บทที่ 2973 จิตมาร 3
มองเห็นความเย็นชาไร้เมตตา ได้ใหม่ลืมเก่า หมางเมินไร้ไมตรีของนาง
เขาเกลียดนาง!
สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความเกลียดชังอยู่เสมอ กลางคืนหลับไม่ลง คิดแต่จะแก้แค้นนาง…
แต่ยามนี้พอได้เห็นมารเทพที่กลายสภาพมาจากจิตมารของอาจารย์ เขากลับไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไรดีไปชั่วขณะ
เขาเป็นเทพผู้สร้างโลกที่บำเพ็ญเพียรมาหลายหมื่นปีแล้ว วรยุทธ์ย่อมเลิศล้ำ ดังนั้นความหนาวเหน็บที่มารเทพเบื้องหน้านี้สำแดงออกมาจึงทำร้ายเขาไม่ได้ เพียงรู้สึกอึดอัดยิ่งนักเท่านั้น
เขามองสตรีชุดขาว ยังคงไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง
เขาไม่นึกเลยว่าอดีตเทพผู้สร้างโลกที่ไร้จิตไร้ใจถึงเพียงนั้น อาจารย์ที่ทำราวกับไม่เก็บเรื่องใดหรือผู้ใดมาใส่หัวใจเลย จะมีจิตมารเช่นกันแถมยังเป็นจิตมารที่กล้าแกร่งถึงเพียงนี้!
จิตมารของอาจารย์ในยามนั้นคืออะไร?
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไปอีก ยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “อาจารย์ ท่านอยากดื่มสุราใดเล่า? ศิษย์จะไปหามาให้ท่าน”
สตรีชุดขาวเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มนิดๆ ราวกับฉงนสนเท่ห์ “อยากดื่มสุราใด? เปิ่นจุนอยากดื่มสุราอันใดกันนะ?” นางลูบหน้าอก มุ่นคิ้วนิดๆ “ตรงนี้ของเปิ่นจุนว่างเปล่ายิ่ง อึดอัดยิ่ง เจ็บปวดยิ่ง! อยากจะดื่มสุรา ถ้าดื่มสุราก็คงดีขึ้น…”
ฟั่นเชียนซื่องุนงง…
จิตมารของอาจารย์คือสุรางั้นหรือ?
เขาเป็นศิษย์ของนางมาหลายสิบปี ย่อมทราบถึงรสนิยมของนางดี และรู้ดีว่านางชอบดื่มสุราแบบไหน อย่างไรก็ตามเนื่องจากในใจเขาเคียดแค้นชิงชัง เมื่อดื่มสุราจึงไม่เคยดื่มสุราไม่กี่อย่างนั้นที่นางชอบเลย
ดังนั้นถึงแม้เขาจะพกสุราติดตัวเช่นกัน ทว่าไม่มีชนิดที่นางชอบเลย สักอย่างเดียวก็ไม่มี!
ยามนี้มองเห็นแววตานางเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง ในใจเขาเสมือนมีเส้นด้ายรัดรึงเบาๆ คราหนึ่ง! เจ็บปวดตื้อตันไปหมด!
จู่ๆ เขาก็สำนึกเสียใจบ้างแล้ว!
หากรู้เช่นนี้แต่แรก เขาจะพกสุราที่นางชอบเข้ามาด้วย…
เขาให้มังกรประทีปติดตามไอวิญญาณเสาะหาอยู่ถึงยี่สิบวันเต็ม ถึงได้หาทวีปนี้พบ
มังกรประทีปเสี่ยวเฮยบอกกับเขาอย่างยืนกรานหนักแน่นยิ่งว่า มังกรประทีปชมพูที่เข้ามาปาดหน้ากลางทางตัวนั้นอยู่ในทะเลทรายของทวีปนี้
เขาย่อมมาค้นหา เขาสืบถามที่ด้านนอกดูเล็กน้อย ก็สืบหาลักษณะพิเศษของทะเลทรายแห่งนี้มาได้
เพียงแต่ เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย
เขาคิดว่าเป็นเล่ห์กลของมังกรประทีปชมพูตัวนั้น ถึงอย่างไรมังกรประทีปก็เป็นธาตุไฟ มันจะทำให้ทะเลทรายร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง
ส่วนยอดฝีมือที่ไปแล้วไปลับพวกนั้น ย่อมถูกมังกรประทีปกินไปแล้ว…
เมื่อมีข้อสันนิษฐานเช่นนี้ เขาจึงพาเจ้าเสี่ยวเฮยเข้ามาในทะเลทรายแห่งนี้ กลับไม่นึกเลยว่าทันทีที่เข้ามาก็ได้พบสตรีชุดขาวที่ยืนสง่าอยู่ตรงนั้น มองเห็นบุรุษชีกอคนนั้นกำลังจะโอบกอดนาง…
เขาย่อมโกรธเกรี้ยว ลงมือสั่งสองฝู่เซี่ยวเทียนไปตามสัญชาตญาณ!
