางนั้นอย่างสงสัยระคนตกตะลึง “นาง…นาง…”
นัยน์ตาโตของมันกวาดมองไปรอบๆ สภาพแวดล้อมที่เดิมทีเป็นระนาดทรายกว้างไกลสุดสายตาได้กลายเป็นทุ่งน้ำแข็งผืนหนึ่งไปแล้ว
ส่วนฝู่เซี่ยวเทียนคนนั้นก็กลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งชิ้นหนึ่งไปแล้ว เมื่อครู่เขาคงคิดจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ร่างกายยังอยู่ในท่าทางวิ่งหนีที่ดูน่าขัน เท้าหนึ่งยกขึ้น เท้าหนึ่งอยู่บนพื้น เบิกตากว้างแล้วแข็งค้างไปเช่นนี้เลย บนร่างไม่มีสัญญาณชีพสักนิดแล้ว
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว คนที่บำเพ็ญจนบรรลุเป็นซ่างเสินแล้ว ต่อให้ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งก็ไม่มีทางสิ้นชีพ อย่างมากก็แค่หลับใหลไปเสมือนเข้าสู่สภาวะจำศีล
แต่ตอนนี้ฝู่เซี่ยวเทียนคนนี้กลับตายไปแล้ว แถมยังตายอย่างทรมานยิ่ง
ถึงขั้นที่แม้แต่วิญญาณก็ไม่หลงเหลือแล้ว ชัดเจนนัก วิญญาณของเขาก็แตกสลายไปแล้วเช่นกัน กลายเป็นไอพยาบาทอยู่ในทะเลทรายผืนนี้ไปชั่วกาลนาน
ฟั่นเชียนซื่อสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง ในที่สุดก็มองตัวตนของสตรีนางนี้ออกแล้ว!
สตรีนางนี้คือมารเทพ!
มารเทพ ตัวตนในตำนานเล่าขาน กลายสภาพมาจากจิตมารของผู้เป็นเทพ
พลังเทพเดิมทีก็แข็งแกร่งเป็นที่สุดอยู่แล้ว จิตมารของเทพย่อมไม่อ่อนด้อยแน่นอน แตกต่างจากจิตมารทั่วไป ทุกท่วงท่าอุบายที่สำแดงออกมาจะอยู่ระหว่างเทพและมาร ดุจเทพดั่งมารแท้ๆ ยามที่แกร่งกล้าจนถึงขีดสุดแล้ว สามารถทำลายล้างโลกาให้สิ้นซากได้เลย!
ไม่นึกเลยว่าในชาติก่อนอาจารย์ก็มีจิตมารด้วย ซ้ำยังกักขังเอาไว้ที่นี่…
แววตาของฟั่นเชียนซื่อผันผวนแปรปรวน ในใจก็อธิบายความรู้สึกไม่ถูกเช่นกัน บางทีเมื่อก่อนเขาคงหมกมุ่นยึดติดหนักหนาเกินไป เดิมทีเขาก็ลืมเลือนการมีอยู่ของเทพผู้สร้างโลกกู้ซีจิ่วไปแล้วเช่นกัน แต่หลังจากเขาตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราตื่นหนึ่งเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ก็มักจะฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตบางส่วน
เริ่มแรกเป็นเพียงเศษเสี้ยวกระจัดกระจายส่วนหนึ่ง ต่อมาก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทุกครั้งที่ตื่นจากความฝันจะราวกับได้พบพานมาอีกครั้ง…
แน่นอน ความฝันเหล่านั้นที่เขาฝันยังคงแตกต่างจากที่ตี้เฮ่าได้รับชม
สิ่งที่ตี้เฮ่าเห็นคือชีวิตของกู้ซีจิ่ว แต่ความฝันของฟั่นเชียนซื่อล้วนเป็นอดีตที่เขาเคยพบพาน มองเห็นสิ่งเหล่านั้นในมุมมองของตัวเอง
มองเห็นความลุ่มหลงงมงายในวัยเยาว์ ความอ่อนไหวไร้หนทาง ความสิ้นหวังเคืองแค้นในปีนั้นของตน…
————————————————————————————-