เขาเงยหน้ามองสตรีชุดขาวที่ยังเลื่อนลอยอยู่กับตัวเอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อาจารย์ ท่านชอบดื่มสุราเหมยเขียวกระมัง? ศิษย์จะออกไปเสาะหามาให้ท่าน ท่านรอข้าก่อนดีไหม?”
สตรีชุดขาวนางนั้นกลับไม่สนใจเขาอีก นางเหม่อมองท้องนภา กอดแขนไว้แน่น เอ่ยพึมพำ “หนาวเหลือเกิน! ดวงตะวันไปไหนเสียแล้ว? หนาวจะตายอยู่แล้ว…”
บนแพขนตาของนางก็คล้ายจะจับตัวแข็งแล้ว เรือนร่างแบบบางราวกับลมพัดมาคราหนึ่งก็จะแตกสลายไป “ข้าหนาวเหลือเกิน…”
ท่าทางของนางดูอ่อนแอเปราะบางยิ่ง ในสมองของฟั่นเชียนซื่อเกิดเสียงดังตูม โลหิตในทรวงเอ่อท้นขึ้นมา อยากจะโอบนางไว้ในวงแขนมอบความอบอุ่นให้นางยิ่งนัก ทำให้ดวงหน้าเฉิดฉันที่ซีดขาวจนดูไม่เข้าทีของนางมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง
เขาก้าวเข้าไป กางแขนออกนิดๆ “อาจารย์…”
‘พลั่ก!’ร่างมหึมาที่ดำเมื่อมเยียบเย็นสายหนึ่งพุ่งเข้าหาอ้อมแขนเขา เย็นจนทำให้เขาสะท้าน เสียงของเจ้าเสี่ยวเฮยดังขึ้นเหนือศีรษะเขา ‘ผู้เฒ่าหนาวจะตายแล้ว! มอบความอบอุ่นให้ผู้เฒ่า!’
ฟั่นเชียนซื่อผงะไปแวบหนึ่ง
เขาเงื้อเท้าถีบไอ้ตัวนี้ออกไป “ไสหัวไปซะ!”
….
————————————————————————————-
บทที่ 2974 จิตมาร 4
เสี่ยวเฮยกลิ้งหลุนๆ คราหนึ่ง พลางเต้นเร่าอยู่ตรงนั้นเสมือโดนเหยียบหางก็มิปาน ‘หนาว! หนาว! หนาว!’
กระโดดโลดเต้นเช่นนี้อยู่ตรงหน้าของฟั่นเชียนซื่อ ร่างกายมหึมาบดบังทัศนวิสัยของฟั่นเชียนซื่ออย่างหมดจด ทำให้เขามองไม่เห็นสตรีชุดขาวนางนั้นอีก
ส่วนฟั่นเชียนซื่อก็ราวกับตื่นจากห้วงฝัน พลันตกตะลึง ด้วยพลังยุทธ์ของเขา เคยใช้วิชาสะกดจิตมาล่อลวงสติของผู้อื่นอยู่บ่อยครั้ง กลับคาดไม่ถึงว่าวันนี้ตนจะถูกล่อลวงสติแล้วเช่นกัน เกือบจะหลงกลแล้ว…
มังกรประทีปตัวโตมหึมายิ่ง บดฟ้าบังตะวันได้ ปิดกั้นสายตาของเขาอย่างสมบูรณ์
เขาลากมังกรประทีปออกไป “เจ้าไสหัวไปให้พ้นจากเปิ่นจุน!”
เรี่ยวแรงเขามหาศาล เสี่ยวเฮยไม่กล้าสกัดขวางเขาไปตลอด จึงแวบออกไปเลย เพียงแต่มันยังคงรายงานความชอบ ‘เจ้าถูกสะกดจิตแล้วรู้ตัวบ้างไหม? หากมิใช่เพราะผู้เฒ่า เจ้าคงกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว!’
ฟั่นเชียนซื่อคร้านจะสนใจมันแล้ว!
หัวใจเขาร้อนรุ่มดังเพลิงโชนสูงสู่นภาแล้ว
จิตมาร! สรุปแล้วจิตมารของสตรีผู้นี้ก่อขึ้นได้อย่างไรกันแน่?!
ยามนั้นเป็นสตรีที่ไร้จิตไร้ใจถึงเพียงนั้น เขาปฏิบัติต่อนางเช่นไร นางก็ยังคงทอดทิ้งเขาเหมือนรองเท้าเก่าๆ จะดับขันธ์ก็ไม่ยอมพบหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย
ใช้ไข่มังกรประทีปฟองหนึ่งเพื่อถ่วงเขาไว้
น่าขันที่ตัวเขาในยามนั้นศึกษาค้นคว้าเรื่องการฟักไข่อยู่ทั้งวันทั้งคืน หวังเพียงจะฟักออกมาให้นางได้เห็นในเร็ววัน ให้นางดีใจ…
กลับคาดไม่ถึงนางเพียงใช้มันถ่วงเวลาเขา ป้องกันไม่ให้เขาไปก่อเรื่องอีกเท่านั้น
จิตใจของนางล้วนอยู่ที่ตัวของตี้ฝูอี ก่อนจะดับขันธ์ล้วนจัดการยกทุกสิ่งให้ตี้ฝูอี แม้แต่พลังยุทธ์ก็ถ่ายทอดให้แก่เขา จัดการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีระเบียบแบบแผนปานนั้น
แล้วนางมีเรื่องราวในใจอันใดที่กลายสภาพเป็นมารได้?!
เขามองไปทางสตรีชุดขาวนางนั้นอีกครั้ง กลับพบว่านางจากไปแล้ว อาภรณ์โบกพลิ้วอยู่ท่ามกลางเกล็ดหิมะก้าวจากไปไกลแล้ว
โลหิตระอุในหัวใจของเขาเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง หมายจะไล่ตามไปขวางนางไว้ ทว่าจู่ๆ นางก็ละลายหายไปจากจุดเดิมราวกับผลึกวารี
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่นางหายไป เมฆทึบบนท้องนภาพลันแยกออก ดวงตะวันโผล่ออกมาอีกครั้ง…
อากาศร้อนระอุขึ้นมาเร็วยิ่ง หิมะน้ำแข็งหลอมละลายอย่างรวดเร็ว และผ่านไปไม่ถึงชั่วระยะหนึ่งถ้วยชา ในทะเลทรายก็ร้อนเหมือนไฟแล้ว พอหายใจแล้วสัมผัสได้เลยว่าลำคอแห้งผาก
‘ร้อน! ร้อน! ร้อน! นี่ก็ร้อนเกินไปแล้ว! ทะเลทรายแห่งนี้ผิดปกตินะ! เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนเช่นนี้!’ เสี่ยวเฮยคลี่กางแผ่นเกล็ดทั้งหมดออก อ้าปากกว้างสูดหายใจ สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ชัดเจนยิ่ง เป็นครั้งแรกที่มันได้พบเจอสถานที่ที่สภาพอากาศแปรปรวนอย่างมหาศาลเช่นนี้
ฟั่นเชียนซื่อไม่สนใจมันแล้ว หันหลังเดินกลับไป
‘นี่ เจ้าจะไปไหน?’ มังกรประทีปฉงน
“ออกไปซื้อสุรา!”
‘เจ้าเข้ามาเพื่อตามหาดวงวิญญาณของเสี่ยวตี้เฮ่ามิใช่หรือ? ข้าสัมผัสได้ว่ามังกรประทีปชมพูตัวนั้นก็อยู่ที่นี่ด้วย’
ฝีเท้าของฟั่นเชียนซื่อชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ก้าวต่อไป “ซื้อสุรากลับมาแล้วค่อยตามหาก็ยังไม่สาย!”
เสี่ยวเฮยพูดไม่ออกแล้ว ผู้ที่เร่งเร้าให้มันรีบเสาะหาทะเลทรายแห่งนี้อย่างร้อนรนก็คือเขา ยามนี้พอหาพบแล้วกลับไม่รีบไปตามหาคน แต่ยังมีแก่ใจจะออกไปหาซื้อสุราอยู่ก็ยังคงเป็นเขา!
เสี่ยวเฮยรู้สึกว่าวงจรสมองของเจ้านายตนค่อนข้างผิดเพี้ยนไปแล้ว มันไม่เข้าใจเลย
ทำได้เพียงติดตามผู้เป็นนายกลับไปด้วย
ผ่านพ้นไปหนึ่งชั่วยาม
ฟั่นเชียนซื่อมองดูทรายเหลืองเวิ้งว้างรอบข้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องหนึ่งแล้ว เขาถูกขังไว้ในทะเลทรายผืนนี้แล้ว! ออกไปไม่ได้!
เขาเชี่ยวชาญการทำลายเขตแดน ส่วนมังกรประทีปก็ยิ่งไม่มีเขตแดนไหนที่ไม่อาจทำลายได้ ตามปกติแล้วต่อให้เป็นเขตแดนที่ร้ายกาจสักแค่ไหนมันคำรามคราหนึ่งก็ทำลายได้แล้ว
แต่หนนี้ มันคำรามจนกล่องเสียงแทบแหบแห้งแล้ว! ทะเลทรายผืนนี้ก็ยังคงเป็นทะเลทรายอยู่ กว้างไกลไร้ขอบเขต หาเส้นทางออกไปไม่พบเลย
อย่าว่าแต่ออกไปซื้อสุราเลย แค่คิดจะออกไปซื้อน้ำก็ทำไม่ได้แล้ว
————————————————————————————-